บทที่หนึ่ง เมฆเคลื่อน
ช่วงปลายฤดูใบไม้ผลิกำลังจะผ่านพ้นไป อากาศของช่วงต้นฤดูร้อนในเดือนหกโผล่หน้ามาทักทาย สภาพอากาศของเมืองไหวอันก็เริ่มร้อนระอุขึ้นมาบ้างแล้ว ลมทะเลถูกคลื่นความร้อนพัดพาเข้ามาในตัวเมืองเป็นครั้งคราวทำให้ในอากาศเต็มไปด้วยกลิ่นเค็มและความชื้นเหนอะหนะ อากาศแบบนี้เดินไปได้แค่ไม่กี่ก้าวเหงื่อก็เปียกชุ่มแผ่นหลัง ผู้คนพากันบ่นโอดครวญว่าฤดูร้อนปีนี้ไม่ปรานีผู้ใดเลย
มีแค่ช่วงรุ่งสางที่ท้องฟ้าถูกย้อมเป็นสีแดงและดวงอาทิตย์ยังไม่ลอยสูงขึ้นเหนือก้อนเมฆเท่านั้นที่ยังมีอากาศหนาวเย็นของยามค่ำคืนหลงเหลืออยู่ในอากาศ ความเย็นนั้นผสมผสานไปกับกลิ่นหอมของดอกแม็กโนเลียที่เบ่งบานอย่างงดงามอยู่เต็มสองฟากถนน
นี่เป็นช่วงเวลาที่เหมาะแก่การเดินเล่นที่สุดของวัน ทว่าในเวลาแบบนี้ก็กลับถูกเสียงทะเลาะวิวาททำลายความสงบยามเช้าไปจนสิ้น
“เอาลูกมาให้ฉันเลี้ยงดีต่อทุกคนทั้งนั้น! ผู้หญิงตัวคนเดียวอย่างเธอจะให้ชีวิตที่สุขสบายกับเขาได้ยังไง อาจิ้ง วันนี้ที่พวกเรามาหาเธอ ไม่ได้คิดจะมาทะเลาะด้วยหรอกนะ”
ด้านนอกประตูกระจกหมุนบานใหญ่ของโรงแรมเหลียนถัง หญิงสาวอายุน้อยที่อุ้มทารกอยู่คนหนึ่งถูกกลุ่มชายหญิงซึ่งมีทั้งคนแก่และเด็กกลุ่มหนึ่งล้อมเอาไว้ หลังได้ยินคำพูดจากผู้ชายคนนั้นแล้วหญิงสาวก็ยิ่งกระชับตัวเด็กในอ้อมกอดแน่นขึ้นกว่าเดิม พร้อมตะคอกตอบด้วยดวงตาแดงก่ำ “หรงซิ่งอัน ฉันขอบอกคุณอีกครั้งว่าเขาไม่ใช่ลูกของคุณ! พวกเราเลิกกันตั้งนานแล้ว เด็กคนนี้ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับคุณทั้งนั้น!”
ประโยคนี้เธอกัดฟันกรอดขณะพูดออกมา หญิงชราแต่งตัวทันสมัยในกลุ่มแค่นหัวเราะพลางเอ่ยเสียงแหลมสูง “นางแพศยา! เพิ่งเลิกกับลูกฉันไม่ทันพ้นปี แต่เด็กนี่อายุปาเข้าไปสองเดือนได้แล้ว แกมาบอกว่าเด็กไม่ใช่ลูกของลูกชายฉัน งั้นแสดงว่าตอนที่อยู่กับเขาแกแอบไปมีคนอื่นหรือยังไง!”
คนอื่นๆ ส่งเสียงตะโกนสนับสนุน แม้กระทั่งเด็กน้อยที่อายุน่าจะราวๆ แค่เจ็ดขวบก็ยังเดินมาผลักหญิงสาวคนนั้นพร้อมพูดว่า “แม่บอกว่าเธอมันหน้าไม่อาย!”
เสียงทะเลาะวิวาทรุนแรงดังขึ้นเรื่อยๆ หญิงสาวกอดเด็กน้อยที่ร้องไห้จ้าเอาไว้แน่นขณะถูกครอบครัวหรงกดดันจนไร้ทางไป คนที่มุงอยู่บางคนมีน้ำใจอยากจะเข้าไปช่วยไกล่เกลี่ย ทว่าก็ถูกหรงซิ่งอันตะเบ็งเสียงดังไล่กลับไป “นี่เป็นเรื่องในครอบครัวพวกเรา! ฉันขอเตือนเอาไว้เลย ใครกล้าสอดมือเข้ามายุ่ง ฉันจะฟ้องมันให้หมด!”
หญิงชราอาศัยว่าตัวเองมีพวกมากกว่าจึงกระโจนเข้าไปแย่งตัวเด็กในอ้อมกอดหญิงสาว หญิงสาวกรีดร้องพยายามปกป้องลูกเอาไว้ ส่งเสียงร้องไห้ระคนก่นด่า “หรงซิ่งอัน คุณมันไม่ใช่คน! ตัวคุณเป็นหมันหลังเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์แต่กลับมาแย่งลูกของฉัน! คุณจะต้องรับกรรม พวกคุณจะต้องได้รับกรรมแน่!!!”
หรงซิ่งอันถูกคำพูดของหญิงสาวกระตุ้นโทสะจึงง้างมือขึ้นเตรียมจะตบเธอ กลุ่มคนพุ่งเข้าใส่พร้อมสบถด่าเสียงขรม เสียงร้องไห้ของหญิงสาวผสานไปกับเสียงร้องไห้ของทารก สถานการณ์สุดแสนจะโกลาหล
“เลิกทะเลาะกันได้แล้ว”
ในตอนที่น้ำเสียงสงบนิ่งนี้ลอยเข้ามาในกลุ่มคน หญิงสาวกำลังถูกคนกระชากผม เด็กในอ้อมกอดก็กำลังจะถูกแย่งตัวไปอยู่แล้ว ทว่าแค่เพียงพริบตาเดียวเท่านั้น เสียงทะเลาะ เสียงร้องไห้ก็พลันหยุดลงเหมือนมีคนกดปิดสวิตซ์ รอบด้านเงียบสงัด มีแค่เสียงร้องเบาๆ ของนกที่โผบินขึ้นไปบนยอดไม้
ทุกคนพากันหันหน้าไปมองตามเสียงนั้น ไม่รู้ว่าตรงหน้าประตูโรงแรมมีหญิงสาวหน้าตาจิ้มลิ้มคนหนึ่งยืนอยู่ตั้งแต่เมื่อไหร่ เธอสวมเสื้อเชิ้ตขาวกับกางเกงยีน ผมที่ยาวประบ่าทัดอยู่ด้านหลังใบหู ใบหน้าดูสะอาดสะอ้าน แต่คิ้วเรียวกลับขมวดนิดๆ แฝงไปด้วยความตึงเครียดที่ดูไม่เข้ากัน
เพียงคำพูดของหญิงสาวคนหนึ่งก็ทำให้บรรยากาศกดดันเหล่านั้นจางหายไปได้อย่างไม่คาดฝัน แม้เสียงของเธอจะสงบนิ่ง แต่น้ำเสียงกลับแฝงความสามารถในการสะกดจิตผู้คนเอาไว้ เพียงพริบตาเดียวก็ทำให้กลุ่มคนที่กำลังเกรี้ยวกราดสงบลงได้ กระทั่งคนเดินผ่านมามุงดูก็ยังถูกเธอดึงดูดความสนใจจนเดินเข้าไปใกล้มากขึ้นโดยไม่รู้ตัว หญิงสาวถูกกลุ่มคนที่เดินเข้ามาล้อมไว้อย่างกะทันหันทำให้ตกใจจึงเริ่มก้าวถอยหลังไป