รถยนต์ขับมาถึงตรอกเหล่าไหว ตรงปากทางเข้าตรอกมีต้นไหวโบราณขนาดสามคนโอบอยู่ต้นหนึ่ง บริเวณนี้มีแค่รถจักรยานเท่านั้นที่เข้าออกได้ เมิ่งสืออวี่จอดรถเสร็จก็เดินเข้าไปในตรอก เดินได้ไม่กี่นาทีก็มีเหงื่อออกท่วมทั้งตัว ดังนั้นตอนที่เธอเคาะประตูจึงแฝงอารมณ์หงุดหงิดอยู่บ้าง
ภายในลานบ้านมีเสียงฝีเท้าดังขึ้นอย่างรวดเร็ว เมื่อหลินเซินเปิดประตูออกเห็นว่าเป็นเมิ่งสืออวี่ก็รู้สึกตกใจระคนยินดี “เมิ่งเมิ่ง กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน”
คิ้วที่ขมวดแน่นของจิตแพทย์สาวคลายออกช้าๆ ความหงุดหงิดเมื่อครู่นี้หายวับไปในพริบตา เมิ่งสืออวี่ยิ้มพลางเอ่ย “เพิ่งลงจากเครื่องก็มาหาเธอเลย อาทิตย์นี้ฉันติดต่อเธอไม่ได้สักวัน รู้ไหมว่าเป็นห่วงเธอมากแค่ไหน”
“โรงแรมเหลียนถังต้องการรูปภาพด่วนมาก” หลินเซินเดินนำเธอเข้าไปในบ้าน บนตัวของหญิงสาวยังสวมผ้ากันเปื้อนสีขาวที่เปรอะไปด้วยสีสันมากมาย เมื่อเข้ามาในห้อง ลมเย็นจากเครื่องปรับอากาศ ก็พัดมาปะทะใบหน้า เมิ่งสืออวี่ผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ
ภายในห้องเต็มไปด้วยกลิ่นฉุนของสี บริเวณกำแพงทั้งสี่ด้านของห้องวาดภาพล้วนมีกรอบรูปวางอยู่เต็มไปหมด แสงแดดลอดผ่านกระจกหน้าต่างเข้ามา เมื่อแสงมาถึงในบริเวณห้อง ส่วนของความร้อนก็หายไปแล้ว เหลือเพียงความเจิดจ้าเท่านั้น แสงแดดตกกระทบลงบนผืนภาพสีสันสดใส ชวนให้รู้สึกตื่นตาตื่นใจเป็นอย่างมาก
รูปภาพของหลินเซินเน้นการใช้สีตัดกันอย่างโดดเด่นมาโดยตลอด เมิ่งสืออวี่ไม่เข้าใจงานศิลป์พวกนี้ แต่ถ้ามันสามารถเข้าตาของซ่งเซียวหานได้ก็คงจะเป็นภาพที่วาดได้ลึกซึ้งอยู่จริงๆ
ผลงานบนผืนผ้าใบกำลังเข้าสู่ช่วงท้าย เมิ่งสืออวี่จึงไม่ได้รบกวนหลินเซิน หลังพักผ่อนสักพักเธอก็ไปเปิดคอมพิวเตอร์ในห้องหนังสือ แล้วพอครึ่งชั่วโมงผ่านไปหลินเซินก็เดินถือแก้วน้ำมาหยุดตรงด้านหลังของเมิ่งสืออวี่ “กำลังทำอะไรอยู่เหรอ”
“ฉันกำลังช่วยสมัครโปรแกรมนี้ให้เธอ นี่กำลังอยู่ในช่วงตรวจสอบข้อมูล”
“โปรแกรมอะไรกัน” หลินเซินชะโงกตัวไปมอง รอจนเห็นตัวอักษรตัวใหญ่สี่ตัวบนหน้าจอ พอเห็นก็สำลักน้ำในปากเข้าเต็มๆ มือของเธอคว้าจับเก้าอี้เอาไว้แล้วไอออกมาอย่างแรง
คำว่า ‘คู่รักหนึ่งสัปดาห์’ บนพื้นหลังสีชมพูอมแดงตกแต่งด้วยหัวใจดูเด่นชัดเป็นพิเศษ
วงแหวนเล็กๆ แสดงการตรวจสอบข้อมูลกำลังหมุนวนช้าๆ จนในที่สุดก็ผ่าน และเปลี่ยนไปที่หน้าข้อมูลบุคคล เมิ่งสืออวี่พิมพ์ข้อมูลลงไปอย่างรวดเร็ว ขณะเดียวกันก็เอ่ยถามหลินเซินโดยไม่แม้แต่จะหันหน้ากลับมามอง “อยากจะใช้ไอดีอะไร”
หลินเซินแทบจะร้องไห้อยู่แล้ว “เมิ่งเมิ่งเลิกเล่นได้แล้ว”
เมิ่งสืออวี่เท้าแขนกับเก้าอี้แล้วหมุนตัวกลับมา “เมื่อก่อนฉันเคยถามเธอว่าอยากจะใช้ชีวิตตัวคนเดียวไปจนตาย หรือว่าอยากจะหาใครมาอยู่ด้วยไปทั้งชีวิต เธอตอบฉันว่ายังไง”
ฉันตอบไปว่ายังไงนะ…
ถ้าเป็นไปได้ ใครจะอยากอยู่คนเดียวไปทั้งชีวิตกัน
แต่ว่าฉัน…ไม่ใช่ว่าทำไม่ได้หรอกเหรอ คนอย่างฉันจะกล้าไปเพ้อฝันถึงเรื่องพวกนั้นได้ยังไง
“ในเมื่อเธอไม่ยอมออกไปเผชิญหน้ากับคนอื่น โปรแกรมนี้ก็สามารถใช้ทำความรู้จักโดยไม่ต้องเจอหน้ากันพอดี มันเป็นโปรแกรมที่บริษัทเพื่อนของฉันทำขึ้นน่ะ” เมิ่งสืออวี่พูดปลอบเสียงอ่อนโยน “เป็นโปรแกรมที่น่าสนใจมาก เธอลองดูก่อนนะ ถ้าเกิดไม่ชอบก็สามารถยกเลิกได้ทุกเมื่อ”
หลินเซินจับจ้องหน้าต่างโปรแกรมสีชมพูหวานแหววบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ไม่พูดไม่จา
เมิ่งสืออวี่พูดด้วยเสียงสูงขึ้น “เซินเซิน เธอเป็นเพื่อนของฉัน ยิ่งไปกว่านั้นคือเป็นคนไข้ของฉันด้วย ถือเสียว่านี่เป็นส่วนหนึ่งของการรักษานะ เธอจะต้องทำให้สำเร็จ”
หลินเซินเม้มปาก สุดท้ายก็ได้แต่ถอนหายใจออกมาอย่างจนปัญญา “ก็ได้”
เมิ่งสืออวี่ยิ้มกว้าง “อยากจะใช้ไอดีอะไร”
หลินเซินตอบอย่างหมดแรง “อะไรก็ได้…” สุดท้ายข้อมูลถูกส่งไปเรียบร้อยในชื่อไอดี ‘พบกวางในป่าลึก’ ซึ่งเมิ่งสืออวี่ยังตั้งใจหารูปกวางน้อยในป่ามาเพื่อเป็นภาพดิสเพลย์โดยเฉพาะ