หลินเซินขมวดคิ้ว เธอกรอกข้อมูลพวกราศี วันเกิด กรุ๊ปเลือด และอาชีพไปตามที่หน้าจอแจ้งเตือนเล็กๆ แสดงขึ้นมาจนเสร็จ ตอนนี้ต่างคนต่างก็มีข้อมูลพื้นฐานของอีกฝ่ายแล้ว หลินเซินรู้สึกว่าผู้ชายเจ้าของไอดีแมลงเม่านี้เป็นคนธรรมดามากคนหนึ่ง ไม่ชวนให้คนชอบว่าหรือรังเกียจ แต่ก็อาจเป็นเพราะเพิ่งรู้จักกันเขาจึงยังปกปิดอะไรบางอย่างเอาไว้ ในสายตาของอีกฝ่ายเธอก็อาจเป็นแค่คนธรรมดาเหมือนกันไม่ใช่เหรอ
เมื่อเสร็จภารกิจของระบบแล้ว เวลาที่เหลือก็มีไว้ให้พวกเขาได้ใช้ด้วยกันเอง และหลังจากระบบแจ้งว่าภารกิจของวันนี้เสร็จสิ้นแล้ว หลินเซินก็ออกจากหน้าจอโปรแกรมกลับไปยุ่งอยู่ในห้องวาดภาพตามเดิมทันที
รูปภาพที่จะส่งให้โรงแรมเหลียนถังยังขาดอยู่อีกสองสามภาพ ดังนั้นเธอจะต้องรีบใช้เวลาที่เหลืออยู่ไม่กี่วันนี้ทำออกมาให้เสร็จ
แต่ที่หลินเซินคาดไม่ถึงคืออีกฝ่ายเองก็ไม่ได้ส่งข้อความอะไรกลับมาอีก ซึ่งเรื่องนี้ส่งผลให้ในวันที่สองหลินเซินจึงลืมโปรแกรมนี้ไป จนกระทั่งมีเสียงเพลงภาษาอังกฤษดังขึ้นจากลำโพงตัวเล็กอีกครั้ง ระบบที่เริ่มต้นทำงานเองใช้น้ำเสียงอันไพเราะประกาศว่า ‘ภารกิจวันที่สองของคู่รักหนึ่งสัปดาห์ ทำอาหารที่ตนเองถนัดที่สุดหนึ่งอย่าง แล้วถ่ายรูปส่งให้อีกฝ่าย’
ตรงหน้าจอเล็กๆ แจ้งเธอว่า
‘เพราะเมื่อวานพวกคุณใช้เวลาในช่วงเวลาอิสระด้วยกันเป็นศูนย์ ดังนั้นระดับความรู้สึกดีจึงลดลงไปสิบอันดับ ทำให้อันดับของคู่รักของคุณอยู่ที่หนึ่งพันหกร้อยห้าสิบสาม’
หลินเซินเห็นแล้วรู้สึกหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออกอย่างสิ้นเชิง
และบังเอิญเป็นเวลาที่ตรงกับช่วงมื้อเที่ยงพอดี หลินเซินเลือกต้มบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปตามความเคยชินของตัวเอง กาน้ำร้อนพ่นไอร้อนออกมาในตอนที่เทน้ำเดือดลงบนแผ่นบะหมี่ ผักแห้งบานออกเมื่อเจอน้ำ กลิ่นของเครื่องปรุงลอยเข้ามาในจมูก หลินเซินกัดส้อมแล้วรออีกสักพัก ก่อนจะเริ่มกินเธอก็ใช้มือถือถ่ายรูปเอาไว้
หนึ่งชั่วโมงให้หลังระบบก็เตือนให้ส่งรูปภาพไป หลินเซินแทบจะคาดเดาความรู้สึกตอนอีกฝ่ายได้รับภาพออก แต่คิดไม่ถึงว่าภาพที่อีกฝ่ายส่งมาจะเป็นภาพของบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเช่นเดียวกัน
ทว่าเทียบกันกับบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแบบเรียบง่ายของเธอแล้ว ของอีกฝ่ายนั้นดูพิถีพิถันมากกว่า เขาใส่มันเอาไว้ในชามกระเบื้องเคลือบสีขาว ตรงขอบชามมีลายดอกไม้สีเขียวเล็กๆ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปของอีกฝ่ายนั้นเติมผักใบเขียว ไส้กรอก และไข่ดาวลงไปด้วย ดูแล้วน่ากินอย่างมาก
ระบบเพิ่งแสดงข้อความว่าภารกิจเสร็จสิ้น พลันมีเสียงติ๊งดังขึ้นจากลำโพง แมลงเม่าส่งข้อความมาว่า
‘อย่าเพิ่งไป’
เธอก้มตัวลงไปพิมพ์เครื่องหมายคำถาม แล้วอีกฝ่ายก็ตอบมาว่า
‘ไม่อยากจะอยู่ที่อันดับหนึ่งพันหกร้อยห้าสิบสามแล้ว จากที่ผมรู้ กิจกรรมรอบนี้มีคู่รักทั้งหมดแค่หนึ่งพันหกร้อยห้าสิบห้าคู่เท่านั้น’
หลินเซินที่ถือแก้วน้ำอยู่หัวเราะออกมา คิดๆ แล้วก็นั่งลงหน้าจอคอมพิวเตอร์ก่อนจะพิมพ์ตอบกลับไปว่า
‘ไม่ใช่ว่ายังมีอีกสองคู่อยู่ข้างหลังเหรอคะ’
‘อันดับหนึ่งจากท้ายสุด หรืออันดับสามจากท้ายสุด ตามสาระสำคัญแล้วไม่มีอะไรแตกต่างกัน’
‘งั้นเป้าหมายของพวกเราคืออันดับสี่จากท้ายสุดเหรอคะ’
อีกฝ่ายเงียบไปสักพัก
‘คุณผู้หญิง คุณมีความยึดติดอะไรกับอันดับท้ายสุดหรือเปล่าครับ’
หลินเซินหลุดขำพรืดออกมาอย่างทนไม่ไหว
‘สมัยเรียนไม่เคยติดอันดับท้ายสุดก็เลยอยากจะอาศัยโอกาสนี้ลองดูสักหน่อยค่ะ’
ข้อความนั้นทำให้อีกฝ่ายรู้สึกจนใจอย่างมาก
‘สลับกันกับคุณ สมัยเรียนผมสัมผัสมาเยอะเกินพอแล้ว ไม่อยากจะซ้ำรอยเดิมอีกจริงๆ’
ทีแรกเธอหลงคิดว่าการพูดคุยกับคนแปลกหน้าในสถานการณ์แบบนี้จะน่ากระอักกระอ่วนอย่างมาก แต่วิธีการพูดของอีกฝ่ายกลับทำให้เธอรู้สึกสบายใจได้อย่างคาดไม่ถึง นี่ไม่เหมือนกำลังเล่นจับคู่เป็นคู่รักหนึ่งสัปดาห์ แต่เหมือนเพื่อนเก่าที่ไม่ได้พบกันหลายปีมาพูดคุยย้อนระลึกถึงช่วงเวลาสมัยเรียนกันมากกว่า
นอกจากเมิ่งสืออวี่แล้ว หลินเซินก็ไม่เคยคุยกับใครสักคนยาวนานขนาดนี้มาก่อน