‘เพราะว่าเพลงออลด์แลงไซน์ที่เป็นเพลงประกอบหลัก คือหนึ่งในเพลงที่แม่ฉันชอบมากที่สุด’
จากนั้นก็ได้รับคำตอบจากอีกฝ่ายว่า
‘วิเวียน ลีห์ สวยเกินไปแล้ว’
หลินเซินถูกเขาทำให้ขำออกมา อารมณ์แง่ลบที่เป็นผลมาจากภาพยนตร์หายวับไปทันตา คืนนี้เธอเข้านอนไวมากและฝันว่าตัวเองกำลังเดินอยู่บนสะพานวอเตอร์ลูที่ตั้งอยู่มานานแล้วแห่งนั้น ดวงอาทิตย์เพิ่งจะลอยขึ้นมา ภายในตัวเมืองทั้งเมืองก็เงียบสงบและผาสุก ร้อยเอกโครนินและไมรายืนกอดจูบกันอยู่ใต้แสงอาทิตย์นี้ หลินเซินหันหลังให้พวกเขาแล้วเดินห่างออกไปไกลมากขึ้นเรื่อยๆ
โลกที่เธอทิ้งไว้ด้านหลังนั้นไม่มีสงครามอีกต่อไป และในที่สุดคู่รักก็ได้อยู่ด้วยกัน ส่วนเธอก็กำลังเดินอยู่บนถนนเส้นนี้ต่อไปตามลำพังโดยไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จึงจะได้มีที่พักพิง
วันรุ่งขึ้นเป็นวันกำหนดส่งมอบภาพวาด หลินเซินอาศัยโอกาสที่ดวงอาทิตย์ยังไม่ลอยขึ้นสูง นำภาพไปส่งยังโรงแรมเหลียนถังตั้งแต่เช้าตรู่
น้ำพุหน้าโรงแรมยังไม่เปิดทำงาน บนผิวน้ำทอประกายระยิบระยับมีกลีบดอกแม็กโนเลียสีขาวลอยอยู่จำนวนหนึ่ง และที่ด้านข้างประตูโรงแรมมีกล่องพัสดุวางซ้อนกันสูงครึ่งตัวคน รูปภาพที่เธอคุ้นตานั้นถูกโยนไว้กระจัดกระจายอยู่เต็มพื้น
นั่นเป็นรูปภาพที่หลินเซินส่งมาโรงแรมเหลียนถังก่อนหน้านี้และถูกนำไปใส่กรอบแล้ว
ในสมองของเธอว่างเปล่าไปชั่วขณะหนึ่ง และเมื่อเดินเข้าไปใกล้ก็ได้เห็น รปภ. กำลังชี้มือสั่งพนักงานทำความสะอาด “ภาพพวกนี้ท่านไม่ต้องการแล้ว เอาเก็บไปให้หมด รีบจัดการให้เร็วๆ หน่อย”
เมื่อเห็นหลินเซินเดินเข้ามาใกล้ รปภ. ก็เลิกคิ้วขึ้น ก่อนเอ่ยออกมาด้วยท่าทางเย่อหยิ่งอย่างมาก “คุณคือคุณหลินที่เอารูปภาพมาส่งคนนั้นใช่ไหม ต้องขอโทษด้วยนะ แต่พวกเราไม่ต้องการภาพของคุณแล้ว คุณตัดสินใจแล้วกันว่าจะเก็บกลับไปเองหรือจะให้พวกเราเรียกรถเก็บขยะมาขนไป”
หลินเซินรู้สึกเหมือนในลำคอหดเกร็งอยู่เล็กน้อย ริมฝีปากของเธอขยับอ้าและหุบอยู่หลายครั้งจึงเปล่งเสียงออกมาได้ “ไม่ใช่ว่าเซ็นสัญญากันเรียบร้อยแล้วเหรอคะ”
รปภ. อึ้งไปเล็กน้อย สีหน้าดูอ่อนลงกะทันหัน “ต้องขอโทษด้วยจริงๆ ครับ เมื่อสองวันก่อนคุณหนูที่เป็นลูกพี่ลูกน้องของครอบครัวซ่งเพิ่งกลับมาจากปารีส หลังเธอเห็นภาพของคุณในโรงแรมก็ไม่พอใจอย่างมากจึงสั่งให้พวกเราเอาภาพของเธอมาเปลี่ยนกับภาพของคุณ พวกเราเองก็เป็นลูกจ้างกันทั้งนั้น ทำอะไรไม่ได้จริงๆ ครับ”
รปภ. คนนั้นเก็บรูปภาพที่กองกระจายเต็มพื้นขึ้นมาวางเรียงซ้อนทับกันให้เรียบร้อย แล้วค่อยใส่ลงไปในกล่องพัสดุ “เอาแบบนี้แล้วกันคุณหลิน ผมจะช่วยเรียกรถให้คุณ คุณก็ขนภาพพวกนี้กลับไปก่อน ดูสิพวกมันสกปรกหมดแล้ว น่าเสียดายจะตาย”
พูดจบเขาก็หยิบมือถือออกมาเตรียมเรียกรถ แต่หลินเซินกลับเปิดปากห้าม “ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวฉันเรียกรถกลับไปเอง”
“ได้ครับคุณหลิน งั้นก็ระวังๆ ด้วยนะครับ” รปภ. ยิ้มเจื่อน ก่อนลดเสียงลงแล้วเอ่ยขึ้น “คำสั่งของคุณหนูนั้นพวกเราไม่กล้าที่จะไม่ฟัง แต่ในมือของคุณยังมีสัญญาอยู่ก็ไม่ต้องกลัวเหมือนกัน คุณไปติดต่อกับเลขาฯ ของประธานซ่งเอานะ เรื่องนี้จะต้องมีวิธีแก้ไขดีๆ แน่นอนครับ”
ขณะที่ รปภ. กำลังพูดก็มีเสียงตวาดดังมาจากด้านหลัง “มัวแต่ทำตัวชักช้าลีลาอะไรกัน! ยังไม่เอาขยะพวกนี้ไปโยนทิ้งให้หมดอีกเหรอ?!”
หญิงสาวอายุน้อยในชุดกระโปรงพองสีแดง สวมรองเท้าส้นแหลม ม้วนผมยาวเป็นลอนบางๆ หน้าตาสวยคม ทั้งยังแต่งหน้าอย่างพิถีพิถัน ยกมือขึ้นกอดอกมองสำรวจหลินเซินไปรอบหนึ่งในตอนที่เห็นเธอ ก่อนยิ้มออกมา “เธอก็คือหลินเซินงั้นเหรอ ได้ยินมาว่าจบมาจากคณะศิลปกรรมศาสตร์ของไหวต้าระดับคณะศิลปกรรมศาสตร์ของไหวต้านี่ทำได้เท่านี้เองเหรอ”
หลินเซินก้าวถอยหลังไปสองก้าวอย่างแนบเนียน เม้มปากแน่นไม่พูดอะไร
หญิงสาวใช้สองนิ้วคีบม้วนภาพขึ้นมาด้วยสีหน้ารังเกียจ “ผลงานแบบนี้ ช้หลอกพี่โง่ๆ ของฉันยังพอไหว แต่คิดจะมาหลอกฉันยังกระจอกไปหน่อย” จากนั้นเธอก็ขยี้นิ้ว “ฉันรู้มาว่าพวกเธอเซ็นสัญญากันแล้ว ค่าผิดสัญญาเท่าไหร่เหลียนถังจะชดใช้ให้ไม่ขาดไปสักแดงเดียว แต่รูปภาพของเธอ…อย่าได้คิดจะเอาเข้ามาอยู่ในเหลียนถังอีกตลอดไป” พูดจบก็ดีดนิ้วออกทำให้ม้วนภาพตกลงแล้วกางออกบนพื้น กระทบฝุ่นจนลอยขึ้นมา “สายตาของพี่ฉันเกินเยียวยาแล้วจริงๆ เห็นแล้วน่าขายหน้า”
จนกระทั่งเธอกลับตัวเดินเข้าไปในโรงแรมแล้ว รปภ. ถึงได้เอ่ยปลอบพร้อมรีบเก็บม้วนภาพขึ้นมา “คุณหลิน คุณหนูเธอจบด้านศิลปะมาจากปารีส อาจจะช่างเลือกไปบ้าง คุณอย่าได้เก็บไปใส่ใจ”
หลินเซินก้มหน้าลงขณะใช้โทรศัพท์มือถือเรียกรถ เอ่ยตอบกลับไปเสียงเบา “ไม่หรอกค่ะ”