คนรอบข้างคล้ายไม่ได้สังเกตถึงความเครียดของเธอ หรงซิ่งอันที่ตัวสูงใหญ่คลายความดุดันที่มีก่อนหน้านี้ลงแล้วค้อมตัวเอ่ยระบายกับหญิงสาวด้วยใบหน้าอมทุกข์ “สาวน้อยคงไม่รู้ว่าฉันกับอาจิ้งอยู่ด้วยกันมานานแล้ว แต่อาจิ้งกลับไปแอบคลอดลูกลับหลังฉัน เด็กคนนี้สำคัญสำหรับฉันมากจริงๆ ฉันเองก็ไม่ได้จะแย่งเขาไปไหน แค่อยากให้พวกเราได้เป็นคนเลี้ยงดูแก และวันข้างหน้าอาจิ้งก็ยังมาหาลูกได้จริงไหม เธอเห็นด้วยไหม”
“ใช่แล้วๆ สาวน้อย ครอบครัวพวกเราเป็นคนซื่อสัตย์กันทั้งนั้น ถ้าไม่ได้จำเป็นจริงๆ จะมาทำแบบนี้ได้ยังไง” หญิงชราที่เมื่อครู่ทั้งเย่อหยิ่งทั้งก้าวร้าวทำท่าปาดหางตา แม้กระทั่งน้ำเสียงก็ยังสะอึกสะอื้นขึ้นมา “อาจิ้งเป็นเด็กดี ถ้าเธอยอมแต่งงานกับซิ่งอัน พวกเราก็ไม่มีทางคัดค้านหรอก แต่เด็กนี่เป็นชีวิตจิตใจของครอบครัวพวกเรา อาจิ้งเอาไปยึดไว้คนเดียวแบบนี้ไม่มีเหตุผลนี่”
แผ่นหลังของหญิงสาวแนบสนิทกับบานประตูกระจก แม้กระทั่งส้นเท้าก็ยังหดไปด้านหลัง น้ำเสียงอ่อนโยนแฝงไปด้วยอาการตื่นกลัวดังขึ้น “พวกคุณสามารถนั่งลงพูดคุยกันดีๆ ได้นี่ จะมาแย่งตัวเด็กกันแบบนี้ไม่ได้ เพราะไม่ใช่แค่จะทำให้ผู้ใหญ่บาดเจ็บ แต่เด็กก็จะตกใจด้วยเหมือนกันนะคะ”
หญิงชราเอ่ยขึ้นด้วยความเสียใจ ใบหน้าฉายความรู้สึกราวกับว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม “พวกเราก็อยากจะพูดคุยกันดีๆ…”
จากนั้นแต่ละคนก็ต่างคนต่างพูด หญิงชราคลี่ยิ้มออกมาและต้องการจะกุมมืออาจิ้งเอาไว้ แต่หญิงสาวกลับหลบเลี่ยงประหนึ่งกลัวจะถูกเข็มแทง คนรอบด้านเริ่มรุมล้อมเข้ามาใกล้มากกว่าเดิมทำให้ไม่มีที่ให้เธอถอยหลบได้อีกแล้ว และในตอนนั้นเองก็กลับมีแขนข้างหนึ่งยื่นออกมาขวางด้านหน้าเธอเอาไว้อย่างกะทันหัน
เสื้อเชิ้ตสีควันบุหรี่ ปลายแขนเสื้อเลิกขึ้นน้อยๆ เผยผิวสีน้ำตาลอ่อนบริเวณข้อมือ ปลายแขนเสื้อด้านในมีลวดลายสลับซับซ้อน เม็ดกระดุมไม่บ่งบอกยี่ห้อ แต่ผิวกระดุมเป็นลายแกะสลักเล็กๆ ที่ดูสวยสง่าและให้ความรู้สึกถ่อมตนไปในเวลาเดียวกัน
คนที่เข้ามาช่วยไว้ตัวสูงมากจนอาจิ้งจำเป็นต้องเงยหน้าขึ้นเพื่อมองเขา น้ำเสียงหยอกเย้านั้นดังขึ้นเหนือศีรษะของเธออย่างเอื่อยเฉื่อย “คนเยอะขนาดนี้กลับมารังแกผู้หญิงตัวคนเดียว นี่มันเรื่องอะไรกัน”
หรงซิ่งอันขมวดคิ้วมองคนที่โผล่เข้ามาอยู่นาน โทสะที่เดิมทีสงบลงแล้วก็ถูกกระตุ้นขึ้นมาอีกครั้ง “คุณเป็นใคร! นี่มันเรื่องในครอบครัวของพวกเรา คุณมีสิทธิ์เข้ามาสอดตั้งแต่เมื่อไหร่!”
อาจิ้งหลุดพ้นออกมาจากวงล้อมได้ในที่สุด เธอผ่อนลมหายใจพร้อมเงยหน้าขึ้น ทว่าเมื่อได้เห็นหน้าตาคนที่เข้ามาช่วยขวางไว้ชัดๆ ก็กลับต้องอึ้งไปจนหยุดยืนนิ่งอยู่ที่เดิม
หรงซิ่งอันตัวใหญ่หนา เขาจึงเดินกร่างเข้ามาตั้งใจจะผลักชายหนุ่มที่เข้ามาขวางออกไป แต่คิดไม่ถึงว่าจะถูกชายหนุ่มคนนั้นจับข้อมือของตนเอาไว้แล้วพลิกข้อมือกลับพร้อมผลักเขาออกไปข้างนอกแทน ชายหนุ่มเหมือนจะออกแรงไม่มาก แต่กลับผลักหรงซิ่งอันจนเซออกไปได้
ชายหนุ่มปัดมือ แค่นเสียงเย็นเหมือนเยาะเย้ย ก่อนเดินไปตรงด้านหน้าอาจิ้งท่ามกลางสายตาของทุกคน แล้วถอดเสื้อนอกออกเพื่อคลุมทับบนตัวของหญิงสาว “บังเอิญจริงๆ ผมเป็นสามีคนปัจจุบันของแฟนเก่าคุณ คุณพาคนมารุมหาเรื่องภรรยาผมแต่เช้าแบบนี้ยังมีหน้ามาถามอีกเหรอว่าผมคิดจะทำอะไร”
อาจิ้งร้องไห้โฮ เธอกระชับตัวลูกไว้ในอ้อมแขนแล้วเอนตัวซบอยู่ในอ้อมกอดของชายหนุ่มพลางสะอึกสะอื้น “สามี! ในที่สุดคุณก็มาสักที พวกเขาจะแย่งลูกของเราไปค่ะ”
หรงซิ่งอันหน้าเปลี่ยนสี คนทั้งกลุ่มต่างมองหน้ากัน บางคนก้าวถอยหลังไปเล็กน้อย ส่วนหญิงสาวเจ้าของเสียงอันสงบนิ่งที่เพิ่งหลุดออกมาได้ในที่สุดนั้นก็ผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ ทว่าในตอนที่เงยหน้าขึ้นและมองเห็นหน้าตาของชายหนุ่มที่เข้ามาขวางอย่างชัดเจน เธอก็ต้องอึ้งไปทันควัน
ชายหนุ่มกำลังเอ่ยปลอบอาจิ้งเสียงเบา ด้านหรงซิ่งอันก็ตะโกนลั่นไม่ยอมจบ “คุณมีหลักฐานอะไรมาพิสูจน์ว่าเด็กคนนี้เป็นลูกของคุณ!”
ชายหนุ่มได้ยินดังนั้นก็เหลือบตาขึ้น แววตาเย็นชาวาดผ่านไปยังหรงซิ่งอัน มุมปากของชายหนุ่มหยักยกเป็นองศาที่เหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้มจนหรงซิ่งอันเห็นแล้วรู้สึกขนหัวลุกซู่ “ใครเริ่มก่อนคนนั้นก็แสดงหลักฐานมา คุณอยากได้หลักฐานยังจะต้องให้ผมไปหาให้อีกเหรอ”
หญิงชราอาศัยที่ว่ามีคนมากกว่าคอยสนับสนุนก็ยืนสอดปากอยู่ข้างๆ “เธอกล้าไปตรวจดีเอ็นเอไหมล่ะ!”
“ใช่แล้ว! กล้าไปตรวจดีเอ็นเอไหม”
ข้อเสนอนี้คล้ายจะทำให้ทุกคนในที่นั้นหาความมั่นใจของตัวเองเจออีกครั้ง ต่างคนต่างช่วยกันพูดสนับสนุนขึ้นมา ชายหนุ่มกวาดตามองคนเหล่านั้นทีหนึ่ง ก่อนยิ้มออกมาอย่างไม่ใส่ใจ “ข้อเสนอนี้ไม่เลว จะไปกันตอนนี้เลยไหมล่ะ เดี๋ยวขอคิดก่อนนะว่าโรงพยาบาลที่อยู่ใกล้ที่สุดคือ…”