ในตู้เย็นมีผักกับไข่เหลืออยู่ หลินเซินจดบันทึกขั้นตอนการต้มบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปของแมลงเม่าเอาไว้ในสมุดโน้ตที่วางไว้บนชั้นตรงตู้กับข้าวแทนหนังสือสูตรอาหาร เมื่อเทียบกับการต้มด้วยน้ำร้อนธรรมดาๆ แล้วยุ่งยากกว่าหน่อย แต่รสชาติอร่อยก็มากขึ้นจริงๆ
กินไปได้ครึ่งทาง เสียงโทรศัพท์มือถือของเธอก็ดังขึ้น เป็นเบอร์โทรที่ไม่คุ้นเบอร์หนึ่ง หลินเซินจึงลังเลเล็กน้อยก่อนกดรับ “สวัสดีค่ะ?”
น้ำเสียงทุ้มหนักดังขึ้นจากอีกฝั่ง “คุณหลิน”
หลินเซินอึ้งไปเล็กน้อย “ประธานซ่ง?”
“วันนี้ขอโทษด้วยจริงๆ ครับ!” หลินเซินนึกไม่ถึงจริงๆ ว่าจะเป็นสายจากซ่งเซียวหาน ที่คนพูดกันไม่ใช่ว่าเขาไม่เคยคุยโทรศัพท์หรอกเหรอ แต่ในตอนที่เธอกำลังประหลาดใจ ก็ได้ยินเขาพูดต่อว่า “อีเมล…คุณไม่ได้ตอบกลับ”
เมื่อครู่นี้เธอตั้งใจเล่นเกมเกินไปก็เลยไม่ทันสังเกต หลินเซินถือโทรศัพท์มือถือขณะวิ่งไปที่หน้าคอมพิวเตอร์ก่อนจะเปิดอีเมลขึ้นมา มีอีเมลที่ซ่งเซียวหานส่งมาจริงๆ
‘คุณหลิน ผมเพิ่งกลับมาจากไปทำงานข้างนอก ผมรู้สึกเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นในตอนเช้าวันนี้มาก หวังว่าพวกเราจะมาเจอหน้ากัน ให้ผมได้ขอโทษกับคุณต่อหน้าได้ไหมครับ’
ปลายสายยังคงนิ่งเงียบไปคล้ายว่ากำลังรอคำตอบจากเธอ หลินเซินเม้มปากน้อยๆ ก่อนจะเอ่ยตอบไป “ไม่เป็นไรค่ะ! ถ้าเกิดทางโรงแรมเหลียนถังมีผลงานที่ดีกว่ามาแทนที่ภาพของฉัน ฉันก็ไม่มีความเห็นอะไรค่ะ”
ซ่งเซียวหานชะงักไป เขาตอบกลับด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น “ผมจะจัดการให้เรียบร้อย คุณหลินสบายใจได้ครับ”
หลังวางสายซ่งเซียวหานก็ก้มมองหน้าจอโทรศัพท์มือถือที่ตอนนี้มืดลงแล้วด้วยความรู้สึกอึ้งไปชั่วขณะ บนใบหน้าเย็นชาเต็มไปด้วยความสงสัยทั้งยังแฝงไปด้วยความตกใจระคนยินดี จนผู้ช่วยเคาะประตูแล้วเอาสัญญาฉบับใหม่เข้ามาวางให้นั่นแหละ ซ่งเซียวหานถึงได้เงยหน้าขึ้น น้ำเสียงที่สั่นระริกของเขาเอ่ยออกมารั้งตัวผู้ช่วยที่กำลังจะออกจากห้องไปเอาไว้ “จินจง นาย…รอเดี๋ยว”
ผู้ช่วยจินจงตกใจจนเกือบสะดุดล้ม
เกิดอะไรขึ้น…ดวงอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันตกแล้วเหรอ เจ้านายที่ไม่เคยชอบการเปิดปากพูดตอนนี้กลับเรียกชื่อของฉัน ซ้ำยังบอกให้ฉันรอเดี๋ยวด้วย
จินจงหันหน้ากลับไปอย่างตื่นตระหนก บนใบหน้าซ่งเซียวหานมีสีหน้าคิดหนักและความลังเลวาบผ่าน เขากลืนน้ำลาย สูดลมหายใจเข้าลึกเล็กน้อย ก่อนพูดต่อ “เอก…เอกสารฉบับนี้…”
ช่างเถอะ เขายอมแพ้แล้ว ดังนั้นพอซ่งเซียวหานโบกมือไล่ด้วยสีหน้าอ่อนล้าเป็นสัญญาณบ่งบอกให้ออกไป จินจงจึงรีบชิ่งออกจากห้องไปทันที
ลมจากเครื่องปรับอากาศในห้องทำงานพัดมุมหนึ่งของเอกสารขึ้นมา ซ่งเซียวหานขมวดคิ้วแน่นขณะยังจับจ้องชื่อในรายการโทรออกชื่อนั้นบนจอโทรศัพท์
หนึ่งชั่วโมงให้หลังหลินเซินก็ได้รับสายจากซ่งเซียวหานอีกครั้ง เธอเอ่ยอย่างลังเล “ประธานซ่ง…”
อีกฝั่งเปิดปากเอ่ยเรียบๆ “ผมอยู่หน้าบ้านคุณ”
“บ้านฉันเหรอคะ”
“มาเจอหน้าคุยกันครับ”
หลินเซินได้แต่ยอมออกไปเจออย่างไร้ทางเลือก
หลังเดินออกมาจากตรอกเหล่าไหว หลินเซินก็เห็นรถของซ่งเซียวหานจอดอยู่ตรงด้านหน้าตรอก ทว่าสภาพอากาศร้อนแบบนี้เขากลับไม่ได้นั่งรออยู่ในรถ แต่กลับมายืนรอเธออยู่ด้านนอก พอจิตรกรสาวเดินเข้าไปใกล้ ซ่งเซียวหานก็ช่วยเปิดประตูรถให้เธอก่อนแล้วตัวเองถึงได้เดินกลับไปขึ้นรถ
อากาศภายในรถเย็นกำลังดี ซ่งเซียวหานสตาร์ตเครื่อง ขณะที่หลินเซินยังรู้สึกกระอักกระอ่วนอยู่บ้าง “ประธานซ่ง คุณรู้ว่าฉันอยู่ที่นี่ได้ยังไงคะ”
“สัญญา”
หลินเซินเดาไม่ออกว่าเขาตั้งใจจะทำอะไรกันแน่ เธอคาดเข็มขัดนิรภัยด้วยท่าทีเกร็งๆ ด้านซ่งเซียวหานก็กลับรถพร้อมหันหน้ามาถามเธอ “กินข้าวแล้วหรือยังครับ”
“กินแล้วค่ะ”
“ผมยังไม่ได้กิน” จู่ๆ เขาก็ยิ้มออกมา เป็นรอยยิ้มบางๆ เหมือนกับแสงแดดในฤดูใบไม้ผลิที่หลอมละลายน้ำแข็งผืนบางบนผิวทะเลสาบ ใบหน้าที่มักจะเย็นชาอยู่เสมอเวลานี้กลับดูอบอุ่นขึ้นมาเช่นกัน “ไปกินด้วยกัน”
ตอนนี้เป็นช่วงเวลากินข้าวเที่ยงพอดี ซ่งเซียวหานขับรถอ้อมออกจากเขตตัวเมืองขึ้นไปบนทางหลวงเลียบทะเล ข้างนอกหน้าต่างรถคือทิวทัศน์ทะเลที่สามารถมองเห็นได้ไกลอย่างไร้ขอบเขต ผิวทะเลที่ถูกแสงแดดแผดเผาม้วนคลื่นร้อนๆ ขึ้นมาสาดกระทบกับก้อนหินริมชายฝั่ง
จุดหมายปลายทางคือภัตตาคารกวนหูเก๋อ ซึ่งเป็นภัตตาคารติดทะเลที่หรูหราติดอันดับหนึ่งของเมืองไหวอัน ซ่งเซียวหานพาเธอเดินตรงขึ้นไปที่ชั้นหก ที่นั่นเป็นร้านอาหารส่วนตัวของเขาซึ่งมีบรรยากาศเงียบสงบ ด้านนอกกระจกบานยาวจรดพื้นสามารถมองเห็นหาดทรายและคลื่นขาวได้