เขาจับจ้องภาพดิสเพลย์ตรงหน้าต่างสนทนานั้น แล้วจมอยู่กับความคิดเป็นเวลานาน
จนกระทั่งช่วงพลบค่ำหลินเซินถึงได้รับข้อความตอบกลับจากแมลงเม่า ตอนแรกเธอปิดคอมพิวเตอร์ไปแล้ว หลังแอบคิดไปว่าคนที่อยู่อีกฝั่งของอินเตอร์เน็ตนี้อาจไม่ชอบเสียงของตน หลินเซินจึงกำลังนั่งรับลมเย็นอยู่ในลานบ้านด้วยสภาพอารมณ์ที่ยากจะบรรยาย
ในตอนที่มือถือสั่นน้อยๆ เมื่อก้มดูก็เห็นว่าเป็นข้อความส่งมาจากเบอร์ออฟฟิเชียลซึ่งมีตัวเลขยาวมาก เมื่อเปิดข้อความออกอ่านก็พบข้อความแถวหนึ่งแจ้งว่า
‘คู่รักหนึ่งสัปดาห์ของคุณส่งข้อความมาให้คุณ : กลอนของซูถิง ผมชอบมาก เสียงของกวางน้อย ผมเองก็ชอบมากเช่นกัน’
หลินเซินจ้องหน้าจอมือถืออยู่สักพัก ก่อนเม้มปากจนเห็นเป็นรอยยิ้มจางๆ ขึ้นมา
เช้าวันรุ่งขึ้นคนที่ซ่งเซียวหานส่งมาเอารูปภาพก็มาถึงบ้านของเธอแล้ว หลินเซินเดินนำพวกเขาเข้ามาเพื่อไปย้ายรูปที่อยู่ในห้องวาดภาพออกไปจนห้องโล่ง ทำให้เวลาพูดคุยยังมีกระทั่งเสียงดังสะท้อน
ในตอนที่เสียงดนตรีคุ้นหูดังขึ้นนั้นเธอกำลังเก็บกวาดห้องวาดภาพอยู่
‘ภารกิจวันที่หกของคู่รักหนึ่งสัปดาห์ บอกความลับของคุณหนึ่งอย่างแก่อีกฝ่าย ขอเชิญพวกคุณเปิดใจให้กัน’
ความลับที่หัวใจคนเราเก็บซ่อนเอาไว้ก็เป็นเหมือนกับรากของดอกไม้ เบ่งบานอย่างอิสรเสรีภายใต้แสงอาทิตย์ ทว่าในส่วนที่แสงแดดส่องไปไม่ถึงกลับเน่าเละและไม่มีใครเต็มใจจะขุดรากที่เน่าไปแล้วออกมา เพราะว่ามันเจ็บปวด ซ้ำสภาพยังดูไม่ได้
ดังนั้นการแลกเปลี่ยนความลับจึงเป็นหนทางเปิดใจกันอย่างเร็วที่สุดมาโดยตลอด ความลับมากมายเหล่านั้นเมื่อเทียบกับการพูดให้ครอบครัวและเพื่อนฟังแล้ว คนเรากลับเต็มใจจะพูดให้คนแปลกหน้าที่ไม่มีทางพบกันฟังมากกว่า
ไม่รู้ว่านานแค่ไหนแล้วที่หลินเซินไม่เคยพูดความลับของเธอกับใครมาก่อน
เสียงดังติ๊กต็อกของนาฬิกาแขวนบนผนัง เสียงใสกังวานเวลาพิมพ์คีย์บอร์ด เสียงอากาศไหลเวียนเวลาเครื่องปรับอากาศปล่อยลมเย็นออกมา เสียงทั้งหมดพวกนี้ดังชัดเจนขึ้นมากะทันหัน ดวงตาของหลินเซินเบิกกว้างขณะมองดูข้อความที่ตัวเองพิมพ์ลงไปในหน้าต่างสนทนา
‘เสียงของฉันไม่เหมือนกับใครทั้งนั้น’
หลินเซินคิดว่าเขาจะซักไซ้ถามต่อว่าเธอหมายความว่ายังไง แต่เธอเดาผิดไปแล้ว
เขาไม่ได้ถามอะไรต่อ แต่ตอบกลับเธอมาว่า
‘ดังนั้นเสียงของคุณจึงมีเพียงหนึ่งเดียวบนโลกใบนี้’
ไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่หรือว่าเมิ่งสืออวี่ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทที่สุดของเธอตอนนี้ ในตอนที่รู้ว่าเสียงของหลินเซินผิดแปลกไป สิ่งแรกที่พวกเขาทำล้วนเป็นการตั้งคำถามเพื่อหาเหตุผล แม้กระทั่งตัวเธอเองก็ด้วยเช่นกัน
แต่เขากลับไม่ทำเช่นั้น อีกฝ่ายเพียงแค่บอกกับเธออย่างเรียบง่ายว่า ‘คุณเป็นคนพิเศษไม่เหมือนใคร’
วินาทีนั้นก็ราวกับว่าดอกไม้เหี่ยวเฉาที่เธอซ่อนไว้ด้านหลังอย่างระมัดระวังได้ถูกเขาประคองเอาไว้บนฝ่ามืออย่างอ่อนโยน หลินเซินรู้สึกดีใจ แล้วก็รู้สึกเหมือนได้รับความไม่เป็นธรรมเล็กๆ ด้วย เสมือนเด็กน้อยซึ่งมักถูกคนเข้าใจผิดมาตลอดจนในที่สุดก็มีคนมาเข้าใจ นอกจากความดีใจแล้ว ยังรู้สึกเศร้าใจมากด้วยเช่นกัน
เธอพิมพ์ลงไปช้าๆ
‘แล้วคุณล่ะคะ’
‘ผมเหรอ…’
เขาชะงักไปเล็กน้อยก่อนพิมพ์ตอบ
‘ผมมีอาการนอนไม่หลับขั้นรุนแรง บนโลกใบนี้มีแค่ของสองอย่างที่ทำให้ผมสามารถเข้านอนได้ อย่างแรกคือยานอนหลับ อีกอย่างคือเสียงของผู้หญิงคนหนึ่ง’