ในเมื่อเขาไม่ได้ซักไซ้เธอว่าเสียงของเธอนั้นแตกต่างออกไปอย่างไร หลินเซินก็ไม่มีทางถามถึงสาเหตุที่เขานอนไม่หลับเช่นกัน
วันรุ่งขึ้นพวกเขาต่างได้รับภารกิจสุดท้ายของคู่รักหนึ่งสัปดาห์แจ้งว่า ‘ขอให้เลือกว่าจะไปพบกับคู่รักหนึ่งสัปดาห์ของคุณหรือไม่’
คำว่า ‘ใช่’ บนหน้าจอกำลังกะพริบแสงดึงดูดให้คนกด หลินเซินมองหน้าจอคอมพิวเตอร์อยู่นาน ก่อนเลือกกดตรงคำว่า ‘ไม่’ ระบบส่งเสียงประกาศออกมาด้วยความเสียดาย ‘การจับคู่คู่รักหนึ่งสัปดาห์ล้มเหลว ขอให้พวกคุณต่างใช้ชีวิตกันอย่างมีความสุข ไว้พบกันใหม่!’
หลินเซินลุกขึ้นพร้อมกดปิดคอมพิวเตอร์
ในอินเตอร์เน็ต กวางน้อยเป็นสาวติสต์ที่ร่วมชมภาพยนตร์ขาวดำไปกับแมลงเม่า เป็นคนเล่นเกมไม่เก่งที่จะร่วมสู้เคียงบ่าเคียงไหล่เขา และเป็นหญิงสาวที่เต็มใจแบ่งปันความลับกับเขา
แต่ในความเป็นจริง เธอเป็นแค่หลินเซินที่มีอาการกลัวสังคมเท่านั้น
รุ่งเช้าวันที่สองหลังการทำกิจกรรมในโปรแกรมคู่รักหนึ่งสัปดาห์จบลง เมิ่งสืออวี่ก็โทรศัพท์มาถามว่าเธอจะไปเจอหน้าอีกฝ่ายเมื่อไหร่
“ฉันปฏิเสธไปแล้ว”
ปลายสายนิ่งเงียบไปสักพัก ทำให้ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายมีอารมณ์อย่างไร “เซินเซิน ฉันจะไม่เข้าไปยุ่งกับการตัดสินใจของเธอ แต่ถ้าเธอเอาแต่เป็นแบบนี้ก็จะไม่มีวันดีขึ้นมาได้หรอกนะ”
ที่ผ่านมาหลินเซินมีความฝันอยากจะเป็นเหมือนคนธรรมดาทั่วไป ได้เจอกับผู้ชายที่ชอบ ได้สร้างครอบครัวที่มีความสุขและใช้ชีวิตในชาตินี้ผ่านไปอย่างเรียบง่ายสงบสุข
แต่สิ่งเหล่านั้นที่ได้ชื่อว่า ‘ความฝัน’ นั่นก็เป็นเพราะว่ามันอยู่ไกลเกินคว้านี่นา
ไม่กี่วันหลังจากนั้นโรงแรมเหลียนถังก็ตกแต่งใหม่เสร็จเรียบร้อย นี่เป็นโรงแรมเหลียนถังแห่งแรกที่ซ่งซื่อกรุ๊ปสร้างขึ้นที่ไหวอันในยุคบุกเบิก การซ่อมบำรุงครั้งนี้ดึงดูดความสนใจของสื่อเป็นจำนวนมาก เหลียนถังเองก็จัดพิธีเปิดตัวขึ้นมาโดยเฉพาะ ซึ่งจินจงผู้ช่วยของซ่งเซียวหานก็ได้โทรศัพท์มาเชิญหลินเซินให้ไปเข้าร่วมงานด้วย แต่ถูกเธอปฏิเสธไป
แต่แม้หลินเซินจะอยู่ที่บ้าน เธอก็ยังเปิดโทรทัศน์ขึ้นมาเพื่อดูการถ่ายทอดสด หลังถ่ายทอดพิธีเปิดกับสัมภาษณ์ผู้เกี่ยวข้องเสร็จแล้ว กล้องก็เบนไปจับที่รูปภาพซึ่งแขวนอยู่บนผนังทางเดินของห้องโถงที่ใหญ่เป็นพิเศษ
นักข่าวหญิงกำลังพูดจาด้วยน้ำเสียงฉะฉาน “ครั้งนี้เหลียนถังได้ทำการซ่อมแซมปรับปรุงใหม่ และรูปภาพทั้งหมดที่แขวนอยู่ในโรงแรมเหล่านี้ก็เป็นผลงานของนักวาดหน้าใหม่ท่านหนึ่งทั้งสิ้น พวกเราสามารถเห็นได้ว่าสไตล์ผลงานของนักวาดท่านนี้มีความโดดเด่นอย่างมาก…”
ณ ภูเขาชังหรง วันนี้เป็นวันมารับการรักษาตามปกติของกู้ชิงไหวอีกครั้ง เมิ่งสืออวี่เตรียมกาแฟไม่ใส่น้ำตาลเอาไว้ให้เขาแต่เนิ่นๆ ทว่ารอจนกระทั่งตอนเที่ยงตรงแล้วกู้ชิงไหวก็ยังไม่ปรากฏตัว นี่เป็นครั้งแรกที่เขาผิดนัดนับตั้งแต่ตรวจรักษามา
เมิ่งสืออวี่โทรศัพท์ไปหา “คุณกู้ วันนี้คุณไม่มารักษา ยุ่งมากเหรอคะ”
ปลายสายหัวเราะเบาๆ “ถ้าเกิดว่าผมจำไม่ผิด ช่วงเวลาการรักษาครึ่งปีจบลงตั้งแต่สัปดาห์ก่อนแล้วนะครับ”
เมิ่งสืออวี่ถึงได้นึกขึ้นมาได้ว่าตอนแรกที่เธอรับเคสกู้ชิงไหวมา พวกเขาได้เซ็นสัญญาเอาไว้ที่ครึ่งปี นี่เป็นความเคยชินของกู้ชิงไหว เขาจะเข้ารับการรักษาแค่ครึ่งปีกับจิตแพทย์ทุกคน หากภายในครึ่งปีถ้าไม่ได้ผลอะไรชายหนุ่มก็จะยุติการรักษา
นิ้วที่กำมือถือของเมิ่งสืออวี่ค่อยๆ บีบแน่นมากขึ้น สีหน้าตึงเครียดแต่เธอก็ยังคงพยายามรักษาความใจเย็นไว้ “ฉันกลับลืมเรื่องนี้ไปซะแล้ว แต่ว่าคุณกู้คะ เทียบกับการเปลี่ยนจิตแพทย์บ่อยๆ การร่วมมือกับแพทย์คนเดียวจะดีต่ออาการของคุณมากกว่านะคะ”
กู้ชิงไหวตอบปฏิเสธอย่างเด็ดขาด “ไม่จำเป็นครับ”
จนเสียงสัญญาณในโทรศัพท์ตัดไปแล้ว เมิ่งสืออวี่ก็ยังคงยืนตัวตรงอยู่ด้านหน้าโต๊ะทำงาน นอกจากเสียงแผ่วเบาของลมจากเครื่องปรับอากาศ ภายในห้องก็เงียบกริบจนน่ากลัว หลังจากนั้นสักพักใหญ่ก็มีเสียงดังโครม เมิ่งสืออวี่ปามือถือลงกับพื้นอย่างรุนแรง
อีกด้านหนึ่ง กู้ชิงไหวที่วางสายไปแล้วกลับไม่ได้รับผลกระทบแต่อย่างใด
ภายนอกห้องคือท้องฟ้าใสกระจ่างและแสงแดดเจิดจ้า ผ้าม่านผืนหนากลับตัดขาดแสงสว่างทั้งหมดเอาไว้ที่ด้านนอก มีเพียงแค่โคมไฟติดผนังดวงเดียวเท่านั้นที่ส่องแสงสีเหลืองสลัวๆ ออกมา กู้ชิงไหวยืนอยู่ตรงหน้าตู้นิรภัยแบบฝังกำแพง ประตูตู้เปิดออกครึ่งหนึ่ง เขาถือเอกสารฉบับหนึ่งไว้ในมือและกำลังอ่านมัน
แสงสว่างส่องลงบนกระดาษเอสี่ ทำให้พอจะมองเห็นรายชื่อพวกนั้นได้อย่างเลือนราง