พูดไปได้ครึ่งทาง เขาก็ทำท่าเหมือนคิดอะไรขึ้นมาได้กะทันหัน “แต่ถ้าผลพิสูจน์ดีเอ็นเอออกมาแล้วเด็กคนนี้ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับพวกคุณ…” สายตาของชายหนุ่มกวาดผ่านทุกคน ในดวงตาคู่นั้นไม่บ่งบอกอารมณ์อะไร ทว่าน้ำเสียงกลับแฝงไปด้วยเสียงกลั้วหัวเราะที่ทำให้คนฟังแล้วขนลุก “ทุกคนสะดวกจะไปเอาหมายศาลเอง หรือสะดวกให้ทนายของผมไปส่งถึงบ้านเลยมากกว่าครับ?”
หรงซิ่งอันถูกเขาพูดใส่เช่นนี้ก็หน้าซีด ยิ่งเห็นว่าแรงกดดันของฝั่งตัวเองถูกคำพูดเพียงไม่กี่ประโยคของเขากดข่มลงไป ในใจก็ทั้งโมโหทั้งแค้นจึงเกร็งคอตะคอกกลับไป “คุณกำลังขู่พวกเรางั้นเหรอ!”
“ขู่?” ปลายหางตาชายหนุ่มกระตุก เหมือนเขากำลังได้ยินเรื่องตลกอะไรอยู่ ประกายเย็นชาในดวงตาก่อนหน้านี้เลือนหายไปแล้วเหลือแค่ความขบขัน “แค่นี้คุณก็รู้สึกว่าถูกขู่แล้วเหรอ”
เขายกนิ้วเคาะขมับ แสดงสีหน้าครุ่นคิดออกมา “ขอผมคิดดูก่อนนะ คุณเกิดอุบัติเหตุรถชนเมื่อปีที่แล้วใช่ไหม ใช่บนทางยกระดับวงแหวนรอบที่สองหรือเปล่า เป็นเพราะว่าคุณได้รับบาดเจ็บหนัก ตำรวจจราจรก็เลยตัดสินให้คู่กรณีของคุณรับผิดชอบค่าเสียหายทั้งหมด…”
เสียงของชายหนุ่มไม่ได้เย็นชาเหมือนก่อนหน้านี้อีกแล้ว เสียงของเขาในเวลานี้คล้ายกำลังพูดคุยเรื่องเรื่อยเปื่อยกับอีกฝ่ายอย่างนุ่มนวล หรงซิ่งอันได้ยินเสียงนุ่มนวลของชายหนุ่มตรงหน้าแล้วก็กลับหน้าซีดลงอีก ในขณะที่ชายหนุ่มยังคงพูดต่อไปเรื่อยๆ “ตอนนั้นคุณถูกส่งตัวไปโรงพยาบาล และที่โรงพยาบาลก็น่าจะยังเก็บเอกสารผลตรวจเลือดของคุณเอาไว้อยู่ใช่ไหม ถ้าให้คู่กรณีได้รู้ว่าตอนนั้นปริมาณแอลกอฮอล์ในกระแสเลือดของคุณ…”
“หุบปาก!” หรงซิ่งอันระเบิดโทสะออกมา เขาถลึงตาใส่อาจิ้งที่อุ้มเด็กเอาไว้ ก่อนกระชากตัวหญิงชราซึ่งกำลังตัวสั่นอยู่ข้างๆ จากไปอย่างลนลาน ท่ามกลางการจับตามองด้วยสีหน้ากึ่งยิ้มกึ่งไม่ยิ้มของชายหนุ่ม
ในที่สุดบริเวณทางเข้าประตูโรงแรมก็กลับมาอยู่ในความสงบอีกครั้ง อาจิ้งกำลังจะเอ่ยขอบคุณหญิงสาวที่เข้ามาช่วยแก้ไขสถานการณ์เมื่อครู่ตั้งแต่ตอนแรก ทว่าพอหันหน้าไปหาก็พบว่าเธอเดินไปถึงลิฟต์ของโรงแรมแล้ว จึงรีบวิ่งเหยาะๆ ไล่ตามไป
“คุณคะ! รอก่อนค่ะ” หญิงสาวได้ยินเสียงเรียกก็หันกลับมา อาจิ้งขอบตาแดงระเรื่อ มีน้ำเสียงที่แสดงความจริงใจอย่างมาก “คุณคะ เมื่อครู่นี้ต้องขอบคุณคุณมากจริงๆ! ถ้าไม่ใช่เพราะคุณ ฉันก็ไม่รู้จะทำยังไงดีแล้ว”
หญิงสาวก้าวถอยไปสองก้าวอย่างแนบเนียนก่อนตอบเสียงเบา “ไม่เป็นไรค่ะ” เธอเม้มปากน้อยๆ ท่าทางอึกอักอยากจะพูดอะไรบางอย่าง ผ่านไปนานถึงได้เปิดปากพูดออกมาอย่างคนตัดสินใจได้แล้ว “สามีของคุณ…”
เพิ่งจะพูดออกไปไม่ทันจบประโยค ชายหนุ่มร่างสูงก็เดินมาทางพวกเธอแล้ว บนใบหน้าหล่อเหลามีรอยยิ้มกวนๆ ประดับอยู่ แววตาดูรักสนุกของเขามองสบตากับเธอตรงๆ หญิงสาวอึ้งไป เมื่อเสียงลิฟต์ด้านหลังดังติ๊ง เธอก็ก้มหน้าลงแล้วพูดว่า “ลาก่อนค่ะ” ก่อนจะผลุบหายเข้าไปในลิฟต์อย่างรวดเร็ว
อาจิ้งร้อง “อ๊ะ!” ออกมา ก่อนหันหน้ากลับไปถามชายหนุ่ม “พวกคุณรู้จักกันเหรอคะ”
ชายหนุ่มมองประตูลิฟต์ที่ปิดลงพร้อมส่ายหน้า อาจิ้งลอบถอนหายใจกับตนเอง เธอยังคงรู้สึกร้อนใจอยู่ “ที่คุณพูดเมื่อกี้เป็นความจริงเหรอคะ ที่ว่าหรงซิ่งอันดื่มแล้วขับ? งั้นพวกเราสามารถเปิดโปง…”
ยังไม่ทันพูดจบชายหนุ่มก็ยิ้มออกมาแล้วส่ายหน้าน้อยๆ พร้อมเอ่ยขัดขึ้น “เพื่อป้องกันไม่ให้เขามารบกวนคุณได้อีก จุดอ่อนเรื่องนี้ก็เก็บเอาไว้ก่อนจะดีกว่านะครับ”