เมิ่งสืออวี่ยื่นมือไปหยิบแก้วไวน์ในถาดของบริกรที่เดินผ่านมา แต่ตรงหน้ากลับมีคนยื่นแก้วเตกีล่าที่เธอชอบดื่มมาให้
“สืออวี่ ไม่ได้เจอกันนาน”
ชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าร่างผอมโปร่งท่าทางสุภาพ ผมหวีเรียบแปล้ เวลาที่มองผู้คนในก้นบึ้งของดวงตาจะมีประกายสว่างไสว เขาเป็นเพื่อนร่วมงานสมัยเธอยังทำงานอยู่ในโรงพยาบาลรัฐในตอนที่ยังไม่ได้เปิดคลินิกเป็นของตัวเอง ชื่อเยวี่ยหมิ่นเสวีย
เธอรับแก้วเหล้ามา พร้อมส่งยิ้มให้ด้วยท่าทีห่างเหิน “ไม่ได้เจอกันนานนะ”
เยวี่ยหมิ่นเสวียใช้แก้วในมือชนกับแก้วเหล้าของเธอ แล้วมายืนอยู่ข้างๆ “น่าจะสักสองปีได้แล้วมั้ง?”
“น่าจะ…จำไม่ได้แล้ว”
“เธอเป็นคนดังคงงานยุ่ง แต่ฉันกลับจำได้ชัดเจน” น้ำเสียงของเขาหยอกเย้า ทว่ารอยยิ้มกลับไม่นับว่าเป็นมิตร เมิ่งสืออวี่ขมวดคิ้วน้อยๆ อย่างถ้าไม่สังเกตก็ไม่เห็น เธอได้ยินเขาพูดต่อไปว่า “เมื่อสองปีก่อนที่เธอเพิ่งเปิดคลินิก ฉันขับรถไปแสดงความยินดีกับเธอโดยเฉพาะ แต่กระทั่งหน้าของเธอก็ไม่ได้เห็น”
ศาสตราจารย์เฉินบนเวทีเพิ่งจะบรรยายเสร็จ เมิ่งสืออวี่ปรบมือไปพร้อมคนอื่นๆ ก่อนตอบด้วยท่าทีไม่ใส่ใจ “วันนั้นยุ่งเกินไป ต้องขอโทษด้วยจริงๆ”
“ช่วงสองปีมานี้ฉันกลับได้ยินเรื่องราวของเธอไม่น้อย เธอได้ลงบทความใน Psychological bulletin รักษาคนไข้อาการหนักของแวดวงจิตวิทยาไปได้ไม่น้อย แม้แต่…” นิ้วของเขาเคาะไปที่ขมับ จู่ๆ ก็เพิ่มเสียงขึ้นมากะทันหัน“กู้ชิงไหวที่ป่วยเป็นโรคนอนไม่หลับขั้นรุนแรงก็ยังย้ายไปเป็นคนไข้ของเธอเหมือนกันใช่ไหม”
เมิ่งสืออวี่ชะงักไป จิตแพทย์สาวหันหน้าไปมองชายหนุ่มที่เคยไล่จีบเธอทว่าถูกปฏิเสธไปตรงหน้า ทันใดนั้นก็เข้าใจเจตนาในคืนนี้ของเขาขึ้นมา
ไม่ผิดไปจากที่คาด ชื่อกู้ชิงไหวดึงดูดความสนใจของคนรอบข้างได้ทั้งหมด เยวี่ยหมิ่นเสวียแสดงสีหน้าราวกับนึกอะไรออกกะทันหัน “เมื่อครึ่งปีก่อนตอนที่เธอรับเคสเขาไปเคยพูดไว้ว่ายอดเขาเอเวอเรสต์ลูกนี้จะถูกเธอปีนขึ้นไปถึงยอดเอง ตอนนี้ผ่านไปครึ่งปีแล้ว ทำไมฉันถึงได้ยินมาว่าอาการของเขายังคงไม่ดีขึ้นล่ะ แถมเขายังยุติสัญญากับเธอด้วยนี่”
อาการนอนไม่หลับของกู้ชิงไหวเป็นหนึ่งในอาการป่วยที่ตึงมือที่สุดของวงการ ขอแค่รักษาเขาหายก็จะได้ทิ้งชื่อไว้ในประวัติศาสตร์ของแวดวงจิตวิทยา มีคนจำนวนมากแค่ไหนที่อยากลองดู แล้วก็มีคนจำนวนมากแค่ไหนที่พ่ายแพ้กลับไป
ข้างๆ มีผู้หญิงสองคนเริ่มพูดคุยกระซิบกระซาบกันขึ้นมา
“ได้ยินมาว่าเมิ่งสืออวี่กำลังแย่งรายชื่อศาสตราจารย์ของปีนี้อยู่แน่ะ”
“เธอ?!” คนที่คุยด้วยทั้งตกใจและขบขัน “จะเป็นไปได้ยังไง เธออายุยังน้อยขนาดนี้ ข้างหน้ายังมีรุ่นพี่ต่อแถวกันอีกตั้งมากเท่าไหร่!”
“ได้ยินมาว่าคิดจะใช้ความสำเร็จในการรักษาผู้ป่วยโรคนอนไม่หลับคนนั้นมาให้พิจารณาน่ะ”
“มิน่าล่ะ แต่ก็ไม่ใช่ว่าล้มเหลวไปแล้วหรอกเหรอ เด็กสมัยนี้คิดอยากจะกินให้อ้วนในคำเดียวกันทั้งนั้น เพ้อเจ้อจริงๆ”
เสียงพูดคุยค่อยๆ เบาลง เสียงเปียโนลอยคลออยู่ในอากาศที่มีกลิ่นหอมของแอลกอฮอล์อย่างเนิบช้า คนในห้องโถงนี้มีคนที่เคยล้มเหลวกับอาการนอนไม่หลับของกู้ชิงไหวมากแค่ไหน ทั้งยังมีกี่คนที่กำลังรอดูเรื่องขบขันอย่างการที่คนเย่อหยิ่งเช่นเมิ่งสืออวี่เองก็ต้องมาคุกเข่าอยู่ใต้ยอดเขาเอเวอเรสต์ลูกนี้เหมือนกัน
เยวี่ยหมิ่นเสวียบรรลุเป้าหมายแล้ว เขาเผยยิ้มออกมาน้อยๆ อย่างไม่เป็นมิตร ก่อนลดเสียงลงแล้วขยับไปกระซิบข้างหูเธอ “สืออวี่ ผู้หญิงตัวคนเดียวอย่างเธอจะทุ่มเทขนาดนี้ไปทำไมกัน ลำบากลำบนทำอะไรมากมายขนาดนี้ สุดท้ายแล้วก็เป็นได้แค่เรื่องตลกอยู่ดีไม่ใช่เหรอ”
เมิ่งสืออวี่หน้าไม่เปลี่ยนสี แผ่นหลังของจิตแพทย์สาวค่อยๆ เหยียดตรง หลังจากนั้นก็ยิ้มออกมา “ถ้าไม่อย่างนั้นล่ะ? จะให้พึ่งพาผู้ชายอย่างนายเหรอ” เธอหันหน้าไปมองชายหนุ่ม บริเวณหว่างคิ้วเต็มไปด้วยความทะนงตน “นายจะเอาอะไรมาให้ฉันพึ่งพา”