เยวี่ยหมิ่นเสวียหน้าเปลี่ยนสี ส่วนเมิ่งสืออวี่ก้าวถอยหลังไปสองก้าวแล้วดื่มเหล้าในแก้วจนหมด “ผู้ชายที่ฉันต้องการไม่ได้หวังให้โดดเด่นมาก แต่อย่างน้อยก็ต้องไม่ใช่คนที่หลังจากถูกปฏิเสธไปแล้วอับอายจนพาลหาเรื่องไปทั่ว” เธอชำเลืองหางตามองเยวี่ยหมิ่นเสวียหนหนึ่ง “ถึงยังไงแบบคุณเยวี่ยนี่ก็ไม่เข้าเกณฑ์มาตรฐานแล้ว”
“เธอ!”
เมิ่งสืออวี่เช็ดมุมปากทำเหมือนไม่มีเรื่องอะไร “นอกจากนี้ เรื่องระหว่างฉันกับคนไข้ของฉัน คนนอกไม่มีสิทธิ์มาสอดปาก จะรักษาหายหรือไม่หาย ตอนนี้ยังเร็วเกินไปที่จะด่วนสรุป”
ใบหน้าเยวี่ยหมิ่นเสวียเป็นสีแดงจัด จิตแพทย์สาววางแก้วเหล้าลงก่อนเงยหน้าขึ้นส่งยิ้มให้ชายหนุ่มแล้วกลับตัวเดินนวยนาดออกไป
ทันทีที่ออกมาจากโรงแรม ลมร้อนก็ปะทะเข้ามาที่ใบหน้า กระทั่งดวงจันทร์กลางฟ้ายังถูกไอร้อนรมจนดูพร่าเลือนไปเล็กน้อย เมิ่งสืออวี่ดื่มเหล้าไปทำให้ไม่อาจขับรถเองได้ หลังเรียกคนขับรถมาแล้วเธอก็โทรศัพท์หาผู้ช่วย
“เอาบันทึกการรักษาทั้งหมดของกู้ชิงไหวออกมาเรียบเรียง รวมไปถึงข้อมูลการรักษาจากที่อื่นๆ ทั้งหมดที่หาได้ก่อนหน้าฉันจะรับเคสเขามาต่อด้วย”
ผู้ช่วยฟังแล้วไม่เข้าใจ “คุณกู้ไม่ได้ยุติสัญญากับพวกเราแล้วเหรอคะ”
“บอกให้หาก็หาไปซะ!”
ผู้ช่วยรีบรับปากทันที
คนขับรถมาถึงอย่างรวดเร็ว เธอบอกที่อยู่ของบ้านหลินเซินไป หลังจากเข้าไปนั่งตรงที่นั่งด้านหลังแล้วก็หลับตาลงด้วยความเหนื่อยล้า
หลินเซินรู้ว่าเมิ่งสืออวี่ไปร่วมงานเลี้ยงดังนั้นจะต้องดื่มเหล้ามาจึงต้มน้ำฟักทองคอยไว้นานแล้ว วางพักไว้จนอุ่นๆ เวลาเข้าปากจะให้รสชาติหอมหวานจางๆ ช่วยสลายฤทธิ์แอลกอฮอล์ไปได้อย่างรวดเร็ว
โทรทัศน์เปิดอยู่ที่ช่องรายการวาไรตี้ซึ่งเป็นที่นิยมในระยะนี้ ดาราชายหญิงกลิ้งตัวกันอยู่ในพื้นโคลน เมิ่งสืออวี่ซุกตัวอยู่บนโซฟานั่งดูสักพัก จู่ๆ ก็ยิ้มออกมาแล้วเอ่ยขึ้น “ดารายังทุ่มเทกันขนาดนี้ พวกเราทุ่มเทไปแค่นี้ยังนับเป็นอะไรได้”
หลินเซินเดินถือแก้วนมมานั่งลงข้างเธอ “เมิ่งเมิ่ง เธออารมณ์ไม่ดีเหรอ”
เมิ่งสืออวี่ยันตัวลุกขึ้นนั่งขัดสมาธิ มือหนึ่งค้ำหน้าผาก คิดๆ แล้วถามออกไป “สมัยเด็กๆ เธอเคยคิดว่าโตมาแล้วจะทำอะไรไหม”
หลินเซินส่ายหน้า แล้วเมิ่งสืออวี่ก็พูดเองเออเองขึ้นมา “ฉันอยากเป็นจิตแพทย์มาตั้งแต่เด็กๆ แล้ว” เมิ่งสืออวี่ไม่ค่อยพูดถึงเรื่องในอดีต คาดว่าคงเพราะดื่มเหล้ามาก็เลยพูดมากขึ้น “พ่อของฉันที่เป็นช่างซ่อมรถมักจะเก็บพวกหนังสือที่คนอื่นไม่ต้องการจากจุดรีไซเคิลขยะมารองอุปกรณ์ ตอนนั้นที่บ้านฉันไม่มีเงินซื้อหนังสือนิทาน ฉันก็เลยเอาหนังสือพวกนี้มาพลิกอ่าน เพิ่งจะขึ้นชั้นประถมได้มั้ง หนังสือเล่มแรกที่อ่านก็คือเรื่อง ‘การศึกษาพฤติกรรมมนุษย์’”
เมิ่งสืออวี่ยิ้มออกมา “ฉันอ่านไม่ออกเลย จำได้ว่านั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวเตี้ย ดมกลิ่นน้ำมันเครื่อง ฝืนอ่านตัวหนังสือพวกนั้นไปแบบติดๆ ขัดๆ พวกหนังสือชุดนั้นที่พ่อฉันเก็บกลับมาน่าจะเป็นหนังสือที่อาจารย์สอนจิตวิทยาสักคนโยนทิ้ง เพราะมันมีแต่พวก ‘งานวิจัยจิตวิทยา’ ‘การวิเคราะห์พฤติกรรมมนุษย์ทางจิตวิทยา’ ทุกคนต่างเอาหนังสืออ่านนอกเวลาไปโรงเรียน แต่บ้านฉันซื้อไม่ไหวเลยได้แต่พกหนังสือพวกนี้ไป อ่านไปอ่านมากลับชอบเข้าให้”