การศึกษาพฤติกรรมทางจิตวิทยาเป็นเรื่องที่ชวนให้เธอรู้สึกประสบสำเร็จมากเรื่องหนึ่งจริงๆ ในช่วงอายุที่คนอื่นๆ ยังรู้จักแต่ออดอ้อนร้องไห้โวยวาย เมิ่งสืออวี่กลับเรียนรู้ที่จะสังเกตสีหน้าท่าทางคนอื่นแล้ว
“ฉันดูออกว่าอีกฝ่ายโกหกหรือเปล่า ในชั้นเรียนใครแอบรักใคร ผู้ชายชอบฉันจริงๆ หรือแค่หลอก” เธอชะงักไปก่อนหัวเราะคิกคักขึ้นมา “เธอรู้ไหม สมัยนั้นฉันรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นพระเจ้าเลย…”
หัวเราะอยู่นานเมิ่งสืออวี่ถึงได้หยุดแล้วหยิบรีโมตขึ้นมาเปลี่ยนช่อง “ตอนนั้นฉันสาบานกับตัวเองแล้วว่าจะต้องขึ้นไปยืนอยู่บนจุดสูงสุดของแวดวงจิตวิทยาให้ได้”
ยังมีอีกประโยคหนึ่งที่เมิ่งสืออวี่ไม่ได้พูดออกมา แล้วก้มลงมองทุกคน
จิตแพทย์สาวยกแก้วนมขึ้นดื่ม สีหน้าอ่อนล้า “เซินเซิน ครั้งแรกที่ฉันเจอเธอคือเมื่อสิบปีที่แล้วใช่ไหม”
หลินเซินขานรับเรียบๆ “อืม”
“ฉันจำได้ว่าวันนั้นอากาศร้อนมาก แต่แสงจันทร์กลับสวยมาก แล้วเธอก็อยู่ตรงแม่น้ำหยางหลิวด้านหลังมหาวิทยาลัยตรงนั้น นั่งขดตัวเป็นก้อนที่ทั้งผอมทั้งเล็กจ้อย ครั้งแรกมองไปฉันยังไม่เห็นเธอด้วยซ้ำ”
“โชคดีที่ต่อมาเห็นแล้วจึงช่วยดึงเธอกลับมาจากริมแม่น้ำ ไหนบอกมาซิว่าทำไมตอนนั้นเธอถึงได้โง่ขนาดนั้น รู้ไหมกระโดดแม่น้ำฆ่าตัวตายมันทรมานแค่ไหนกัน”
หลินเซินเอ่ยขัดเพื่อนเสียงเบา “เมิ่งเมิ่ง เธอดื่มเยอะไปแล้ว”
“ใช่ วันนี้ฉันดื่มเยอะไปหน่อย” เมิ่งสืออวี่หัวเราะคิกคักขึ้นมา แล้วตบหลังมือหลินเซินเบาๆ “ฉันรู้ว่าฉันไม่สมควรพูดเรื่องพวกนี้ แต่ว่าเซินเซิน…เธอรู้ไหมว่าบางทีฉันอิจฉาเสียงของเธอมากแค่ไหน ไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น แค่เธอเปิดปากส่งเสียงก็สามารถสงบอารมณ์ของทุกคนลงได้แล้ว ทุกคนต่างเต็มใจฟังเธอพูด ต่างเปิดใจกับเธอกันทั้งนั้น แต่ว่าฉันล่ะ…ในฐานะจิตแพทย์มืออาชีพ ไม่ว่าจะทุ่มเทจิตใจและเวลามากแค่ไหน ก็ไม่แน่ว่าจะได้รับความไว้ใจจากพวกเขา…”
“เมิ่งเมิ่ง!” หลินเซินขึ้นเสียงสูง เธอมองเข้าไปในดวงตาของเมิ่งสืออวี่ “เธอเมาแล้ว”
เมิ่งสืออวี่เงยหน้าขึ้น ดวงตาของทั้งคู่มองสบกัน เห็นชัดถึงความเจ็บปวดที่อดกลั้นอยู่ในแววตาสีดำคู่นั้น หลังผ่านไปสักพักเธอก็ยิ้มขื่นออกมา “ฉันเมาแล้ว”
หลินเซินลุกขึ้นยืน “ฉันจะไปปูที่นอนให้เธอ คืนนี้ก็นอนที่นี่แหละ”
จิตแพทย์สาวยืดตัวนั่งหลังตรง ผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ “อืม ก่อนนอนเธออ่านบทความหนึ่งให้ฉันฟังได้ไหม ถ้าได้ยินเสียงของเธอ ฉันก็จะไม่รู้สึกแย่ขนาดนั้นแล้ว”
หลินเซินพยักหน้า ก่อนลุกขึ้นเดินไปหยิบหนังสือรวมกลอนของซูถิงที่ห้องหนังสือ แล้วเมิ่งสืออวี่ก็นอนหลับไปอย่างช้าๆ หลินเซินกำลังลุกขึ้นยืนเบาๆ โทรศัพท์มือถือบนโต๊ะก็สั่นขึ้นมา เธอสะดุ้ง เมิ่งสืออวี่เองก็ลืมตาขึ้นเพราะเสียงโทรศัพท์มือถือสั่น พอมองดูสีหน้าของหลินเซินแล้วจิตแพทย์สาวก็เอื้อมมือไปคว้าโทรศัพท์มือถือมาเอง
คำว่า ‘เจ๋อสุ่ย’ กำลังกะพริบแสงอยู่ เมิ่งสืออวี่เลื่อนกดรับสาย
เสียงจากปลายสายฟังดูตื่นเต้นอย่างมาก “หลินเซินใช่ไหม! นี่ลุงใหญ่ของหลานเอง”
เมิ่งสืออวี่เปิดปากเอ่ยเสียงเย็น “หลินเซินอยู่ตัวคนเดียวมาตั้งแต่พ่อแม่เสียไป ไม่เคยได้ยินมาก่อนว่ามีลุงใหญ่อะไร ถ้ายังโทรมาอีกฉันจะแจ้งความว่าคุณโทรมาก่อกวน!”
เธอวางสาย หันกลับไปส่งยิ้มให้หลินเซิน “ไม่เป็นไร ไม่ต้องกังวลแล้ว”