วันรุ่งขึ้นเมิ่งสืออวี่กินข้าวเช้าแล้วจึงจากไป ในตอนที่มาถึงคลินิกผู้ช่วยก็เรียบเรียงข้อมูลของกู้ชิงไหวทั้งหมดที่เธอต้องการออกมาไว้ให้แล้ว โดยวางเอาไว้บนโต๊ะทำงานของเธอ
เมิ่งสืออวี่อ่านไปพลางโทรหากู้ชิงไหวไปด้วย “คุณกู้ วันนี้พอจะว่างไหมคะ ฉันอยากจะทำการรักษาให้คุณอีกครั้งค่ะ”
ชายหนุ่มรู้สึกจนใจอย่างมาก “คุณนี่มีความอดทนจริงๆ”
“ช่วยไม่ได้ค่ะ คนอย่างฉันค่อนข้างเคารพในวิชาชีพ ทนเห็นคนไข้ของฉันรับความทรมานไม่ได้”
กู้ชิงไหวเงียบไปสักพัก ในตอนที่เธอหลงคิดว่าชายหนุ่มจะรับปากก็กลับได้ยินเขาหัวเราะอย่างแฝงความนัยบางอย่างขึ้นมาแทน “คุณหมอเมิ่งสามารถรับประกันว่าการรักษาครั้งสุดท้ายจะมีประโยชน์กับผมจริงๆ ไหม”
“คุณกู้…”
“ผมไม่ชอบเสียเวลาไปทำเรื่องที่ไม่แน่นอน คุณต้องการโอกาสรักษาครั้งสุดท้าย ผมจะให้คุณก็ได้ แต่หวังว่าจะเป็นในสถานการณ์ที่คุณมีความมั่นใจเต็มร้อย”
เมิ่งสืออวี่กำมือถือแน่น ผ่านไปครู่ใหญ่จึงเอ่ยเสียงเบา “รบกวนคุณแล้ว”
โทรศัพท์ตัดสายไป เมิ่งสืออวี่ทรุดตัวกลับไปนั่งบนโซฟาเหมือนคนหมดแรง สายตาจ้องเขม็งไปที่กองเอกสารพวกนั้น ผ่านไปนานเธอถึงหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาอีกครั้ง แล้วกดโทรเบอร์หนึ่งออกไป
“เพื่อนเก่ากำลังทำอะไรอยู่กัน” ไม่รู้ว่าปลายสายตอบอะไร เมิ่งสืออวี่ยิ้มออกมา “ได้ยังไงล่ะ ไม่มีอะไรแค่จะโทรมาคุยกับนายหน่อยไม่ได้เลยเหรอ แต่นายพูดถูกแล้ว มีเรื่องหนึ่งอยากจะรบกวนนักสืบเอกชนอย่างนายจริงๆ”
“ฉันอยากให้นายช่วยตรวจสอบคนคนหนึ่ง”
เมืองไหวอันที่มีอุณหภูมิสูงไม่ยอมลดมาโดยตลอดหลังเข้าสู่ฤดูร้อน ในที่สุดก็ได้เจอฝนมาช่วยลดอุณหภูมิของฤดูร้อนปีนี้เป็นครั้งแรกตอนช่วงปลายเดือนเจ็ด ฝนตกหนักติดต่อกันสามวัน สาดความเย็นใส่เมืองอันร้อนระอุ หลังฝนหยุดแล้วสภาพอากาศก็สดใส บรรดาประชากรที่ซ่อนตัวตากแอร์อยู่ในบ้านจึงยอมออกมาเดินข้างนอกกันในที่สุด
เพื่อที่จะเร่งส่งรูปภาพชุดนั้นไปให้เหลียนถัง สีในห้องวาดภาพจึงถูกใช้ไปเกือบหมดแล้ว หลินเซินเองก็อาศัยสภาพอากาศแบบนี้ออกจากบ้านไปซื้อของ ในตอนที่เดินข้ามสะพานลอย สายตาก็กวาดมองถนนใต้สะพานที่มีรถราวิ่งขวักไขว่แล้วต้องอึ้งไป
ตรงกลางถนนมีลูกแมวสีดำตัวหนึ่งนั่งยองๆ อยู่อย่างไม่มีที่ให้ไปท่ามกลางรถที่แล่นผ่านไปมา หลินเซินลังเลอยู่ครึ่งนาทีก็กลับตัวลงจากสะพานลอย
ตรงนี้เป็นถนนเส้นทางหลวงขึ้นวงแหวนรอบทะเล ปริมาณรถหนาแน่นอยู่เสมอ ดังนั้นรัฐบาลถึงได้สร้างสะพานลอยมาลดทอนการจราจรติดขัด บนถนนไม่ได้ทำทางม้าลาย หลินเซินเล็งโอกาสแล้วรีบเดินลงถนนไปทันที เธอเหยียบไปบนเกาะกลางถนน
แมวดำอยู่ที่อีกฝั่งของเกาะกลางถนน แต่เพราะว่าตรงนี้เป็นจุดอับสายตารถเลยไม่ได้ลดความเร็วลง แต่พอเห็นว่าตรงริมถนนมีคนคนหนึ่งพุ่งออกมาอย่างกะทันหันก็ต่างพากันเหยียบเบรกเปลี่ยนเลนด้วยจิตใต้สำนึก มีบางคนที่ขี้หงุดหงิดหน่อยก็ลดกระจกหน้าต่างลงแล้วตะโกนด่าออกมา หลินเซินทำเหมือนไม่ได้ยิน สายตายังจับจ้องไปที่แมวดำตัวนั้น อาศัยโอกาสตอนที่ปริมาณรถน้อยลงแล้วพุ่งตัวไปที่ข้างตัวของมันก่อนอุ้มแมวขึ้นมาทันที
แมวดำตกใจ ระหว่างที่ขัดขืนกรงเล็บของมันก็ข่วนแขนเธอเป็นแผล หลินเซินไม่มีเวลาสนใจความเจ็บปวดเพราะว่าตรงหน้าไฟเขียวสว่างขึ้นแล้ว รถเริ่มขยับกันอีกครั้ง เธอรีบเดินขึ้นไปบนเกาะกลางถนนแล้วรอไฟแดงครั้งต่อไป
หลังจากนั้นสักพัก รถเบนต์ลี่ย์สีดำคันหนึ่งก็มาจอดอยู่ข้างๆ เธอ หลินเซินก้าวถอยหลังไปสองก้าวอย่างระมัดระวัง กระจกรถถูกลดลงมา ซ่งเซียวหานที่นั่งอยู่ตรงตำแหน่งคนขับเอ่ยด้วยสีหน้าเรียบเฉย “ขึ้นรถครับ”