รถด้านหลังที่ถูกขวางเอาไว้กำลังบีบแตรอย่างหงุดหงิด หลินเซินรีบอุ้มแมวดำแล้วมุดเข้าไปในรถ ในสภาพอากาศที่เย็นสบายแบบนี้แต่ภายในรถก็ยังคงเปิดแอร์ หลินเซินนั่งอยู่ที่เบาะหลังจึงรู้สึกกระอักกระอ่วนอยู่บ้าง “ประธานซ่ง คุณมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงกันคะ”
เพราะเธอนั่งอยู่ตรงด้านหลังที่นั่งคนขับจึงมองไม่เห็นสีหน้าของซ่งเซียวหาน ได้ยินแค่เสียงทุ้มของเขาที่ถามว่า “ได้รับบาดเจ็บไหมครับ”
หลินเซินรีบก้มหน้าลงตรวจสอบแมวดำในอ้อมกอดตัวเอง “ตรงเท้าหน้ากับหางมีบาดแผลทั้งคู่ แผลที่เท้าหน้าค่อนข้างหนักค่ะ”
ซ่งเซียวหานชะงักไป ก่อนเอ่ยออกมาน้ำเสียงคล้ายขบขัน “ผมหมายถึงคุณน่ะ”
หลินเซินถึงเพิ่งรู้สึกตัว เธอก้มมองแขนของตัวเอง บนแขนมีรอยข่วนอยู่เล็กน้อย เลือดหยุดไปแล้ว แต่บาดแผลกำลังปวดแสบ จิตรกรสาวหยิบทิชชูออกมาแล้วกดไว้บนบาดแผล “แค่บาดแผลเล็กน้อย ไม่ได้หนักหนาอะไรค่ะ”
ซ่งเซียวหานไม่ได้พูดอะไร เขากดเปิดจีพีเอสแล้วพิมพ์อะไรบางอย่างลงไปก่อนจะขับรถเลี้ยวไปทางขวา ลงจากทางหลวงวงแหวนรอบทะเลผ่านทางออกถัดไป
หลินเซินโน้มตัวไปข้างหน้าเล็กน้อย “ประธานซ่ง คุณจอดที่ทางแยกข้างหน้านี้ก็พอค่ะ”
รถยนต์เคลื่อนไปถึงทางแยกแล้วเลี้ยวขวา แต่กลับไม่มีท่าทีจะหยุดลง หลังจากนั้นไม่กี่ร้อยเมตรก็ปรากฏเขตที่พักอาศัยขึ้นมาตามสองข้างทาง รถยนต์จอดลงตรงหัวมุมถนนที่ด้านข้างเป็นคลินิกสัตว์แห่งหนึ่ง
“เอาแมวเข้าไปรักษาก่อน แล้วผมจะพาคุณไปส่งโรงพยาบาลอีกที”
หลินเซินอยากจะปฏิเสธ แต่เขาก็ลงมาช่วยเปิดประตูรถให้เธอแล้ว
บริเวณรอบนอกของคลินิกสัตว์ใช้พลาสติกล้อมเป็นรั้วตรงพื้นที่โล่งบริเวณหนึ่งเอาไว้ ตรงกลางพื้นที่โล่งนั้นมีหมาซามอยด์สีขาวหิมะตัวหนึ่งนอนอยู่ เมื่อมันเห็นคนเดินเข้ามาก็ส่ายหางพุ่งเข้าใส่ ประตูกระจกสองบานใหญ่เปิดกว้าง บนคานแขวนกระดิ่งลมอันหนึ่งเอาไว้ เป็นกระดิ่งลมที่พิเศษมาก สายห้อยลงมาคล้ายลูกกระสุน เวลากระทบกันจะส่งเสียงทุ้มหนัก หลินเซินอดเหลือบมองดูอยู่สองสามครั้งไม่ได้
ภายในห้องเต็มไปด้วยกลิ่นของหมาแมวที่เป็นเอกลักษณ์ผสานไปกับกลิ่นน้ำยาฆ่าเชื้อ ในกรงริมกำแพงทั้งแถวต่างเป็นสัตว์เลี้ยงที่เจ็บป่วยกำลังนอนอยู่ตรงมุมกรงอย่างเกียจคร้าน
โทรทัศน์ที่แขวนอยู่บนผนังกำลังฉายซีรี่ส์เกาหลีที่ฮิตอยู่ในตอนนี้ หลินเซินกำลังจะเปิดปากเรียกหาสัตวแพทย์ ทว่าตรงมุมห้องกลับมีเสียงร้องไห้โฮดังขึ้นมากะทันหัน เสียงนั้นร้องไห้ไปพร้อมสะอึกสะอื้นไปด้วย “อย่าไป…อย่าไปสิ…”
หลินเซินกับซ่งเซียวหานต่างถูกทำให้ตกใจ เมื่อหันมองไปตามเสียงถึงได้เห็นว่ามีคนคนหนึ่งนอนขดตัวอยู่บนโซฟาตรงมุมห้องที่กองเต็มไปด้วยขนม อีกฝ่ายสวมแว่นตากรอบดำที่ใหญ่มาก ผมเผ้าฟูฟ่อง กอดถุงมันฝรั่งแผ่นร้องไห้ทั้งที่ยังจ้องเขม็งไปที่โทรทัศน์บนผนัง
หลินเซินหันไปมองตามเห็นพระเอกในจอโทรทัศน์มีดาบเล่มหนึ่งเสียบหน้าอกล้มอยู่ในอ้อมกอดของนางเอก และกำลังจะสลายหายไปเป็นดวงดาวทีละน้อย หญิงสาวบนโซฟากำลังร้องไห้เสียใจเสียยิ่งกว่านางเอก
ซ่งเซียวหาน “…”
หลินเซิน “…”
แมวดำดิ้นอยู่ในอ้อมกอดของเธออย่างไม่สบายตัว หลินเซินจึงเปิดปากเอ่ยอย่างอดไม่ได้ “สวัสดีค่ะ ไม่ทราบว่าคุณคือหมอของที่นี่หรือเปล่าคะ”
หญิงสาวกำลังดึงทิชชูมาเช็ดน้ำมูก เธอหันหน้ามามองด้วยดวงตาที่มีน้ำตาคลออยู่ “ใช่แล้ว มีอะไรเหรอ”
“แมวตัวนี้ได้รับบาดเจ็บ รบกวนคุณช่วยตรวจดูหน่อยค่ะ”
หญิงสาวร้อง “อ้อ” ตอบรับพร้อมดันแว่นขึ้นเพื่อเช็ดดวงตา แล้วกลับตัวไปหยิบเสื้อกาวน์สีขาวที่แขวนอยู่บนผนังกับถุงมือฆ่าเชื้อลงมา ในตอนที่รับแมวดำไปจากอ้อมกอดของหลินเซิน สายตาของสัตวแพทย์ก็กวาดมองไปยังแผลบนแขนเธอด้วย ก่อนถามเสียงอู้อี้ “ถูกมันข่วนเหรอ”
“ค่ะ”
สัตวแพทย์หญิงสูดน้ำมูก อุ้มแมวดำขึ้นไปตรวจดูบนโต๊ะผ่าตัดรอบหนึ่ง “ขาหน้ากับกระดูกหางหัก ต้องผ่าตัด จำเป็นต้องพักรักษาตัวอยู่ที่นี่ครึ่งเดือน ไม่เป็นไรใช่ไหม”
คุณหมอที่เมื่อครู่ดูแล้วไม่ค่อยน่าเชื่อถือเท่าไหร่ ทว่าในตอนนี้กลับแสดงความชำนาญออกมาให้เห็น หลินเซินรีบพยักหน้า สัตว์แพทย์หญิงวางแมวดำใส่เข้าไปในกรง แล้วกลับตัวไปหยิบแอลกอฮอล์กับขวดทิงเจอร์ไอโอดีนลงมาจากชั้นยา
“ยื่นแขนมาให้ฉันดูหน่อยค่ะ”
หลินเซินรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ก่อนส่งยิ้มให้สัตวแพทย์หญิงด้วยความขอบคุณแล้วนั่งลงพร้อมวางแขนลงไปบนหมอนรองที่หญิงสาววางเอาไว้ให้ อีกฝ่ายหยิบคอตตอนบัดมาจุ่มแอลกอฮอล์เตรียมไว้สำหรับใช้ฆ่าเชื้อให้เธอ ซ่งเซียวหานที่ยืนเงียบๆ อยู่ข้างๆ มาโดยตลอดกลับยกมือขึ้นขวางกะทันหัน พร้อมขมวดคิ้วแล้วถามออกมา “คุณทำเป็นเหรอ”
สัตวแพทย์หญิงเงยหน้าพร้อมดันแว่นขึ้นน้อยๆ “คุณผู้ชายท่านนี้ ฉันเห็นว่าหน้าตาคุณไม่เลว แต่ทำไมพูดจาได้ไม่น่าฟังแบบนี้นะ อะไรคือฉันทำเป็นไหม…ฉันทำไม่เป็นแล้วคุณเป็นเหรอไง ถ้าคุณเป็นคุณก็ทำสิ!”