ห่างออกไปไม่ไกลนักมีหญิงสาวท่าทางสดใสคนหนึ่งยืนอยู่ เมื่อเห็นหลินเซินเดินเข้ามาใกล้ก็พุ่งตัวเข้าไปหาด้วยสีหน้าตื่นเต้น “สวัสดีค่ะรุ่นพี่! ฉันเป็นเด็กไหวต้าจบจากคณะสื่อสารมวลชน ชื่อมู่ชูหนานค่ะ”
มู่ชูหนานเป็นมิตรเกินไป หลินเซินถอยหลังไปสองก้าวอย่างช้าๆ สร้างระยะห่างขึ้นมา “สวัสดีค่ะ มีธุระอะไรหรือเปล่าคะ”
“คือแบบนี้ค่ะรุ่นพี่! ตอนงานสถาปนาไหวต้าเมื่อไม่นานมานี้ ฉันอยู่ในงานบรรยายของรุ่นพี่ด้วยค่ะ ฉันชอบรุ่นพี่มากๆ เลย รวมถึงรูปวาดของรุ่นพี่ด้วย! ตอนนี้ฉันฝึกงานอยู่ที่สถานีโทรทัศน์ประจำเมือง เลยอยากจะขอสัมภาษณ์รุ่นพี่หน่อยค่ะ”
หลินเซินอึ้งไป “ขอโทษค่ะ แต่ฉันไม่สะดวกให้สัมภาษณ์ค่ะ”
“ฉันไม่รบกวนเวลาของรุ่นพี่มากเกินไปหรอกค่ะ!” มู่ชูหนานมีแววตามุ่งมั่น “รุ่นพี่เป็นนักวาดของเมืองไหวอันที่ได้รับความสนใจมากที่สุดในช่วงนี้ ทุกคนต่างอยากรู้ว่านักวาดที่มีสไตล์การวาดภาพเป็นเอกลักษณ์เช่นนั้นเป็นคนแบบไหนกันแน่ ทางฉันมีคำถามอยู่แค่สิบคำถาม…”
“ขอโทษด้วยจริงๆ แต่ฉันไม่รับการสัมภาษณ์ค่ะ”
หลินเซินรีบเอ่ยขัดคำพูดของรุ่นน้องร่วมสถาบัน ก่อนคลำหากุญแจแล้วเตรียมเปิดประตูเข้าไป มู่ชูหนานคว้าแขนเธอเอาไว้อย่างวิงวอน “รุ่นพี่! ฉันไม่รบกวนเวลาของรุ่นพี่มากเกินไปจริงๆ นะคะ ถ้ารุ่นพี่ไม่ต้องการพวกเราก็จะไม่เผยแพร่รูปของรุ่นพี่ด้วย ขอแค่การสัมภาษณ์ถามตอบง่ายๆ เท่านั้น…”
ในตอนที่ร่างกายสัมผัสกัน หลินเซินก็สะบัดตัวรุ่นน้องออกด้วยความลนลานเล็กน้อย มู่ชูหนานรับรู้ได้ถึงพฤติกรรมเสียมารยาทของตัวเองจึงรีบเอ่ยขอโทษทันที “ขอโทษค่ะรุ่นพี่ เมื่อครู่ฉันตื่นเต้นมากเกินไปหน่อย แต่การสัมภาษณ์นี้เป็นงานที่ทางสถานีกำชับมาว่าจะต้องทำให้สำเร็จ รุ่นพี่ช่วยฉันด้วยเถอะค่ะ!”
มู่ชูหนานพนมมือแสดงท่าทีขอร้องออกมา “รุ่นพี่…ขอร้องล่ะค่ะ พวกเราต่างก็จบมาจากไหวต้าเหมือนกัน พี่คงทนเห็นฉันเสียงานไปไม่ได้ใช่ไหมคะ”
หลินเซินเปิดประตูบ้านแล้วเดินเข้าไปพร้อมขวางรุ่นน้องเอาไว้ข้างนอก “ฉันไม่สะดวกให้สัมภาษณ์ไม่ว่ารูปแบบไหนทั้งนั้น วันหน้าไม่ต้องมาหาฉันแล้วนะคะ”
มู่ชูหนานที่มีสีหน้าผิดหวังและยังคงคิดจะขอร้องต่อ แต่หลังหลินเซินเอ่ยขึ้นด้วยเสียงเบาๆ ว่า “ขอโทษด้วย” ประตูก็ปิดลงแล้ว
สื่อรู้ที่อยู่ของฉันได้ยังไงกัน หรือว่าจะไปสืบมาจากที่คณะ? หลินเซินก็แค่วาดภาพไม่กี่ภาพให้กับเหลียนถังเท่านั้น แต่สื่อกลับไล่ตามมาถึงขั้นนี้ อิทธิพลของซ่งเซียวหานรวมถึงครอบครัวซ่งไม่ใช่อะไรที่เธอจะจินตนาการได้จริงๆ
ตอนกำลังกินข้าวหลินเซินก็เปิดเว็บสำหรับค้นหาขึ้นมา แล้วพิมพ์ชื่อซ่งเซียวหานลงไปในช่องค้นหาอย่างที่ปกติไม่เคยทำ เหมือนที่เมิ่งสืออวี่เคยบรรยายเขาเอาไว้ ซ่งเซียวหานเป็นชายหนุ่มผู้เพียบพร้อมทั้งหน้าตาและความสามารถอันดับต้นๆ ของประเทศที่ใครๆ ต่างเกรงใจ เรียกได้ว่าเป็นดาวเด่นของโลกธุรกิจ ทว่าก็ไม่ใช่แค่ในโลกธุรกิจเท่านั้น แม้กระทั่งในโลกแฟชั่นก็ยังให้ความสนใจกับเขามากเช่นกัน ตรงท้ายสุดของหน้าเว็บไซต์ยังมีหัวข้อ ‘อันดับผู้ชายที่ผู้หญิงอยากแต่งงานด้วยมากที่สุด’ ซ่งเซียวหานอยู่ที่อันดับหนึ่ง เห็นแล้วหลินเซินแทบจะหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ก็ไม่ออก
วันรุ่งขึ้นแสงแดดสว่างไสว หลินเซินตื่นแต่เช้าแล้วรีบออกจากบ้านไปก่อนที่อากาศจะร้อนขึ้น ห้างสรรพสินค้าในตอนเช้านั้นคนน้อยและเงียบสงบ ลำโพงส่วนกลางเปิดเพลงรักเก่าๆ เพลงหนึ่ง เจ้าของร้านขายสีคุ้นเคยกับหลินเซินมานานแล้วจึงเอ่ยทักทายเธออย่างเป็นกันเอง
“พวกนี้เป็นสินค้าเข้าใหม่ สีติดดีมาก คุณลองดู…”
หลินเซินเพิ่งเลือกของไปได้ครึ่งทาง โทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น มันเป็นสายจากซ่งเซียวหาน คนที่มีข่าวลือว่าไม่ชอบใช้โทรศัพท์คนนี้ไม่รู้ว่าทำตัวผิดจากข่าวลือกับเธอไปแล้วกี่ครั้ง หลินเซินกดรับสาย “ประธานซ่ง?”
น้ำเสียงของอีกฝ่ายทุ้มหนัก “คุณอยู่ที่ไหน”
“ห้างสรรพสินค้าค่ะ”
“รออยู่ตรงนั้นนะ ผมจะส่งคนไปรับคุณ”
หลินเซินไม่เข้าใจ “เกิดเรื่องอะไรขึ้นเหรอคะ”
ซ่งเซียวหานไม่ได้ตอบคำถาม แต่พูดว่า “ส่งที่อยู่ให้ผม” แล้ววางสายไป
จนกระทั่งสัญญาณตัดไปแล้ว แต่หลินเซินก็ยังคงสับสนงุนงง เจ้าของร้านสีคล้ายจะสัมผัสได้ว่าสีหน้าเธอเปลี่ยนไปจึงถามว่า “คุณหลิน ของพวกนี้ยังต้องการอยู่ไหมครับ”
หลินเซินได้สติกลับมา “ต้องการค่ะ รบกวนช่วยห่อให้ฉันด้วยนะคะ”