With Love
ทดลองอ่าน ให้เสียงของคุณโอบกอดผม บทที่ 1
กู้ชิงไหวกลับเข้าไปนั่งในรถ สายตามองส่งเธอเดินเข้าไปในคอนโดฯ ในตอนที่กำลังจะกลับรถก็เห็นร่างคุ้นเคยของคนคนหนึ่งเดินผ่านด้านหน้าไป อีกฝ่ายกำลังคุยโทรศัพท์พลางเดินเข้าไปหาหลินเซินที่อยู่ไม่ไกล
เพื่อนที่เธอพูดถึงคือเมิ่งสืออวี่หรอกเหรอ
โลกใบนี้ดูท่าจะเล็กเกินไปหน่อยแล้ว กู้ชิงไหวกุมขมับแล้วหัวเราะออกมาเบาๆ มองดูทั้งคู่เดินเข้าไปในคอนโดฯ ด้วยกันแล้วถึงได้จากไป
เมิ่งสืออวี่มองออกว่าอารมณ์ของหลินเซินผิดปกติไป หลังเข้าไปในลิฟต์เธอก็เอ่ยถามอย่างเป็นห่วง “เซินเซิน เป็นอะไรไป”
หลินเซินกอดกล่องสีเอาไว้พลางตอบอย่างไร้กำลัง “เธอได้เห็นข่าวเด่นวันนี้แล้วหรือยัง”
เมิ่งสืออวี่รับกล่องสีในมือของหลินเซินมา “วันนี้ฉันมีประชุมกับกลุ่มศาสตราจารย์ของสถาบันวิจัยทั้งวัน ยุ่งเกินไปเลยยังไม่มีเวลาดูน่ะ”
ตอนที่เข้าไปในห้อง เมิ่งสืออวี่ก็จุดเทียนหอมกลิ่นกุหลาบวางไว้บนโต๊ะ ก่อนจะชาร์จแบตโทรศัพท์มือถือแล้วเปิดเวยป๋อดู ตอนนั้นเองจึงได้ตระหนักถึงความร้ายแรงของเรื่องราวที่เกิดขึ้น
นักวาดหน้าใหม่อาศัยต้นไม้ใหญ่อย่างซ่งเซียวหานจนมีชื่อเสียงขึ้นมา ที่ผ่านมาสไตล์การวาดแบบนี้ไม่ได้อยู่ในกระแสที่คนทั่วไปจะชื่นชม ตอนแรกทุกคนก็หลงคิดว่าเป็นเพราะซ่งเซียวหานมีสายตาแหลมคมค้นพบแวน โก๊ะห์ในยุคปัจจุบันจึงพากันนับถืออย่างมาก ทว่าผลกลับกลายเป็นว่าตอนนี้สื่อได้โยน ‘หลักฐานแน่นหนา’ ออกมาเพื่อเปิดโปงว่าทั้งคู่ไม่ได้มีความสัมพันธ์กันธรรมดาๆ เมื่อเป็นแบบนี้การที่ภาพของเธอได้รับความชื่นชมก็คงไม่ใช่เพราะตัวผลงานแล้ว หลินเซินเปลี่ยนจากแวน โก๊ะห์ยุคปัจจุบันที่มีเอกลักษณ์ไปเป็นนักวาดหญิงที่ใช้วิธีการชั้นต่ำอย่างการเกาะคนรวยเพื่อจะโด่งดังทันที
นับประสาอะไรกับบรรดาสาวๆ ที่คลั่งไคล้ซ่งเซียวหานพวกนั้น ภายในวันเดียวก็สืบค้นภูมิหลังของหลินเซินออกมาได้จนหมด และบรรยายว่าเธอเป็น ‘นางเอกตามมารตรฐานพ่อแม่ตาย’ ในละครทีวี ในเวลาไม่นานผู้คนที่ทั้งคุ้นเคยและไม่คุ้นเคยกับหลินเซินต่างก็ออกมาแสดงความคิดเห็นกันหมด หลายคนบอกว่าเธอมีนิสัยสันโดษคุยด้วยยาก ชอบไปไหนมาไหนตัวคนเดียว และเย่อหยิ่ง มีความคิดเห็นส่วนน้อยที่ชื่นชมรูปภาพของเธอ หรือชมว่าหลินเซินดูน่ารักจิ้มลิ้ม ทว่าความคิดเห็นพวกนี้ล้วนจมลงไปข้างล่างอย่างรวดเร็ว
“คนสมัยนี้ดีแต่กล้าเปิดปากพูดทุกอย่างผ่านอินเตอร์เน็ตกันทั้งนั้น!” เมิ่งสืออวี่ด่าออกมาอีกหลายคำ “ซ่งเซียวหานว่ายังไงบ้าง”
“เขาบอกว่าจะจัดการให้เรียบร้อย”
“จัดการไปหนึ่งวันแล้วยังทำได้แค่นี้เหรอ ฉันเห็นข่าวดาราที่ถูกเปิดโปงว่านอกใจเมื่อตอนบ่ายยังไม่ได้รับความสนใจเท่าเรื่องของเธอเลย” เมิ่งสืออวี่ยื่นมือออกมา “เอามือถือมา ฉันจะถามเองว่าซ่งเซียวหานตั้งใจจะแก้ไขยังไง”
หลินเซินลังเลเล็กน้อย “ไม่ดีมั้งแบบนี้”
เมิ่งสืออวี่คว้าโทรศัพท์มือถือของหลินเซินมาทันที “คอมเมนต์พวกนั้นไม่มีใครด่าซ่งเซียวหานสักคน เพราะงั้นพวกเขาจะทำเป็นไม่สนใจก็ได้อยู่แล้ว” หลังเลื่อนหาเบอร์ของซ่งเซียวหานได้แล้วก็โทรออกไป อีกฝ่ายรับสายอย่างรวดเร็ว เสียงทุ้มต่ำของผู้ชายดังออกมาจากลำโพงโทรศัพท์ “คุณหลิน”
“สวัสดีค่ะคุณซ่ง ฉันเป็นเพื่อนของหลินเซิน ไม่ทราบว่าทางบริษัทของคุณตั้งใจจะแก้ไขความวุ่นวายในวันนี้ยังไงคะ หลินเซินไม่ถนัดเรื่องติดต่อสื่อสารกับคนอื่นมาตลอด แต่ตอนนี้เพราะว่าพวกคุณ เธอก็เลยถูกผลักไปอยู่ในกระแสสังคมอย่างรุนแรง แล้วจนกระทั่งตอนนี้ทางบริษัทของคุณก็ยังไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ นี่ตั้งใจจะนั่งอยู่เฉยๆ ไม่ทำอะไรเลยอย่างนั้นเหรอคะ”
ปลายสายไม่ได้พูดอะไรออกมา ลำโพงเงียบสนิท หลังผ่านไปสักพักใหญ่สัญญาณก็ถูกตัดไป
เมิ่งสืออวี่มีสีหน้าไม่อยากจะเชื่อ “เขาวางไปแล้วเหรอ!”
หลินเซินกะพริบตาปริบๆ อย่างใสซื่อ
เมิ่งสืออวี่โมโหจนหัวเราะเสียงเย็นออกมา เธอเปิดบันทึกการโทรเตรียมกดโทรออกไปอีกครั้ง แต่แล้วโทรศัพท์มือถือก็สั่นขึ้นมาพอดี เป็นข้อความที่ส่งมาจากซ่งเซียวหาน
‘สวัสดีครับ ผมรู้สึกเสียใจอย่างมากที่ชักนำปัญหาใหญ่ขนาดนี้มาให้คุณหลิน พรุ่งนี้เช้าทางซ่งซื่อจะจัดงานแถลงข่าวเพื่ออธิบายเรื่องนี้ ส่วนพวกข่าวเด่นต่างๆ กำลังทยอยลบ ผมต้องขอโทษกับความเสียหายที่คุณหลินได้รับด้วยอีกครั้ง’
“ข่าวลือที่ว่าเขาไม่ชอบใช้โทรศัพท์ ดูเหมือนจะจริงสินะ?” เมิ่งสืออวี่คืนโทรศัพท์มือถือให้หลินเซิน “หวังว่าเขาจะอธิบายให้ชัดเจนในงานแถลงข่าวก็แล้วกัน ช่วงนี้เธอก็อยู่ที่คอนโดฯ ฉันไปก่อนนะ”
เมิ่งสืออวี่มองไปที่หลินเซินด้วยความกังวลเล็กน้อย “เซินเซิน เธอไม่เป็นอะไรใช่ไหม ฉันเห็นคอมเมนต์เขียนว่าเมื่อเช้ามีพวกนักข่าวไปหาเธอด้วย”
ในสมองของหลินเซินมีภาพที่ตัวเองถูกนักข่าวรุมล้อมเมื่อเช้าผุดขึ้นมาอีกครั้ง จากนั้นภาพแผ่นหลังสูงใหญ่ก็เข้ามาแทนที่ จิตรกรสาวส่ายหน้าก่อนลุกขึ้นยืนจากโซฟา “ฉันเหนื่อยแล้ว”
เมิ่งสืออวี่รู้ว่าหลินเซินต้องการอยู่คนเดียวจึงพยักหน้ารับ “โอเค เดี๋ยวฉันจะไปปูเตียงให้ เธอรีบพักผ่อนเถอะ”
ผ้าห่มของห้องนอนแขกมีกลิ่นจากถุงหอมในตู้เสื้อผ้า กลิ่นนั้นราวกับผ้าโปร่งผืนบางที่ห่อหุ้มตัวเธอเอาไว้อีกชั้นหนึ่ง หลินเซินดึงผ้าห่มขึ้นมาถึงจมูกเหลือแค่ดวงตา สายตามองไปยังโคมไฟเหนือศีรษะที่ยังเปิดอยู่ตาไม่กะพริบ
คนทั่วไปผ่านเรื่องราวแบบที่เธอเจอในวันนี้ก็ยังต้องอกสั่นขวัญแขวน แล้วนับประสาอะไรกับเธอ แต่ในตอนนี้พอย้อนนึกไป หลินเซินกลับไม่รู้สึกหวาดกลัวแล้ว ในยามที่หลับตาลงก็จะเห็นภาพของดอกกล้วยไม้เต็มคฤหาสน์ฝูหลัน ตึกอาคาร ทางเดินตรงศาลาน้ำ และยังมีตอนที่กู้ชิงไหวโน้มตัวลงมาเพื่อปลอบเธอ ในแววตาของเขาแฝงด้วยรอยยิ้ม หลินเซินกะพริบตาอย่างแรง พยายามขับไล่ภาพนี้ออกไป ก่อนถอนหายใจออกมายาวๆ