เมื่อคืนหลินเซินนอนดึกมาก ในตอนที่เธอตื่นขึ้นมาเมิ่งสืออวี่ก็ทำอาหารเช้าไว้เรียบร้อยแล้ว ตอนกินข้าวเมิ่งสืออวี่ก็ใช้โทรศัพท์มือถืออ่านข่าวไปด้วยทำให้สายตาดูนิ่งขึงไปเล็กน้อย
“มีคนทะเลาะกันเกี่ยวกับประเด็นนี้รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ…เซินเซิน ภาพตอนเรียนจบของเธอถูกเผยแพร่ออกไปแล้ว”
หลินเซินรีบรับโทรศัพท์มือถือมาเปิดดู ยิ่งอ่านสีหน้าก็ยิ่งเลวร้ายลง แต่อ่านประเด็นร้อนต่างๆ จนเกือบจะหมดแล้วก็ยังไม่เห็นเนื้อหาที่เกี่ยวกับเรื่องตรงหน้าประตูห้างสรรพสินค้าเมื่อวานโผล่มาสักนิดเดียว ทำให้เธอผ่อนคลายลงได้ไม่น้อย
“ถึงเว็บไซต์หลักจะลบข่าวไปแล้ว แต่พวกแอ็กเคาต์ปล่อยข่าวลือกับสื่อบันเทิงเป็นของเอกชน เวลาจัดการคงค่อนข้างยุ่งยาก”
หลินเซินรู้สึกเครียดเล็กน้อย “งั้นจะทำยังไงดี”
เพิ่งจะพูดจบ โทรศัพท์มือถือที่วางอยู่ข้างๆ ก็สั่นขึ้นมา ในตอนที่เห็นบนหน้าจอมีคำว่า ‘เจ๋อสุ่ย’ กะพริบอยู่ สีหน้าของหลินเซินก็แข็งค้างไปเล็กน้อย
เมิ่งสืออวี่ก็เห็นเช่นกัน เธอขมวดคิ้วเตรียมจะช่วยรับสายให้ “คนพวกนี้ทำไมถึงยังไม่ยอมเลิกราอีกนะ!”
หลินเซินส่ายหน้า รีบหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาก่อนเมิ่งสืออวี่ “ฉันรับเองดีกว่า ถึงยังไงสักวันก็ต้องเผชิญหน้ากันอยู่ดี”
ปลายสายเสียงดังมาก “ฮัลโหล! ใช่หลินเซินหรือเปล่า”
“ใช่ค่ะ”
เมิ่งสืออวี่ยักไหล่ก่อนหยิบแฮมแผ่นหนึ่งวางลงไปบนขนมปังแล้วทาซอสงาดำลงไป ก่อนจะกัดเข้าไปคำเล็กๆ จนกระทั่งกินขนมปังหมด หลินเซินถึงคุยโทรศัพท์เสร็จ
“มีเรื่องอะไรกัน”
หลินเซินเงียบไปสักพัก “มีบริษัทหนึ่งจะกว้านซื้อที่ดินตรงบ้านเกิดของฉันเพื่อสร้างฐานรับสัญญาณ พวกเขาต้องการจะซื้อพื้นที่ตรงบ้านของบรรพบุรุษฉัน ญาติๆ ต้องการให้ฉันกลับไปเซ็นข้อตกลง”
“ชื่อเธอเป็นเจ้าของบ้านนั้นเหรอ”
“อืม ปู่ทิ้งเอาไว้ให้พ่อของฉันก่อนเสียชีวิต เมื่อก่อนเขาจะพาฉันกลับไปพักอยู่ที่นั่นสั้นๆ ทุกวันหยุดฤดูร้อน…” หลินเซินชะงักไปไม่ได้พูดต่ออีก
เมิ่งสื่ออวี่เป็นคนเอ่ยต่อว่า “ข้อตกลงฉบับนั้นจะเซ็นหรือไม่เซ็นก็ไม่เกี่ยวอะไรกับพวกเขาจริงไหม เงินค่าชดเชยเองจริงๆ แล้วก็ตกไปไม่ถึงมือพวกเขา แต่ที่กระตือรือร้นโทรหาเธอขนาดนี้ ดูท่าจะอยากแบ่งผลประโยชน์ด้วยงั้นสิ”
หลินเซินยกแก้วนมขึ้นดื่มไปอึกหนึ่ง ไม่ได้พูดอะไรออกมา
เมิ่งสืออวี่กินอาหารเช้าเสร็จก็หยิบทิชชูออกมาเตรียมเช็ดปาก แต่แล้วก็เหมือนจะคิดอะไรขึ้นมาได้ นิ้วจึงชะงักไป “แต่ถึงยังไงไม่ว่าข้อตกลงนี้เธอจะเซ็นหรือว่าไม่เซ็นก็ต้องไปที่นั่นรอบหนึ่งอยู่ดี งั้นก็ใช้โอกาสนี้กลับไปเก็บตัวเลยเถอะ ซ่งเซียวหานก่อเรื่องวุ่นวายใหญ่โตขนาดนี้ เธอจะโผล่หน้าออกไปไหนก็ไม่สะดวก รีบกลับไปจัดการเรื่องทั้งหมดแล้วค่อยกลับมา…ก็พอดีเลย”
หลินเซินนึกถึงเด็กสาวสองคนที่ชี้มือชี้ไม้ใส่เธอตรงหน้าห้างสรรพสินค้าเมื่อวานนี้ ไม่ใช่แค่นักข่าวที่อยากจะหาตัวเธอให้พบ แต่คนทั่วไปที่ชอบการซุบซิบนินทาพวกนี้เองก็เป็นปัญหา หลังครุ่นคิดแล้วเธอก็รู้สึกว่าคำแนะนำนี้ไม่เลวนักจึงพยักหน้ารับปากทันที
เมิ่งสืออวี่หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาแล้วกดโทรออก “ฉันจะเรียกเพื่อนให้ขับรถไปส่งเธอ จากไหวอันไปเจ๋อสุ่ย ถ้าไปทางด่วนใช้เวลาแค่สี่ห้าชั่วโมงก็ถึงแล้วจริงไหม”
เมิ่งสืออวี่มีเส้นสายกว้างขวาง หลินเซินเองก็สบายใจ ใช้เวลาไม่นานก็ติดต่อรถได้ ทางนั้นบอกว่าอีกหนึ่งชั่วโมงให้หลังจะมารับเธอที่หน้าคอนโดฯ เมิ่งสืออวี่หากระเป๋าเดินทางออกมาเก็บเสื้อผ้าจำนวนหนึ่งของตัวเองให้หลินเซิน “เดี๋ยวไปซื้อพวกของใช้ส่วนตัวกับอุปกรณ์อาบน้ำที่ซูเปอร์มาร์เก็ตตรงประตูทางเข้าคอนโดฯ หน่อยแล้วเอาไปด้วยเลย เธอไม่ต้องกลับบ้านแล้ว ดีไม่ดีจะมีนักข่าวเฝ้าอยู่”
ตอนที่ออกจากคอนโดฯ งานแถลงข่าวที่ซ่งเซียวหานจัดขึ้นเพิ่งจะเริ่มต้น
เพราะว่าเธอเมารถ หลินเซินจึงเช็กโทรศัพท์มือถือไม่ได้ จิตรกรสาวนั่งหลับตาพักผ่อนอยู่ตรงที่นั่งด้านหลัง ในตอนที่รถยนต์ผ่านด่านเก็บเงินตรงทางด่วนเธอก็ได้รับสายจากซ่งเซียวหาน
หลินเซินบอกเรื่องที่ตัวเองจะกลับไปที่บ้านเกิด ซ่งเซียวหานเงียบไปสักพักจึงตอบกลับว่า “แบบนี้ก็ดีเหมือนกันครับ” แล้วชะงักไปก่อนจะเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงอบอุ่นว่า “ทุกอย่างจะถูกจัดการให้เรียบร้อยก่อนที่คุณจะกลับมาครับ”
หลินเซินตอบรับเสียงเบา
รถยนต์ขับขึ้นไปบนทางด่วน ทิ้งตึกสูงใหญ่ห่างออกไปด้านหลัง หลินเซินมองดูภาพทิวทัศน์ที่เคลื่อนผ่านไปด้านนอกหน้าต่างอย่างรวดเร็ว แล้วหลับตาลงช้าๆ
ติดตามตอนต่อไปวันที่ 13 ก.พ. 64