กิจกรรมปิดท้ายของค่ำคืนนั้นคือการเดินเล่นในย่านช็อปปิ้งประจำเมือง ร้านรวงต่างๆ ในอาคารที่มีความสูงไม่เกินสามชั้นขนาบสองฝั่งถนนขนาดสองเลน สินค้าที่จำหน่ายมีทั้งของที่ระลึก ของแต่งบ้าน เสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย หนังสือมือสอง ไปจนถึงอาหารและขนมต่างๆ
แสงไฟสีนวลจากบ้านเรือนและร้านค้า รวมถึงที่ประดับอยู่ตามทางเดินนอกจากจะแต่งแต้มให้เมืองนี้มีสีสันจับตาขึ้นแล้ว ยังทำให้อากาศซึ่งเย็นลงในเวลากลางคืนดูเหมือนจะอบอุ่นขึ้นจนคนที่ควรจะเหน็ดเหนื่อยกับการตระเวนเที่ยวทั้งวันยังมีเรี่ยวแรงเดินเก็บบรรยากาศไปเรื่อยๆ อย่างไม่รู้เบื่อ
เมื่อเดินผ่านร้านไอศกรีมที่ติดป้ายเชิญชวนไว้ด้านหน้าว่าเป็นสูตรดั้งเดิมของท้องถิ่นนี้ คนช่างกินอย่างอรรถนนท์จึงออกปากชวนเพื่อนๆ เข้าไปลิ้มลอง หากกระเพาะซึ่งเต็มอิ่มด้วยอาหารพร้อมขนมหวานสารพัดเค้กที่เพิ่งรับประทานเข้าไปทำให้มีเพียงจิตติและพาณาสน์รับคำชวนนั้น โดยปล่อยให้คนอื่นๆ ล่วงหน้าไปก่อน
“สวัสดีตอนค่ำค่ะ” หญิงวัยกลางคนท่าทางใจดีที่เคาน์เตอร์ในร้านทักทายขึ้นด้วยรอยยิ้มพลางละมือจากการรวบรวมอุปกรณ์ต่างๆ เพื่อเก็บเข้าที่
“กำลังจะปิดร้านแล้วหรือเปล่าครับ ถ้างั้นต้องขอโทษด้วย” พาณาสน์พูดขึ้นเมื่อพอจะเดาได้ว่าเธอกำลังทำอะไร
“ไม่เป็นไรค่ะ แค่เริ่มๆ จะเก็บ ต้องการไอศกรีมหรือเปล่าคะ”
เธอพยักหน้าเชิญชวนให้พวกเขาเลือกรสชาติไอศกรีมหลากสีในตู้เย็นอย่างกระตือรือร้น ก่อนจะลงมือตักเกล็ดน้ำแข็งสีสวยเนื้อเนียนเป็นลูกกลมใหญ่บรรจุใส่ถ้วยกระดาษให้จนแน่นถ้วย
“แถมพิเศษก่อนปิดร้านจ้ะ”
เมื่อได้รับของและจ่ายเงินเป็นที่เรียบร้อย ชายหนุ่มทั้งสามก็พากันเดินออกจากร้าน หากก่อนที่จะก้าวพ้นประตูพาณาสน์ก็เหลือบเห็นแจกันซึ่งมีดอกไม้ปักอยู่เพียงหนึ่งดอกวางอยู่ที่ขอบหน้าต่าง จึงเอื้อมมือไปหยิบและนำไปยื่นให้หญิงวัยกลางคนคนนั้น
“อันนี้ลืมเก็บหรือเปล่าครับ”
เธอเงยหน้าขึ้นมองก่อนอุทาน “โอ จริงด้วย เกือบไปแล้ว ขอบใจมากจ้ะ”
ชายหนุ่มยิ้มและค้อมหัวให้เล็กน้อย แต่เมื่อจะผละจากไปอีกครั้ง เธอก็ยื่นดอกไม้ที่เหลือในแจกันนั้นให้เขา
“ช่วยรับไปหน่อยนะคะ ฉันจะได้ไม่ต้องทิ้งมัน”
…ดอกคาร์เนชั่นสีชมพูจางจนเกือบขาวขลิบปลายกลีบด้วยสีม่วงบนก้านบางหากตั้งตรงอย่างแข็งแรง สง่างาม
เขายิ้มอีกครั้งเมื่อคิดถึงใครอีกคนที่ให้ความรู้สึกคล้ายกับดอกไม้ชนิดนี้…ยายเด็กเปรี้ยวหวานจอมแสบ
พาณาสน์เดินถือถ้วยไอศกรีมและดอกไม้ออกไปสมทบกับเพื่อนที่กำลังเตรียมตัวกลับที่พัก เมื่อณอันดาหันมาเห็นภาชนะถ้วยโตในมือก็รีบปราดเข้ามาหา ปล่อยให้เพื่อนคนอื่นเดินนำหน้าไปก่อน
“พี่พัทกินอะไรค้า”
“ไม่ต้องถาม ไม่ให้กิน” ชายหนุ่มปฏิเสธอย่างรู้ทันเพราะเคยชินกับการขอมีส่วนร่วมในทุกๆ เรื่องที่เขาทำของเธอ
“ไม่ได้จะกิน แค่ขอชิมคำนึง”
“ไม่ให้ เมื่อกี้พี่ถามแล้วเราบอกไม่เอาเอง”
“ก็ณาณ่าอิ่ม แต่อยากชิมนี่คะ น้า…นิดดดเดียวเอง” หญิงสาวอ้อนเสียงเล็กเสียงน้อยพร้อมทำมือประกอบคำพูด
“ไม่” เขายืนยันคำเดิม แล้วยื่นของในมืออีกข้างไปให้ “เอานี่ไปแทนละกัน”
เนื่องจากเมื่อครู่พาณาสน์ถือดอกไม้ด้วยการหนีบก้านไว้ระหว่างข้อนิ้วโดยมีถ้วยไอศกรีมบังหน้า เธอจึงไม่ทันเห็นว่ามีของอีกอย่างอยู่ในมือ และเมื่อเขายื่นมันออกมา เธอจึงได้แต่ยืนมองหน้าเขาสลับกับดอกไม้สีสวยด้วยดวงตาที่เบิกโตยิ่งกว่าไข่ห่านเพราะความคาดไม่ถึง
“ถือว่าเป็นรางวัลสำหรับแม่สื่อแล้วกัน ถึงจะทำเรื่องยุ่งไปหน่อย แต่ผลออกมาดี ยกผลประโยชน์ให้” เขาพูดโดยอ้างเหตุผลที่เพิ่งคิดได้สดๆ ร้อนๆ
หญิงสาวยังคงยืนนิ่งจนเขาต้องย้ำอีกครั้ง
“ไม่เอาเหรอไง”
“เอาค่ะ เอา” เธอรีบรับรางวัลจากมือเขาแล้วทำท่าปลาบปลื้มอย่างออกนอกหน้า จนคนให้ได้แต่ส่ายหน้าอย่างไม่เข้าใจว่าทำไมถึงต้องดีใจขนาดนี้กับดอกไม้ธรรมดาเพียงดอกเดียวที่ไม่ได้มีราคาค่างวด และเขาเองก็ไม่ได้ตั้งใจซื้อหามาให้เป็นพิเศษแต่อย่างใด