‘คู่ดีๆ ไม่ได้หากันง่ายๆ เห็นแก่เชื้อชาติที่ใกล้เคียงกัน ผมจะยอมคู่กับคุณเอง’
แต่เพราะคนฟังคือเธอ ประโยคนั้นจึงฟังดูแสนธรรมดา เมื่อเทียบกับคำตอบที่พูดออกไปด้วยเสียงสุภาพจริงใจพร้อมรอยยิ้มหวานจัดทั้งตาและปาก
‘ไม่เป็นไรค่ะ ถ้าดีแล้วได้แค่นี้ ฉันทำเองคนเดียวดีกว่า’
จากวันนั้นมาเธอและเขาก็กลายเป็นเพื่อนสนิทกัน ซึ่งบรรดาเพื่อนร่วมห้องหลายคนที่พอจะรู้อภินิหารของทั้งคู่ก็ไม่แปลกใจ ทั้งยังมีแก่ใจตั้งฉายาให้ว่า ‘คู่หูไร้เทียมทาน’ อีกด้วย
“เถียงนัก ไม่ให้ซะดีมั้ย” ชายหนุ่มโบกฮาร์ดดิสก์พกพาบางเฉียบในมือเบาๆ
“ถ้าคิดว่าหาคนที่ทั้งเก่ง ทำงานไว รสนิยมดี และสวยขนาดนี้มาแทนได้ง่ายๆ ก็ตามใจสิ” เธอตอบพร้อมเชิดหน้าอย่างไม่ยี่หระ
เชนย์จึงเคาะฮาร์ดดิสก์นั้นลงกับหน้าผากที่ลอยไปมาเบาๆ อย่างหมั่นไส้
…พูดจาหลงตัวเองได้ขนาดนี้ เหมือนใครก็ไม่รู้
“เอ้า เอาไป แล้วจะกลับยังไงนี่”
ณอันดาเก็บของใส่กระเป๋าแล้วหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา “พี่พัทมารับ นี่ไง โทรมาพอดี”
เมื่อพูดคุยกันเรียบร้อยต่างก็แยกย้ายกันไป ณอันดาเดินไปยืนรอ ณ จุดที่นัดพาณาสน์ไว้ เพียงไม่นานรถยนต์คุ้นตาก็เคลื่อนตัวเข้ามาจอดตรงหน้า หญิงสาวเขม้นมองผ่านกระจกเคลือบฟิล์มเข้าไปดูที่นั่งข้างคนขับก่อนเหลือบไปที่เบาะด้านหลัง
…ดีมาก อยู่ในที่ที่ควรจะอยู่นะคะ
หญิงสาวพยักหน้าอย่างพอใจก่อนเปิดประตูรถเพื่อก้าวขึ้นไปนั่งเคียงข้างพาณาสน์
“สวัสดีค่ะพี่วิป พี่อ้อน” เธอหันไปยิ้มทักทายให้ผู้โดยสารด้านหลัง ซึ่งคนหนึ่งยิ้มรับแม้จะดูฝืนๆ ไปบ้าง แต่ก็ยังดีกว่าอีกคนที่ยกแค่มุมปากขึ้นอย่างเสียไม่ได้
วิภาวีและอรกัญญาเป็นนักศึกษาใหม่ที่เพิ่งย้ายรัฐมาเรียนต่อระดับปริญญาเอกที่มหาวิทยาลัยนี้ ทั้งสองเป็นเพื่อนสนิทที่มีบุคลิกแตกต่างกันอย่างยิ่ง
วิภาวีเป็นคนสวย อ่อนหวานทั้งรูปร่าง หน้าตา และกิริยามารยาท ดีกรีอดีตดาวมหาวิทยาลัยสมัยเรียนปริญญาตรีที่เมืองไทยทำให้หนุ่มๆ ซึ่งได้ทราบข่าวล่วงหน้าว่าเธอจะย้ายมาอยู่เมืองนี้เฝ้ารอ และเมื่อได้พบเห็นตัวจริง ความเรียบร้อย น่าทะนุถนอมก็ทำให้พวกเขาเก็บไปเพ้อกันว่าหญิงสาวนั้นเพียบพร้อมไม่ต่างอะไรจากนางในวรรณคดี
ส่วนอรกัญญานั้นรูปลักษณ์ภายนอกดูธรรมดา แม้จะไม่ได้มีส่วนไหนที่บกพร่องแต่ก็ไม่ใช่คนสวย ยิ่งเมื่อเทียบกับเพื่อนสนิทที่ตัวติดกันตลอดยิ่งทำให้หญิงสาวดูจืดไป อย่างไรก็ตามสิ่งที่โดดเด่นของเธอคือบุคลิกที่คล่องแคล่ว แต่อารมณ์ร้อนและไม่ยอมคน ซึ่งทำให้ดูเหมือนเป็นผู้ช่วยปกป้องวิภาวีไปโดยปริยาย
สิ่งที่ทั้งสองเหมือนกันคือฐานะทางบ้านที่อยู่ในระดับกลางและความสามารถในการเรียน ทั้งคู่เป็นนักเรียนทุน ผิดกันที่วิภาวีได้ทุนค่าเล่าเรียนจากมหาวิทยาลัยที่นี่ ในขณะที่อรกัญญารับทุนมาจากบริษัทที่เมืองไทย พวกเธอจะเริ่มการเรียนที่มหาวิทยาลัยนี้ในช่วงภาคการศึกษาฤดูใบไม้ร่วง แต่ที่ย้ายมาก่อนก็เพื่อปรับตัวและเตรียมความพร้อมทั่วๆ ไป
ณอันดาได้พบหญิงสาวทั้งสองเป็นครั้งแรกเมื่อสองสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งอาจจะเรียกได้ว่าเป็นการพบกันที่ไม่ค่อยน่าประทับใจนัก
เนื่องจากอพาร์ตเมนต์ที่สองสาวเช่าอยู่ใกล้ที่พักของพาณาสน์ เขาจึงรับอาสาอำนวยความสะดวกพวกเธอในช่วงแรกตามธรรมเนียมปกติของกลุ่มคนไทยที่จะช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ซึ่งวันที่เกิดเหตุชายหนุ่มแวะไปรับพวกเธอที่บ้านก่อนจะวนรถไปรับณอันดาที่มหาวิทยาลัยเพื่อไปยังบ้านเพื่อนอีกคนหนึ่งซึ่งจัดงานต้อนรับเพื่อนใหม่อย่างที่เคยทำทุกเทอม