เมื่ออาหารเสร็จ บ้านก็เรียบโล่งพอดี อาหารถูกนำมาจัดบนพื้นที่ปูด้วยผ้าพลาสติกกันเปื้อนแทนโต๊ะซึ่งถูกจัดเก็บไปเรียบร้อย อุปกรณ์ที่ยังเหลือใช้การได้มีเพียงโทรทัศน์และเครื่องเสียงที่เจ้าของบ้านขอให้รุ่นน้องที่ซื้อต่อมารับของไปในวันที่เธอเดินทาง
“บีเก็บคาราโอเกะไปหรือยัง” อรรถนนท์ถามขึ้น ชายหนุ่มเป็นหนึ่งในสมาชิกมือติดไมค์ประจำกลุ่ม ไม่ว่าไปปาร์ตี้บ้านไหน เป็นต้องนำทีมตั้งวงทุกที
“ยังค่ะ ไมค์ก็ยังอยู่ เตรียมไว้ให้พี่อรรถวันนี้โดยเฉพาะไง”
ว่าแล้วก็จัดแจงช่วยกันต่อสารพัดสายไฟและเซ็ตเครื่อง ก่อนที่บทเพลงแกล้มอาหารจะเริ่มต้นขึ้น
“เพลงนี้ใครเลือก” อรรถนนท์ผู้ทำหน้าที่จัดคิวถามเมื่อชื่อเพลงปรากฏบนจอ
“ว้ายๆ ของณาณ่าเองค่ะ” หญิงสาวรีบรับไมโครโฟนที่ถูกส่งต่อกันมาแล้วลุกขึ้นยืนเตรียมพร้อม
“เจอะเธอเมื่อไหร่ในใจมันหวิว เด็ดดอกไม้ปลิวจนเกลื่อนถนน
เธอน่ารักจนฉันเก็บไปคิดไปฝัน อยากขอเป็นแฟนด้วยคน
หน้าตาของเธอก็หล่อพอใช้ แต่ว่าหัวใจเธอช่างเปี่ยมล้น
เธอเพียบพร้อมไปทุกอย่าง จนฉันสับสนว่าต้องทำตัวยังไง”
ณอันดาร้องเพลงตามทำนองสนุกสนานซึ่งเคยเป็นที่นิยมมากเมื่อหลายปีก่อน แต่ที่ทำให้คนฟังหัวเราะกันอย่างครื้นเครงเป็นเพราะเธอไม่ได้ร้องเฉยๆ หากยังออกท่าเต้นประกอบตามสเต็ปที่นักร้องดูโอสาวเจ้าของเพลงเคยเต้นไว้อย่างไม่ผิดเพี้ยน และเมื่อถึงท่อนแร็พก่อนจบ หญิงสาวก็ดึงมือชายหนุ่มที่นั่งอยู่ข้างตัวให้ยืนขึ้นท่ามกลางเสียงโห่ฮาของคนอื่นๆ
“ไม่อยากทอดสะพาน แต่รอนานๆ ก็ไม่ไหวนะ
เจอกันมาตั้งนานแล้ว ทำไมไม่มองตัวฉันบ้างล่ะ
ตรงนี้ ตรงนี้ หยิบสิ หยิบสิ มองเห็นไหมจ๊ะ
อุตส่าห์ทิ้งให้เธอเก็บ ทำไมไม่เก็บซะทีล่ะคะ”
พาณาสน์ส่ายหัวดิก ใบหน้าเข้มของเขาเรื่อสีขึ้นเล็กน้อยเพราะไม่ชินกับมุกแทะโลมหนุ่มของยายตัวยุ่งนี่สักทีทั้งที่เจ้าตัวก็หาโอกาสทำอยู่บ่อยๆ ดูอย่างตอนบันจี้แทรมโปลีนที่กระโดดม้วนหน้าม้วนหลังไปตะโกนบอกรักเขาไปนั่นไง แต่เมื่อมองร่างบางที่ขยับตัวตามจังหวะด้วยรอยยิ้มสดใสแล้วความขัดเขินก็เปลี่ยนเป็นรอยยิ้มขำปนเอ็นดู
ภาพคนทั้งสองที่ยิ้มให้กันอาจดูธรรมดาในสายตาคนอื่นที่เห็นบ่อยครั้ง แต่สำหรับวิภาวีมันทำให้อาหารจานอร่อยรสกร่อยลงด้วยความหงุดหงิดทันที หญิงสาวพยายามเสมองไปทางอื่น แต่เสียงปรบมือกับทำนองเพลงใหม่ที่เริ่มต้นขึ้นก็ทำให้เธออดเหลือบตาไปมองอีกไม่ได้
เนื้อเพลงหวานซึ้งที่เล่าถึงการค้นหาความรักของคนสองคนดังขึ้นแทนเพลงเก่าด้วยเสียงของหญิงสาวคนเดิมกับชายหนุ่มที่ถูกบังคับให้ร้องคู่กัน แต่เนื่องจากเพลงนี้ต้องใช้ความสามารถและพลังเสียงในการร้องค่อนข้างมาก ทำให้ณอันดาที่ไม่ชำนาญร้องเพี้ยนไปไม่น้อย เพลงจึงถูกปิดก่อนจะจบเพราะคนฟังชักทนไม่ได้แม้ว่าพาณาสน์จะร้องได้ค่อนข้างดีก็ตาม
“พอเหอะ ณาณ่ากลับไปเอาดีเพลงเก่าเถอะนะ ถือว่าสงสารพี่ๆ”
“แหม ก็เพลงนี้มันร้องยากนี่คะ”
“ร้องยากหรือไม่เก่ง เอ้อ ไม่ถนัดกันแน่คะน้องณาณ่า” เสียงอรกัญญาดังแทรกขึ้นด้วยคำพูดที่ดูเหมือนจะล้อเล่น แต่ไม่วายเจือหางเสียงเยาะๆ ก่อนจะเสนอขึ้น “ถ้าอยากฟังเพลงนี้ต้องให้วิปร้องค่ะ รับรองเสียงเหมือนต้นฉบับเป๊ะ”
“ไม่เอาน่าอ้อน” วิภาวีรีบค้านเสียงอ่อย แต่กลับก้มหน้าลงซ่อนแววตาวาวอย่างสมใจไว้ได้สนิท