“ลองดูก็ได้น้องวิป ไม่ต้องเขินหรอก ถือว่าสนุกๆ กัน ขนาดณาณ่าร้องเข้ารกเข้าพงขนาดนั้นยังไม่อายเลย” กุลรัตน์ตีความอาการนั้นว่าเป็นความขัดเขินที่น่าเอ็นดูจึงเอ่ยสนับสนุน และไมโครโฟนก็ถูกส่งมารอถึงมือ
ทำนองเพลงหวานเพลงเดิมดังขึ้นอีกครั้ง แต่คราวนี้เสียงที่ขับขานกลับต่างไปจากเสียงเดิมโดยสิ้นเชิง ทั้งน้ำเสียงและการทอดอารมณ์ทำให้เธอสามารถสะกดคนฟังได้ตั้งแต่ประโยคแรก
“สิ่งที่ฉันหวัง สิ่งที่ฉันคอย อาจดูเหมือนเลื่อนลอย เกือบจะฝันไป
มองหาคนคนหนึ่ง ที่ไม่รู้เป็นใคร และไม่รู้เมื่อไหร่ จะพบคนผู้นั้น”
เมื่อประสานกับเสียงพาณาสน์ในท่อนต่อไปซึ่งเข้ากับเธอได้เป็นอย่างดี บรรดาสมาชิกร่วมวงจึงนิ่งฟังกันอย่างเคลิบเคลิ้มไปตลอดเพลง
“แต่เราก็หากันจนเจอ มันนานแค่ไหนที่คอยเธอมา
รู้สึกไหมว่าชีวิตคุ้มค่า เมื่อมีใครสักคนข้างกาย”
เสียงปรบมือเกรียวกราวบอกความชื่นชมดังขึ้นเมื่อเพลงจบ วิภาวีเอ่ยขอบคุณเบาๆ แล้วช้อนตาขึ้นมองคู่ร้องเพลงที่กำลังส่งยิ้มมาให้พอดี เธอจึงก้มหน้าลงหลบตาด้วยท่าทางขัดเขิน
อาการดังกล่าวไม่พ้นสายตาของอรกัญญา เธอมองภาพของเพื่อนและชายหนุ่มอย่างพอใจ ก่อนตวัดสายตาไปยังหญิงสาวอีกคนด้วยรอยยิ้มเยาะเย้ยอย่างไม่ปิดบังฉายชัดขึ้นเต็มใบหน้าที่ทำให้คนถูกมองงงไปเล็กน้อย
…เอ นี่เราต้องรู้สึกอะไรหรือเปล่าน้า
วิภาวีร้องเพลงได้เพราะ เธอก็ชื่นชม ส่วนพาณาสน์นั้นไม่ต้องพูดถึง ถ้ามีพู่ให้ลุกขึ้นเต้นเชียร์หรือมีป้ายไฟให้โบกเธอคงทำไปแล้ว สรุปว่าสถานการณ์โดยรวมก็ปกติดี แล้วสายตาจิกๆ ของอรกัญญานั่นควรจะแปลว่าอะไรกัน
…ช่างมันแล้วกัน คิดไปก็เปลืองซีรีเบลลัมนะคะ
หญิงสาวไหวไหล่เล็กน้อยพลางเอื้อมมือตักส้มตำมะละกอผสมแครอตสีส้มสดใสใส่จาน หากทันทีที่อาหารสีสวยสัมผัสลิ้น เธอก็ส่งเสียงร้องลั่น
“โอ๊ย เผ็ดๆๆๆ”
เสียงโวยวายของเธอเรียกความสนใจจากหลายๆ คนได้ทันที เพลงใหม่ที่กำลังจะเริ่มขึ้นโดยอรรถนนท์เป็นอันหยุดชะงักกลางอากาศชั่วคราว ก่อนดำเนินต่อเมื่อณอันดารับแก้วน้ำหวานจากพาณาสน์แล้วยกดื่มจนหมด กระนั้นใบหน้าที่ปกติเป็นสีนวลของเธอก็ยังแดงจัด
“กินโดนอะไรณาณ่า”
“ส้มตำค่ะ เผ็ดสุดๆ ใครทำคะเนี่ย” เธอพูดพลางชี้นิ้วไปยังจานอาหารต้นเหตุที่ทำให้ยังแสบปากไม่หายแม้จะได้น้ำช่วยบรรเทาความเผ็ดร้อนไปบ้างแล้วก็ตาม
“เอ่อ พี่ทำเองค่ะ” วิภาวีที่นั่งห่างออกไปเล็กน้อยเอ่ยเสียงเบาด้วยหน้าตาตื่น “เผ็ดไปเหรอคะ”
ณอันดากำลังจะอ้าปากตอบก็ถูกขัดขึ้น
“ไม่เห็นเผ็ดสักหน่อย ไม่น่าเชื่อว่าน้องณาณ่าจะปากบางนะคะ เห็นปกติแล้วไม่ค่อยรู้สึกอะไร”
“คือณาณ่าทานเผ็ดไม่ค่อยได้ครับ เลยอาจจะรู้สึกมากกว่าคนอื่น” พาณาสน์ตอบแทน เขารู้สึกได้ว่าคำพูดของอรกัญญาฟังแปร่งหูพิกล จึงคิดว่าควรป้องกันก่อนเกิดปัญหาขึ้น
“ถ้าอย่างนั้นก็ไม่น่าจะกินตั้งแต่แรกนะ” คู่กรณีเสียงอ่อนลงเล็กน้อยเมื่อชายหนุ่มออกหน้าแทน
“ก็ณาณ่าไม่คิดว่าจะเผ็ดขนาดนี้นี่คะ สีแครอตกับพริกก็ส้มๆ แดงๆ เหมือนกันเลยไม่รู้ว่ามีพริกเยอะแค่ไหน ถ้ารู้ว่าเผ็ดเหมือนแม่ค้าพริกยกแผงมาใส่เองแบบนี้คงไม่กล้ากินหรอกค่ะ”
“เอ๊ะ นี่น้องณาณ่าตั้งใจจะว่าใครเป็นแม่ค้าหรือเปล่า” เสียงที่อ่อนลงเมื่อครู่กลับมารวนอีกรอบ