แม้เหตุผลจะฟังไม่เข้าท่า แต่สุดท้ายพาณาสน์ก็ทนเสียงรบเร้าและข้ออ้างที่ทั้งชักทั้งลากแม่น้ำสามร้อยสายมาประกอบของหญิงสาวไม่ได้ เลยต้องยอมบอกลางานเลี้ยงก่อนกำหนด ส่วนอีกสองสาวที่มาด้วยกันนั้นยังไม่อยากกลับ อรรถนนท์จึงอาสาที่จะไปส่งหลังเลิกงาน
“ไปเถอะ เดี๋ยวพี่ไปส่งวิปกับอ้อนเอง”
คล้อยหลังสองหนุ่มสาว วงอาหารที่เริ่มอิ่มท้องและวงดนตรีที่อิ่มตัวก็เริ่มกระจัดกระจายเป็นวงสนทนาหลายกลุ่มตามแต่ความสนิทสนมและความสนใจ โดยเรื่องที่เป็นหัวข้อก็เปลี่ยนไปได้เรื่อยๆ ตั้งแต่เรื่องชีวิตความเป็นอยู่ การเรียน อาหารชวนชิม ประสบการณ์ท่องเที่ยว และที่ขาดไม่ได้เลยคือเรื่องของคน หรือที่เรียกกันง่ายๆ ว่าการนินทา ซึ่งแน่นอนว่าคนที่จะตกเป็นเหยื่อของกิจกรรมยอดนิยมนี้ต้องเป็นบุคคลที่ไม่ได้นั่งร่วมวงอยู่ด้วย
“ตกลงพี่พัทกับณาณ่านี่เขาเป็นแฟนกันหรือเปล่าคะ” อรกัญญาหาช่องเปิดประเด็นขึ้นเมื่อจังหวะอำนวย โดยทำท่าเหมือนเป็นความอยากรู้ประสาคนรู้จักธรรมดา “อ้อนเห็นไปไหนต่อไหนด้วยกันตลอดเลย”
“ไม่ใช่แฟน แต่เป็นผีเกาะหลัง” กุลรัตน์ตอบแล้วหัวเราะร่วน แม้จะยังมีสติ แต่ฤทธิ์น้ำเมาสามขวดย่อมๆ ก็ทำให้เธออารมณ์ดีเกินเหตุ “รู้จักป่ะ แบบที่ติดตามกันมาแต่ชาติปางก่อนน่ะ”
“โหพี่ก้อย ใจร้ายไปป่ะนั่น” ชายหนุ่มอีกคนท้วงขึ้น แต่ก็อดขำไม่ได้ “พูดซะเห็นภาพเลย”
“บอกจริงๆ พี่เสียดายนายพัทมาก”
“ฮ้า นี่พี่ก้อยแอบชอบพี่พัทเหรอเนี่ย” กองพลแกล้งอุทานเสียงดัง เลยโดนรุ่นพี่สาวปาถั่วที่วางเป็นกับแกล้มอยู่ตรงหน้าใส่จนต้องไปหลบหลังคนรักที่นั่งอยู่ข้างๆ กัน
“ไม่ได้ชอบแบบนั้นโว้ย หมายถึงว่ามันควรจะหาแฟนได้ดีกว่านี้ ทั้งหล่อ ทั้งรวย นิสัยก็ดี แถมยังเรียนเก่ง น่าจะได้แฟนที่สวย แสนดีเหมือนๆ กัน” พี่สาวใหญ่ของกลุ่มอธิบายก่อนทำท่าเหมือนนึกได้และหันไปทางน้องใหม่
“นี่ๆ ต้องอย่างวิปนี่ คุณสมบัติถูกต้องทุกประการเลย สนใจมั้ยน้อง”
วิภาวีทำท่าตกใจที่อีกฝ่ายหันมาตั้งคำถามเอากับเธอ “วิปเหรอคะ”
“หนูนั่นแหละ เดี๋ยวพวกพี่ดันเอง”
“เอ่อ ไม่ดีมั้งคะ” หญิงสาวยิ้มแหย หากเมื่อหันไปสบตากับอรกัญญา นัยน์ตาหวานกลับเจือประกายที่ทำให้เพื่อนซึ่งคบกันมานานและเข้าใจความหมายของแววตานั้นได้ดีรีบเอ่ยขึ้น
“พูดไปก็เหมือนนินทาน้องนะคะ แต่แหม อ้อนว่าณาณ่าเขาแปลกๆ อ่ะ แบบมั่นใจในตัวเองม้ากมาก ทั้งๆ ที่ก็…ไม่เห็นจะทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน เวลาพูดอะไรก็ไม่ค่อยเกรงใจใครเลย ขนาดว่าอ้อนเพิ่งมาได้ไม่นานได้ยินแล้วอึ้งทุกที”
“แต่มนว่าณาณ่าไม่ได้คิดอะไรหรอกนะ เขาเป็นคนพูดตรงๆ บางทีก็ตลกหน้าตายไปงั้นเอง” มนธิราแก้ตัวแทนเลยถูกกุลรัตน์ค้อนเข้าให้
“เดี๋ยวนี้เข้าข้างนะยะแม่มน แค่เขาช่วยจับคู่ให้หน่อยเดียว รู้ไว้เถอะว่ายายณาณ่าไม่ได้หวังดีอะไรหรอก แค่อยากสนุกเท่านั้นแหละ ลูกเศรษฐีก็เงี้ย โดนตามใจจนเคยตัว”
“โธ่ พี่ก้อยก็อคติกับน้องเขาเกินไป”
“ฉันคิดคนเดียวที่ไหนล่ะ ถามเลยถาม ใครๆ ก็คิดแบบนี้ทั้งนั้นแหละ ใช่มั้ยอรรถ”
คนถูกยิงคำถามกะทันหันยักไหล่ “จริงๆ น้องมันก็น่ารัก แค่ชอบแกล้งเหมือนเด็กๆ แล้วก็พูดตรงอย่างที่มนว่า แต่ก็นะ ถ้าพัทได้แฟนดีกว่านี้มันก็ดี”
“จะว่าอ้อนเข้าข้างเพื่อนก็ได้นะ วิปเนี่ยสู้ณาณ่าไม่ได้แค่เรื่องฐานะทางบ้านเท่านั้น แต่อย่างอื่นไม่แพ้หรอกนะคะ”
วิภาวีตีแขนเพื่อนเบาๆ อย่างขัดเขิน “บ้าน่าอ้อน พูดอย่างนั้นได้ไง พี่พัทได้ยินเข้าวิปแย่กันพอดี”
“โอ๊ย ไม่ต้องเขินหรอก เห็นมั้ยล่ะ มีแต่คนเห็นด้วย น้องวิปนี่แหละเหมาะกับพัทมากๆ อย่างกับกิ่งทองใบหยก”
“โห ขนาดนั้นเลยนะพี่ แฟนยังไม่ได้เป็นเลย จะจัดงานแต่งแล้วเหรอ”
คราวนี้ไม่ใช่ถั่วบิน แต่เป็นค้อนบินที่กุลรัตน์ส่งไปให้หนุ่มรุ่นน้องที่ขยันขัดคอ “ตอบมาแค่จะช่วยหรือไม่ช่วยก็พอไอ้เกม อย่าพยายามป่วน”