มนธิราขยับตัวอย่างอึดอัดใจ ใช่ว่าจะไม่เข้าใจความหวังดีของอีกฝ่าย หากเธอก็รู้สึกเห็นใจณอันดาไม่แพ้กัน สาวรุ่นน้องอาจจะดูไม่ดีพอสำหรับชายหนุ่มที่เพียบพร้อมด้วยคุณสมบัติดีเด่นเข้าขั้นสมบูรณ์แบบ แต่เธอก็ไม่ได้เลวร้ายถึงขนาดที่ทุกคนมอง อย่างน้อยความรักที่มั่นคงและบริสุทธิ์ใจซึ่งหญิงสาวมีต่อพาณาสน์ก็น่าจะมีค่าพอที่จะได้รับการปฏิบัติอย่างยุติธรรม
เธอเหลือบมองคนรักที่หันมาสบตาอย่างเข้าใจ กองพลเองก็ไม่เห็นด้วย อาจเป็นเพราะเขาได้คุยกับพาณาสน์ก่อนหน้านี้ถึงเบื้องหลังแผนการที่ณอันดาช่วยให้เขาได้สารภาพรัก
‘ณาณ่าอาจจะซนไปหน่อย แต่เชื่อเถอะว่าเขาหวังดีอยากช่วยจริงๆ พี่เคยถามเหมือนกันว่าทำไมถึงต้องให้ความสำคัญกับคำพูดขนาดนั้นทั้งที่แค่การแสดงออกก็พอแล้ว แต่เขาบอกว่าผู้หญิงทุกคนย่อมอยากได้ยินคนที่ตัวเองรักบอกรักต่อหน้าด้วยกันทั้งนั้น ประมาณว่ามันเป็นความประทับใจที่จะเก็บไว้เล่าให้ลูกหลานฟังอะไรทำนองนั้น’
‘ผมเข้าใจนะพี่ ถึงตอนแรกจะแอบเคืองนิดหน่อยเพราะเขิน แต่มาคิดดูอีกทีถ้าณาณ่าไม่ทำแบบนั้น ผมอาจจะป๊อดเอาวินาทีสุดท้ายก็ได้’
‘เข้าใจก็ดี ณาณ่าทำอะไรไม่ค่อยปรึกษาใคร บางคนไม่เข้าใจก็คิดไปว่าเขาชอบแกล้งบ้าง นิสัยไม่ดีบ้าง แต่รับประกันได้ว่าไม่ได้คิดไม่ดีแน่ๆ’
บทสนทนาในครั้งนั้นทำให้เขาและมนธิราเข้าใจสาวน้อยจอมแสบของเพื่อนๆ ดีขึ้น แต่การจะเปลี่ยนความคิดและทัศนคติที่สั่งสมมานานของทุกคนด้วยคำอธิบายเพียงเท่านี้คงทำได้ยาก ดีไม่ดีจะหาว่าเขาถือหางเข้าข้างเพราะเคยมีผลประโยชน์ส่วนตัวอย่างที่มนธิราโดนเมื่อครู่
เมื่อไม่มีเสียงคัดค้านเพิ่มเติม กุลรัตน์ก็ถือโอกาสสรุปแผนการจับคู่ระหว่างพาณาสน์กับวิภาวีเสียเลย ซึ่งแม้วิภาวีจะทำหน้าเจื่อนอย่างไม่มั่นใจ แต่แววตากลับฉายประกายสุกใสอย่างพึงพอใจ ส่วนอรกัญญานั้นถึงกับยิ้มออกนอกหน้า
“เอาน่า ไม่ได้ให้ทำอะไรมาก แค่คอยกันๆ ยายณาณ่าไว้บ้าง พัทกับวิปจะได้มีโอกาสรู้จักกันมากขึ้น ส่วนใครไม่เห็นด้วยก็เฉยๆ ไว้แล้วกัน”
วันนี้ณอันดาอารมณ์ดีเป็นพิเศษในรอบหลายวันเนื่องจากมีนัดรับประทานอาหารเย็นกับพาณาสน์ ซึ่งอันที่จริงแล้วก่อนหน้านี้เธอก็ทานอาหารกับเขาอย่างน้อยวันละมื้อเกือบทุกวัน แต่ช่วงที่ผ่านมานี้ดูเหมือนตารางชีวิตจะสับเท้าสวนทางกันไปมาตลอด จนอัตราการได้พบกันลดลงกว่าครึ่ง เป็นเหตุให้เธอโอดครวญหงุงหงิงผ่านโทรศัพท์แทบทุกคืน จนในที่สุดเขาต้องออกปากว่าจะพาไปชดเชยด้วยอาหารหนึ่งมื้อ
“พี่พัทขา ณาณ่าสวยแล้วค่ะ พร้อมไปดินเนอร์โรแมนติกได้แล้ว”
พาณาสน์มองหญิงสาวในชุดกระโปรงลายดอกสีสันสดใสตามเทรนด์ของฤดูกาลซึ่งยืนหมุนตัวอวดอยู่เบื้องหน้าแล้วก้มลงดูนาฬิกาข้อมือ
“นี่มันเพิ่งสี่โมงกว่า จะรีบไปไหนณาณ่า”
ร่างบางทิ้งตัวลงนั่งที่โซฟาข้างตัวชายหนุ่มซึ่งมานั่งรอเธอแต่งตัวที่อพาร์ตเมนต์ตั้งแต่ครึ่งชั่วโมงที่แล้ว
“ก็รีบไปกิน แล้วจะได้มีเวลาเดินย่อยเยอะๆ ไงคะ ไปสวนสาธารณะข้างๆ นั้นก็ได้”
“มั่วละๆ พี่บอกว่าพาไปกินข้าวอย่างเดียวนะ เดินย่อยนี่งอกออกมาจากไหน”
“แหม ก็วันก่อนพี่พัทยังไปบาร์บีคิวกับพวกพี่ก้อยพี่อรรถได้เลย”
“วันนั้นพี่ก็ชวนเราแล้ว แต่ไม่ว่างเองนี่”
“ณาณ่าถึงไม่งอแง ยอมให้พี่พัทพาไปวันนี้แทนไงคะ”
ชายหนุ่มส่ายหน้า “มามุกโมเมอีกแล้ว นี่เรากำลัง ‘ยอม’ ให้พาไปหรือ ‘บังคับ’ ให้พาไปกันแน่ฮึ”
คำพูดนั้นทำให้อีกฝ่ายยิ้มเผล่ “ปลื้มใจจัง พี่พัทรู้ใจณาณ่าเรื่อยเลย”
เขาส่งสายตาดุไปยังคนที่เอียงคอช้อนตามองอย่างออดอ้อน แต่เมื่อหญิงสาวเริ่มกะพริบตาถี่ๆ พร้อมทำแก้มป่องพลางใช้นิ้วจิ้มแขนเขาเบาๆ ด้วยท่าทางเหมือนลูกแมวขอนม เขาก็หลุดยิ้มออกมาจนได้
“พอแล้วๆ จะไปก็ไป ทำท่าแบบนี้เดี๋ยวคืนนี้พี่ได้นอนฝันร้ายพอดี”
ณอันดาฉีกยิ้มแก้มปริ กระโดดลุกขึ้นยืนโดยไม่ลืมดึงแขนเขาขึ้นมาด้วย “ไม่ต้องห่วงค่ะ ถ้ามีณาณ่าอยู่ในฝัน เดี๋ยวร้ายก็กลายเป็นดี เพราะหนูณาคนนี้จะปกป้องพี่พัทเองค่ะ”