“พี่ไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น”
“พี่พัทไม่ต้องแก้ตัวแทนหรอกค่ะ เจ้าตัวยังไม่เห็นเดือดร้อนอะไรเลย พูดเองก็ย่อมรู้ดีแก่ใจว่าคิดอะไรอยู่”
วิภาวีดึงแขนเพื่อนอย่างห้ามปราม
“พอแล้วอ้อน พวกเราคงคิดมากไปเองจริงๆ” หญิงสาวพูดเสียงอ่อน หากอาการหลบตาทำให้พาณาสน์เข้าใจได้ว่าเธอน้อยใจกับคำพูดที่ดูเหมือนปกป้องอีกฝ่ายของเขา
“ใช่ค่ะ พวกพี่คิดมากเอง…มากกกไปเยอะด้วย สำคัญตัวผิดหรือมีปมด้อยอะไรในชีวิตหรือเปล่าคะ ถึงได้คิดว่าคนอื่นจะต้องดูถูกตัวเองตลอดเวลา”
คำโต้ตอบนั้นทำเอาคนฟังสะอึกกันไปถ้วนหน้า ไม่เว้นแม้แต่พาณาสน์
“นี่ เธอ!”
อรกัญญาเริ่มขึ้นเสียง แต่ก่อนที่จะได้ทำอะไรมากกว่านั้น ชายวัยกลางคนที่แนะนำตัวว่าเป็นเจ้าของร้านก็เมียงมองเข้ามาถาม
“เอ่อ มีอะไรกันหรือเปล่าครับ”
พนักงานทั้งสองหน้าเสียขึ้นมาทันที พวกเธอเพิ่งเริ่มงานวันนี้วันแรกโดยการแนะนำของเพื่อนคนหนึ่ง ถ้ามีปัญหากับลูกค้าคงไม่ได้มาทำงานอีกแน่
“ไม่มีอะไรหรอกครับ พอดีพวกเรารู้จักกัน เลยคุยกันเสียงดังไปหน่อย ขอโทษด้วยนะครับ” พาณาสน์รีบตอบ เขาจึงก้มหัวให้ก่อนเดินกลับไปอยู่ที่เคาน์เตอร์เหมือนเดิมแต่ก็ยังเหลือบมองมาเป็นระยะ
เมื่อเหตุการณ์ใจหายใจคว่ำผ่านไป อรกัญญาก็ตวัดหางตาไปที่คู่กรณีอย่างแค้นเคืองจนคนถูกมองคาดเดาได้ว่าตนเองคงไม่พ้นเป็นเป้าหมายโจมตีอีก
“สะใจแล้วสินะ หาเรื่องทำให้คนอื่นเดือดร้อนได้น่ะ”
…นั่นไง เดาข้อสอบไม่เห็นแม่นเป๊ะขนาดนี้เล้ยยย
“เอ ถ้าจำไม่ผิดณาณ่ามาเพื่อทานอาหารนะคะไม่ได้มาหาเรื่องใคร แต่ถ้าพี่อ้อนไม่พอใจขนาดนี้ณาณ่าไปก็ได้ค่ะ แต่พี่คงต้องไปบอกกับคุณลุงคนโน้นเองนะคะว่าทำไมลูกค้าถึงเดินออกจากร้าน”
“เธอขู่ฉันเหรอ”
“พี่อ้อนคิดว่ายังไงล่ะคะ”
“พอแล้วณาณ่า!” พาณาสน์สั่งด้วยเสียงเบาหากทุ้มหนักด้วยความเด็ดขาด เขาถอนหายใจอีกครั้งเมื่อเหลือบไปเห็นแววตาหวานฉ่ำน้ำที่แฝงการตัดพ้ออีกคู่ของคนที่ยืนเงียบอยู่
“เชื่อเถอะว่าณาณ่าไม่ได้คิดอะไรจริงๆ แต่ถ้าวิปกับอ้อนไม่สบายใจพี่ขอโทษแทนน้องแล้วกัน กลับไปทำงานเถอะ”
วิภาวีหมุนตัวเดินจากไปอย่างว่าง่าย ในขณะที่อรกัญญาจ้องหน้าหญิงสาวอีกคนเหมือนจะฝากความแค้นไว้ แต่พอสะบัดหน้าไปก็ได้ยินเสียงเรียกรั้งไว้
“แล้วนั่นจะไม่รับออเดอร์ก่อนเหรอคะ”
“ณาณ่า เงียบเดี๋ยวนี้”
อรกัญญาจำใจเรียกเพื่อนให้เดินกลับมาจดรายการอาหารเพราะโต๊ะนี้อยู่ในเขตความรับผิดชอบของเธอ ร่างบางก้มหน้าก้มตาเขียนรายการที่ชายหนุ่มบอกลงในกระดาษแล้วรีบเดินไปทางหลังร้าน
“พี่ไม่ชอบที่ณาณ่าทำแบบนี้เลยนะ”
ณอันดามองหน้าคนข้างตัวที่พูดขึ้นทันทีที่เหลือกันอยู่เพียงลำพัง “ณาณ่าไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย อยู่ดีๆ เขาก็มาหาเรื่องก่อนนี่คะ”
“แล้วเราจำเป็นจะต้องไปต่อปากต่อคำกับเขาด้วยเหรอ”
“ณาณ่าก็เป็นแบบนี้มาตั้งนานแล้ว” หญิงสาวเถียงกลับอย่างดื้อดึง เธอไม่เข้าใจว่าทำไมคนที่เป็นฝ่ายถูกหาเรื่องอย่างเธอจึงกลายเป็นผู้ผิดจนต้องถูกดุ
“งั้นณาณ่าก็ควรจะเปลี่ยนนิสัยนี้นานแล้วเหมือนกัน” เขาสวนกลับด้วยเสียงเข้มทันที
“พี่พัท!”