อาหารมื้อนั้นจบลงอย่างโศกนาฏกรรมในความรู้สึกของณอันดา พาณาสน์ไม่พูดกับเธออีกเลยหลังจากที่มีปากเสียงกัน ส่วนวิภาวีนั้นปรากฏตัวออกมาจากด้านหลังร้านทีไรก็เอาแต่ก้มหน้างุดเหมือนพยายามซ่อนตาแดงๆ ไม่ให้ใครเห็น ในขณะที่อรกัญญาไม่ต่างอะไรจากวิญญาณอาฆาตที่คอยโฉบไปมาเพื่อจ้องมองเธอด้วยสายตากินเลือดกินเนื้อ ซึ่งลำพังสองคนหลังที่ว่ามานั้นเธอไม่สนใจนักหรอก ถ้าไม่ใช่ว่าชายหนุ่มจะมีปฏิกิริยาเมินหน้าทำท่าชาเฉยใส่เธอเพราะพวกหล่อน
เมื่อดินเนอร์ที่ควรจะโรแมนติกปิดฉากลงอย่างไม่คาดคิด แผนการเดินย่อยอันสวยหรูก็เป็นอันล้มเลิกอย่างไม่ต้องสงสัย ชายหนุ่มจอดรถส่งเธอหน้าอาคารที่พักโดยไม่ยอมเข้าไปส่งถึงที่ตามปกติ สุดท้ายก็กลายเป็นเธอเองที่ทนความหมางเมินไม่ได้ต้องเป็นฝ่ายง้องอนก่อนเหมือนทุกที
“พี่พัทคะ”
เงียบ
“พี่พัท”
ไม่มีเสียงตอบรับจากเทวดาประจำตัวที่กำลังลงโทษเธอด้วยความเงียบสงัด หญิงสาวจึงถอนหายใจยาว ตัดสินใจเริ่มต้นบทสนทนาด้วยคำสำคัญที่คิดว่าจะทำให้อีกฝ่ายยอมเปิดปากพูดด้วย
“ณาณ่าขอโทษค่ะ”
แล้วก็ได้ผล ชายหนุ่มยอมละสายตาจากถนนเบื้องหน้าหันมามองเธอ แม้จะยังดูเฉยเมย หากก็คงดีกว่าเมื่อสองชั่วโมงที่ผ่านมาซึ่งอาการประท้วงเงียบของเขาทำเอาเธอกลุ้มแทบแย่
“ขอโทษทำไม คนที่ณาณ่าต้องขอโทษคือวิปกับอ้อน ไม่ใช่พี่”
ประเด็นขัดแย้งที่ให้ตายเธอก็ไม่เห็นด้วยทำให้ณอันดาคิ้วขมวดอีกรอบหลังจากทำหน้าหงอยเป็นลูกสุนัขถูกเมินอยู่นาน แต่ถ้าตอบออกมาอย่างที่คิดคงไม่แคล้วได้ถอยกลับไปที่บรรยากาศน่าอึดอัดแบบเดิมอีกแน่
“พี่พัทคิดว่าณาณ่าตั้งใจดูถูกพี่สองคนนั้นจริงๆ เหรอคะ” หญิงสาวถามเสียงอ่อน
“พี่รู้ว่าณาณ่าไม่ได้คิดดูถูก แต่เราก็ไม่ได้คิดให้ดีก่อนตอบโต้เขาเหมือนกัน พี่ไม่ชอบที่ณาณ่าพูดกับเขาแรงๆ แบบนั้น”
“ไม่เห็นจะแรงเลย พี่พัทก็ได้ยินว่าเขาว่าณาณ่าก่อนด้วยซ้ำ”
“สำหรับณาณ่ามันไม่แรง แต่คนอื่นล่ะ เอาใจเขามาใส่ใจเราบ้างสิ คำบางคำอาจจะธรรมดาสำหรับเรา แต่มันอาจจะไปกระทบใจคนอื่นก็ได้ ณาณ่าโตแล้วนะ จะทำจะพูดอะไรคิดให้ดีก่อนได้ไหม ทำตัวเป็นเด็กเอาแต่ใจแบบนี้ สักวันจะไม่มีใครชอบ”
ณอันดาก้มหน้านิ่ง เธอรู้ตัวดีว่าเป็นคนปากไวและชอบใช้วาจาเชือดเฉือนอยู่บ่อยๆ แต่ทุกครั้งคือความตั้งใจ เธอถือว่าคนไหนที่กล้าพูดก็ต้องกล้าและยอมรับการตอบโต้ที่เท่าเทียมได้ ซึ่งนั่นหมายความว่าเธอจะไม่ใช้คำพูดเหล่านั้นกับใครก่อนซึ่งพาณาสน์เองก็รู้ถึงนิสัยข้อนี้ เธอจึงไม่เข้าใจว่าทำไมเขาต้องโกรธ
“พี่เตือนแค่นี้ล่ะ ขึ้นบ้านไปเถอะ”
“แล้วพี่พัทจะไม่ขึ้นไปด้วยกันเหรอคะ”
ชายหนุ่มถอนหายใจ “ไม่ล่ะ พี่อยากกลับบ้านไปพักเหมือนกัน”
ดังนั้นณอันดาจึงต้องบอกลาก่อนลงจากรถอย่างเงื่องหงอย และเก็บความไม่สบายใจไปคิดหนักอย่างผิดวิสัยจนแทบนอนไม่หลับ
ตั้งแต่รู้จักกันมาเธอแทบไม่เคยมีเรื่องขัดใจกับเขาเลย ยิ่งเมื่อโตเลยวัยงอแงแล้ว ไม่ว่าเขาพูดอะไร เธอก็มักเห็นดีเห็นงามและปฏิบัติตามด้วยดีมาโดยตลอด ส่วนเขาก็ไม่เคยโกรธเคืองเธออย่างจริงจังจนต้องตำหนิด้วยน้ำเสียงอย่างที่ได้ยินเมื่อเย็นมาก่อนเหมือนกัน หากครั้งนี้ความรู้สึกบางประการกำลังรบกวนอยู่ในหัวใจ ราวกับจะส่งสัญญาณเตือน…บางสิ่งบางอย่างกำลังจะเปลี่ยนไป
(ติดตามต่อได้ในฉบับเต็มเดือน เมษายน 64)