ขณะที่เลิกงานนั้นคนมากมายก็เคลื่อนตัวออก ถงเสี่ยวโยวกางแขนทั้งสองออกเพื่อกันคนที่ไหลเข้ามา ลู่ซิงเฉิงค่อนข้างพอใจมาก หัวหน้าแผนกออกแบบบอกว่าเธอมีกำลังมากเป็นเรื่องจริง ดูท่าทางเช่นนี้แล้วรอให้กระแสรายการสถานีถัดไป รันเวย์ผ่านไปก่อน ก็จะส่งเธอไปทำงานที่โกดังได้
ขณะที่กำลังคิดอยู่นั้นก็มีเด็กสาวคนหนึ่งซึ่งไม่รู้ว่ามาจากแถวไหนพุ่งตรงเข้ามา ชนจนถงเสี่ยวโยวกระเด็นไป “บ.ก. ลู่คะ ฉันเป็นนักเรียนสถาบันการออกแบบ ฉันนับถือคุณมาก…”
เมื่อถูกคนรั้งไว้ สีหน้าของลู่ซิงเฉิงก็เปลี่ยนเป็นเย็นชาในทันที ดูท่าทางถงเสี่ยวโยวที่เป็นบอดี้การ์ด แม้แต่จะให้ไปคุมโกดังก็ไม่คู่ควร
เด็กสาวตื่นเต้นมากและไม่ได้สนใจสีหน้าเย็นชาของเขา เธอหยิบสมุดโน้ตออกมายื่นไปตรงหน้าลู่ซิงเฉิงด้วยความตื่นเต้น “ฉันลำบากมากกว่าจะมาเข้าร่วมงานแฟชั่นวีกครั้งนี้ได้ แล้วยังได้เจอกับคุณ ฉันขอลายเซ็นคุณหน่อยได้ไหมคะ”
ลู่ซิงเฉิงนิ่งไม่ขยับ สายตามุ่งตรงไปข้างหน้า แม้จะถูกชนจนกระเด็นไปแต่ถงเสี่ยวโยวก็ยังเข้าอกเข้าใจความรู้สึกของเด็กสาว เดินเข้าไปอย่างระมัดระวังและช่วยเด็กสาวเรียกลู่ซิงเฉิง “บ.ก…”
เด็กสาวยังคงไม่ยอมแพ้ “บ.ก. ลู่ ฉันเป็นแฟนคลับตัวยงของชิก ฉันชื่นชอบ…”
ในที่สุดลู่ซิงเฉิงก็ยอมเปิดปาก “คนที่ศรัทธาผมในโลกนี้มีมากมาย ผมต้องตอบรับทุกคนไหม”
บรรยากาศนิ่งเงียบไปสามวินาที เด็กสาวก็ยกมือปิดหน้าแล้ววิ่งไป
ลู่ซิงเฉิงลุกขึ้นจัดชายเสื้อให้เรียบร้อยแล้วเดินออกไปทางด้านนอก ถงเสี่ยวโยวยืนอยู่ที่เดิมไม่ขยับไปไหน เธอลังเลอยู่ครู่หนึ่งจึงได้เอ่ยปากขึ้นว่า “คุณไม่เห็นค่าเขาใช่ไหม คุณยังพูดคุยหัวเราะกับคนรอบข้างได้อยู่เลย”
ลู่ซิงเฉิงชะงักฝีเท้า ใช้สายตาที่เหมือนกำลังมองดูเรื่องตลกมองมาที่เธอ แล้วหันกลับเดินตรงออกไป
แดลี่เดินขึ้นมาข้างหน้าคว้าแขนถงเสี่ยวโยวเดินออกไปพร้อมกับให้ความรู้เธอไปด้วย “ต่อไปอย่าถามคำถามโง่ๆ แบบนี้ ที่พูดคุยหัวเราะก็เพราะต้องทำงานกับคนพวกนั้น สำหรับเรื่องไม่เห็นค่า ลู่ซิงเฉิงไม่เคยเห็นใครอยู่ในสายตาอยู่แล้ว ไม่ได้เกี่ยวกับสถานะอะไรของพวกเขาสักนิด”
ลู่ซิงเฉิงไม่เห็นใครอยู่ในสายตาก็ไม่ใช่เรื่องอะไรใหม่ แต่ความโหดร้ายของเขา ตอนนี้เธอได้สัมผัสด้วยตัวเองแล้ว สิ่งที่น่าขันคือคนแบบนี้กลับได้ยืนอยู่บนยอดพีระมิด ภายใต้แสงสว่างข้อบกพร่องของเขาทุกอย่างกลับสูญสลายมองไม่เห็น แต่ในฐานะของผู้แพ้ การทวงความเป็นธรรมกับสิ่งเล็กน้อยของถงเสี่ยวโยวก็ดูเหมือนเป็นการยุ่งไม่เข้าเรื่องอย่างหนึ่ง
นี่เป็นการทำร้ายถงเสี่ยวโยวอย่างหนัก
คนที่เห็นการเปลี่ยนแปลงคนแรกก็คือซ่งหรูหรู นั่นเป็นเพราะช่วงนี้ถงเสี่ยวโยวทำงานดึกดื่นทุกวัน โดยเฉพาะการต้มบะหมี่ถ้วยตอนดึกดื่นแล้วยังเติมเนื้อกระป๋องกับซอสถั่วอีกช้อน รสชาติแบบนั้นอบอวลจนซ่งปั้นเซียนไม่สามารถติดต่อกับเทพเจ้าได้
ถงเสี่ยวโยวอธิบายเรื่องนี้ว่าเธอรู้ตัวว่าไม่มีพรสวรรค์ ยิ่งไปกว่านั้นก็ไม่มีโชค แต่เธอไม่อยากจะแพ้แม้แต่ความขยันให้กับคนอย่างลู่ซิงเฉิง ลู่ซิงเฉิงเป็นคนยังไงน่ะเหรอ ถงเสี่ยวโยวไม่มีแม้กระทั่งคุณสมบัติจะวิจารณ์เขา เธอจึงได้แต่ก้มหน้าระบายอารมณ์ วาดแบบร่างแล้วก็ขยำทิ้งซ้ำไปซ้ำมา ขอบตาดำก็เข้มขึ้นทุกวัน
ถ้าจะเปรียบเทียบพละกำลังกับคนที่ทำงานเป็นบ้าเป็นหลังอย่างลู่ซิงเฉิง นี่ก็ถือเป็นการแข่งขันแต่เพียงฝ่ายเดียว ซ่งหรูหรูรู้สึกว่าเส้นทางนี้มันคือทางตัน
ซ่งหรูหรูพลิกดูแบบร่างหลายแผ่น ออกแบบมาเป็นเซ็ตริบบิ้น ชุดทำงานที่เรียบง่ายแต่ดูดีจับคู่กับวัตถุดิบที่แตกต่างกันและการตกแต่งด้วยริบบิ้น ทำให้ดูอ่อนโยนและสดใส ถงเสี่ยวโยวถามอย่างไม่มั่นใจว่า “เธอคิดว่าเป็นยังไงบ้าง”
ซ่งหรูหรูยักไหล่ “ฉันก็ต้องรู้สึกว่าสวยแน่นอน แต่คนทั้งโลกยอมรับผลงานเธอต่างหากที่สำคัญสำหรับเธอ” เธอพูดไปแล้วก็คิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ “เอ๋ ถ้าเธอไปสู้กับลู่ซิงเฉิงตรงๆ สู้เอาที่เธอออกแบบพวกนี้ให้เขาดู เขาเก่งกาจขนาดนั้น ถ้าเขายอมรับผลงานเธอ ก็เท่ากับได้รับการยอมรับจากทั้งโลกแล้วไม่ใช่เหรอไง”
“เอ๋?” ถงเสี่ยวโยวอึ้งไป เธอกัดริมฝีปาก “เขาดูแล้ว เธอลืมไปแล้วเหรอไง”
ซ่งหรูหรูคิดขึ้นมาได้ ไม่ใช่แค่เพียงลู่ซิงเฉิงที่ดูรายการสถานีถัดไป รันเวย์ คนทั้งโลกก็ได้ดูแล้ว หากพูดว่าเมื่อก่อนถงเสี่ยวโยวไม่มีชื่อเสียงแต่ยังมีอนาคต แต่ตอนนี้ต้องบอกว่ารอยด่างดำในประวัติศาสตร์คิดจะฟื้นตัวก็ไม่มีทาง ในฐานะที่เป็นเพื่อนรักจะไม่ให้กำลังใจก็ไม่ได้ แต่ก็ไม่อาจจะดูเพื่อนเดินจนเจอทางตัน ซ่งหรูหรูจึงเสนอแนะว่า “ถ้าอย่างนั้นมาที่นิตยสารของฉันดีกว่า ฉันจะถ่ายทอดพลังทั้งชีวิตให้เธอครึ่งหนึ่ง”
ซ่งหรูหรูกับถงเสี่ยวโยวจบการศึกษาปีเดียวกัน สาขาวิชาของเธอคือปรัชญาโบราณ ได้เข้าไปทำงานในนิตยสารดูดวงฉบับหนึ่ง ตอนนี้เป็นผู้รับผิดชอบหน้าพยากรณ์ดูดวงแล้ว ชื่อในวงการก็คือซ่งปั้นเซียนกับแม่หมอหรู
“ฉันว่าบางครั้งฉันดูดวงให้คนอื่นก็อาจจะไม่แม่นนะ” แม้ถงเสี่ยวโยวจะไม่มีพรสวรรค์แต่ก็รู้จักตัวเองเป็นอย่างดี “เธอลืมไปแล้วเหรอ ฉันเสี่ยงทาย…”
ซ่งหรูหรูคิดอยู่ครู่หนึ่งก็เอากระดาษออกแบบยัดเข้าไปในมือของถงเสี่ยวโยว “เธอพูดถูก อาชีพดีไซเนอร์เป็นอาชีพที่เหมาะสมกับเธอที่สุด ไม่ทำร้ายคนอื่น ได้ปลดปล่อยชาวประชา”