ราวกับลู่ซิงเฉิงรู้ว่าถงเสี่ยวโยวคิดอะไรในใจอยู่ เขาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “อย่าเอาเรื่องความผิดพลาดไปโทษว่าเป็นเรื่องของโชคชะตา ขี้เกียจก็คือขี้เกียจ ไม่ใช่โรคเรื้อรัง โง่ก็คือโง่ ไม่ใช่ว่าไม่มีใจในเรื่องนี้”
ถงเสี่ยวโยวพยายามที่จะอธิบาย เธอไม่ยอมรับอะไร คิดก็แต่เพียงจะเรียกร้องความเป็นธรรมสักนิด “บ.ก. เรื่องค่าเชิงเทียนฉันขอให้หักจากเงินเดือนเป็นงวดๆ ได้ไหมคะ ตอนนี้เงินเดือนตำแหน่งผู้ช่วยของฉันคือ…”
“ตั้งแต่วันนี้เธอไปทำงานที่โกดัง” ลู่ซิงเฉิงขัดคำพูดของเธอ “เงินเดือนที่โกดังคือครึ่งหนึ่งของตอนนี้”
ถงเสี่ยวโยวอึ้งไปทันที พลังงานในร่างกายที่เหลืออยู่น้อยนิดก็กำลังลอยจากไป
“เพราะฉันทำเชิงเทียนแตกอย่างนั้นเหรอคะ”
เป็นครั้งแรกที่ลู่ซิงเฉิงมองตรงมาที่ถงเสี่ยวโยว “เพราะเธอเอาความผิดพลาดไปโยนให้กับโชค ฉันไม่ต้องการคนแบบนี้มาทำงานอยู่ข้างๆ ยังดีที่เสื้อผ้าในโกดังไม่ได้มีแขนขา ต่อให้เธอดวงซวยขนาดไหนพวกมันก็คงไม่ออกมาตีกันจนขาดวิ่น” เขาไม่เคยเห็นใจผู้แพ้ เพราะสิ่งที่คนเหล่านี้ถนัดก็คือการกล่าวโทษ โทษฟ้าดิน โทษโอกาส โทษเพื่อนร่วมงาน โทษหัวหน้า โทษชาติกำเนิด โทษสังคม โทษจักรวาลที่มีดาวเจ็ดดวงส่องสว่างจนนอนไม่หลับ
แบกดวงซวยติดตัวมายี่สิบหกปีทำให้ถงเสี่ยวโยวไม่มีเส้นให้ล้ำ ความผิดหวังนับครั้งไม่ถ้วนทำให้เธอไม่เหลือความมั่นใจอะไรอีกเลย ไม่มีพลังที่จะตอบโต้กลับ แล้วก็ไม่มีความกล้าหาญที่จะเรียกร้อง แต่มีอยู่เรื่องหนึ่งที่เธอมีความมั่นใจสองร้อยเปอร์เซ็นต์
“บ.ก. ถ้าฉันพิสูจน์ได้ว่าฉันดวงซวยจริงๆ ล่ะคะ”
ลู่ซิงเฉิงปรายตามองไป “อย่างนั้นเหรอ”
กลางเนินเขามีศาลเจ้าอยู่ ถงเสี่ยวโยวเดินตรงไปที่หน้าอารามหลักแล้วถือกระบอกเซียมซียื่นไปตรงหน้าลู่ซิงเฉิง พูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “บ.ก. ฉันสามารถเขย่าออกมาเป็นเซียมซียอดแย่ได้ทั้งหมด”
ลู่ซิงเฉิงไม่ได้พูดอะไร ซึ่งหมายความว่าจะคอยดู ในใจก็คิดคำนวณความเป็นไปได้
ถงเสี่ยวโยวสูดหายใจลึกแล้วเริ่มต้นเขย่าเซียมซี ‘แปะ’ ไม้เซียมซีอันที่หนึ่งตกลงมา…เซียมซียอดแย่
เธอหยิบขึ้นมาประหนึ่งเป็นของมีค่า แล้วก็เขย่าต่อ ‘แปะ’ เซียมซีที่สองร่วงหล่นลงมา ยังเป็นเซียมซียอดแย่เช่นเดิม ความมั่นใจของถงเสี่ยวโยวเพิ่มพูนขึ้นอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ถ้าจัดการแข่งขันเขย่าเซียมซียอดแย่ล่ะก็ เธอไม่มีทางได้ศูนย์ห้าตัวหรอก
ประหนึ่งมีเทพคอยช่วย ถงเสี่ยวโยวจึงรีบเผด็จศึก เขย่าได้ดั่งใจ
ลู่ซิงเฉิงคว้าเซียมซียอดแย่ขึ้นมาทั้งกำด้วยความดุดัน เพราะอย่างนี้เขาถึงไม่เคยเห็นใจผู้แพ้ คนพวกนี้มีเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใคร ถ้าไม่โมโหโวยวายไม่หยุดก็จะเหมือนกับถงเสี่ยวโยว เทพเจ้าแห่งความโชคร้ายมาประทับ ถ้าไม่ได้มีข้อตกลงกับเวินซีในตอนแรก เขาก็คงไม่เก็บตัวประหลาดนี้ไว้หรอก น่า-กลัว-มาก-เลย
ถงเสี่ยวโยวพูดอย่างภาคภูมิใจขึ้นว่า “บ.ก. ฉันบอกแล้วว่าฉันไม่ได้ตัดพ้อ ตอนนี้ฉันพิสูจน์ให้คุณเห็นแล้ว”
ลู่ซิงเฉิงพยักหน้าอย่างเห็นด้วย “ถูกต้อง คุณไม่ต้องชดใช้ แล้วก็ไม่ต้องไปที่โกดังแล้ว พรุ่งนี้ก็ไม่ต้องมาทำงานด้วย”
“ทำไมล่ะคะ” ถงเสี่ยวโยวหน้าเปลี่ยนสี