ถ้าพูดว่าโลกใบนี้มีคนอยู่ประเภทหนึ่ง แผนเอของเขาไม่เคยผิดพลาด เหมือนกับลู่ซิงเฉิง เช่นนั้นก็ต้องมีอีกกลุ่มคนที่แผนเอของเขาไม่เคยสำเร็จเลย เหมือนกับ…
“ถงเสี่ยวโยว! ทำไมกาแฟที่เธอซื้อมาถึงมีแค่ครึ่งแก้ว”
“เอ่อ ขอโทษค่ะ ระหว่างทางฉันโดนจักรยานชนเข้า แต่ฉันก็ไปซื้อให้คุณอีกแก้ว เพราะงั้นจึงมีหนึ่งแก้วครึ่ง”
“ถงเสี่ยวโยว! ไปเอาผ้าขี้ริ้วมา เฮ้ย! มือเธอทำไมถึงพันผ้าพันแผลไว้ด้วย”
“อ๋อ ก๊อกน้ำที่ห้องต้มน้ำมันเสียน่ะ ฉันเพิ่งไปเปิดก๊อกน้ำร้อน…”
“ช่างเถอะๆ เธอไปพักผ่อนเถอะ”
“ถงเสี่ยวโยว! ช่วยเก็บเอวให้ฉันอีกสักสองฝีเข็ม
“ได้ โอ๊ย!”
“มีอะไร”
“เข็มตำเข้าไปที่เล็บมือ”
“ถงเสี่ยวโยว!”
“ค่ะ! หัวหน้า มีอะไรให้ฉันทำคะ”
“บ.ก. ให้เธอไปเข้าร่วมรายการ ‘สถานีถัดไป รันเวย์’ ”
“…”
“ถงเสี่ยวโยว?”
“ค่ะ!”
“เอ่อ…หัวหน้าคะ ฉันรับผิดชอบเบื้องหลังใช่ไหมคะ” ถงเสี่ยวโยวหยิบสมุดโน้ตที่ติดตัวไว้ออกมา รอรับคำสั่งด้วยท่าทางจริงจรัง
ทั้งสำนักพิมพ์ไม่ใช่แค่เฉพาะแผนกออกแบบ แผนกอื่นๆ ก็มีดีไซเนอร์ที่มีฝีมือไม่น้อย ทุกๆ ปีจะมีบัณฑิตจากมหาวิทยาลัยดังส่งเรซูเม่เข้ามามากมาย คิดอยากจะเบียดกันเข้ามาทำงานในสำนักพิมพ์นี้ ทว่าท่ามกลางคนกลุ่มใหญ่ขนาดนี้ แม้แต่ในแผนบีถงเสี่ยวโยวก็ไม่ควรจะอยู่ด้วยซ้ำ ดังนั้นเหตุผลเดียวที่ทำให้เธอยอมรับได้ก็คือทีมของนิตยสารจะเข้าร่วมกิจกรรมนี้และต้องการให้เธอไปช่วยงานเบื้องหลัง
“ไม่ใช่ เธอต้องเป็นตัวแทนนิตยสารของเราเข้าร่วมการแข่งขัน เธอลาพักเพื่อเตรียมตัวเข้าร่วมการแข่งขันได้ตั้งแต่วันนี้เลย” หัวหน้าแผนกย้ำอีกครั้งด้วยท่าทางจริงจัง
“จะ…จะเป็นไปได้ยังไงกัน”
“อ้อ เรื่องมันเป็นแบบนี้ รายการ ‘สถานีถัดไป รันเวย์’ มีเงื่อนไขว่าผู้เข้าร่วมแข่งขันต้องจบสาขาการออกแบบและต้องมีประสบการณ์การทำงานในวงการแฟชั่นสามปีขึ้นไป แล้ว บ.ก. ของเราก็คิดว่าดีไซเนอร์ของเราคนไหนก็สามารถชนะได้ ดังนั้นจึงให้เราส่งดีไซเนอร์ที่มีชื่อเสียงน้อยที่สุดไปเข้าร่วมการแข่งขัน แต่เธอก็รู้นี่ว่าพวกเราคือชิกนะ ในนิตยสารของเราดีไซเนอร์ที่มีประสบการณ์ทำงานสามปีขึ้นไปถ้าไม่ได้ไปมีชื่อเสียงอยู่ต่างแดนก็เปิดแบรนด์ของตัวเองกันไปหมดแล้ว ที่ไม่มีใครรู้จักก็มีแค่เธอคนเดียวเท่านั้น”
“…”
“ถงเสี่ยวโยว สู้ๆ! หน้าตาของนิตยสารนี้ขึ้นอยู่กับเธอคนเดียวเลยนะ”
“เอ่อ…สู้…สู้ๆ”