Count your lucky stars เปลี่ยนโชคร้ายให้กลายเป็นรัก
ทดลองอ่าน Count your lucky stars เปลี่ยนโชคร้ายให้กลายเป็นรัก บทที่ 1
ลู่ซิงเฉิงกดปุ่มหยุดบนรีโมตคอนโทรล หน้าจอยังคงเห็นใบหน้าสุดท้ายของถงเสี่ยวโยวที่ซูมเข้ามาใกล้มาก ในห้องทีวีจึงเงียบสนิทจนเหลือเพียงแค่เสียงของลมหายใจเท่านั้น เมื่อเปรียบเทียบกับใบหน้ายิ้มด้วยความตื่นเต้นของถงเสี่ยวโยวแล้วก็มีความแตกต่างกันมาก
บรรยากาศนิ่งๆ ลู่ซิงเฉิงนิ่งเงียบไม่พูดอะไร
หัวหน้าแผนกออกแบบเหงื่อซึมไปทั้งตัว แอบส่งสายตาที่เต็มไปด้วยความสับสนให้กับแดลี่ผู้ช่วยของ บ.ก. ที่ยื่นอยู่ข้างๆ
แดลี่ส่งสายตาช่วยอะไรไม่ได้กลับไป
หัวหน้าแผนกยังไม่ยอมแพ้ส่งสายตาไปอีกครั้ง นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็น บ.ก. นิ่งเงียบไม่พูดจา เขายิ่งไม่รู้ว่าจะทำยังไงดี
ครั้งนี้แดลี่มองไปทางอื่น ไม่แม้แต่จะส่งสายตาตอบกลับมาให้หัวหน้าแผนก
“ผมว่า…” ในที่สุดลู่ซิงเฉิงก็ยอมเอ่ยปาก หัวหน้าแผนกตื่นเต้นมาก เขายกมือขึ้นชี้ไปที่ใบหน้าบนหน้าจอเบาๆ “มาจากไหน”
“เอ๋” หัวหน้าแผนกอึ้งไป
“ผมอยากรู้ว่าคุณไปเอาตัวประหลาดนี้มาจากไหน” ในที่สุดลู่ซิงเฉิงก็เหลือบตามามองเขา แววตาสดใส น้ำเสียงอ่อนโยน ทันใดนั้นหัวหน้าแผนกถึงกับขาอ่อน
“ไม่…ไม่ใช่ว่า บ.ก. บอกว่าให้หาดีไซเนอร์ที่ไม่มีชื่อเสียงที่สุดออกมา” แม้ว่าจะเข่าอ่อน แต่หัวหน้าแผนกก็ยังพยายามพูดออกไปให้จบ
ลู่ซิงเฉิงเลิกคิ้วเล็กน้อย แววตาอ่อนโยนที่น่าหลงใหลในตอนนี้กลับเย็นยะเยือก “เป็นความผิดของผมงั้นเหรอ เป็นความผิดของผมที่ไม่รู้ว่ามีคนแบบนั้นสามารถเข้ามาอยู่ในชิกได้”
เมื่อเริ่มรู้สึกว่าสถานการณ์ไม่ค่อยดีแดลี่ก็ค่อยๆ ก้าวถอยหลังไปหลายก้าว เห็นได้ชัดว่าหัวหน้าแผนกยังไม่เข้าใจสถานการณ์ ยังคงเสี่ยงตายที่จะอธิบาย “คือว่า…คือว่าเป็นแบบนี้ งานเบ็ดเตล็ดทั่วๆ ไปในแผนกออกแบบ เธอทำทั้งหมด บ.ก. คุณอย่าเห็นว่าตัวเธอเล็กๆ เธอสามารถแบกถังน้ำดื่มขึ้นมาที่ชั้นห้าโดยไม่หอบเลยสักนิด”
ลู่ซิงเฉิงยิ้ม “คุณก็เลยให้คนแบกน้ำไปเข้าร่วมการแข่งขัน”
ภายในหนึ่งสัปดาห์นิตยสารชิกติดชาร์ตประเด็นร้อนในเวยป๋อกลายเป็นประเด็นให้คนได้หัวเราะกันหลังมื้ออาหาร ถงเสี่ยวโยวไม่ได้นอนทั้งคืน เธอดึงซ่งหรูหรูขึ้นมาและขอร้องให้ช่วยเสี่ยงทายตอนจบว่าจะเป็นอย่างไร ซ่งหรูหรูพูดอย่างมีความนัยว่า “หนึ่งชีวิต สองชะตา สามเฟิงสุ่ยสี่บุญกรรม ห้าร่ำเรียน หก…อย่าดึงดัน เธอแพ้ไม่เป็นท่าแบบนี้ยังจะยิ้มได้อีกนะ ท่ายิ้มเธอก็ยังถูกถ่ายเอาไว้ด้วย มันจะต้องเสี่ยงทายอะไรอีก ถ้าจะดึงดันก็ไม่มีทางออกหรอกนะ”
“งั้นเธอว่าในโลกนี้มีโรคอยู่โรคหนึ่งไหม เพราะโศกเศร้าเสียใจอย่างที่สุดแล้วทำให้กล้ามเนื้อบนใบหน้าเป็นตะคริวจนกลายเป็นยิ้มประหลาดๆ” ถงเสี่ยวโยวรีบร้อนอยากจะหาคำอธิบายที่สมเหตุสมผลให้กับ บ.ก. มิฉะนั้นเธอก็ไม่อาจคิดถึงผลที่ตามมาได้ หลายปีที่ผ่านมาเธอรวบรวมงานเบ็ดเตล็ดไว้ทุกอย่างเพื่อที่จะอยู่ในแผนกออกแบบนี้ได้ แม้ว่าจะได้จัดการกับเสื้อผ้าน้อยมาก แต่ได้อยู่ใกล้ชิดกับพวกมันก็ถือว่าเป็นความสุขอย่างหนึ่ง
ซ่งหรูหรูถอนหายใจออกมา “ถงเสี่ยวโยว เธอไม่คิดเหรอว่าเธอซวยมายี่สิบหกปี ยี่สิบหกปีเชียวนะ เดินไปบนถนนก็ถูกรถชนได้ ซื้อโทรศัพท์เครื่องใหม่ก็ใช้ได้ไม่ถึงอาทิตย์ กระเป๋าสตางค์ถูกขโมยก็จะต้องเป็นวันที่เงินเดือนออก เธอจะดีใจจนลืมตัวได้ยังไง”
ถงเสี่ยวโยวยอมรับว่าตัวเองมึนงงกับโชคดีที่มาโดยไม่ทันตั้งตัว เพราะว่าลู่ซิงเฉิงเป็นตำนานของวงการแฟชั่นที่โด่งดัง เขามีความสามารถในการคาดการณ์เทรนด์แฟชั่นได้อย่างแม่นยำ อะไรที่เขาถูกใจก็จะเป็นสินค้าที่ฮิตในฤดูกาลนั้น ดีไซเนอร์ที่เขาผลักดันก็จะต้องดังเป็นพลุแตก หากพูดว่าดีไซเนอร์เป็นคนที่ตัดเย็บเสื้อผ้า ลู่ซิงเฉิงก็คือคนตัดเย็บวงการแฟชั่นทั้งวงการ แต่การที่เขาเลือกเธอกลับเป็นการตบหน้าตัวเองอย่างแรง
“หรูหรู ฉันไม่เหมาะกับวงการนี้จริงๆ ใช่ไหม…”
แสงไฟระยิบระยับของเมืองนี้มีมากกว่าดวงดาวบนท้องฟ้า สถานที่สว่างไสวในยามค่ำคืนก็สว่างมากกว่าตอนกลางวัน แต่โลกของถงเสี่ยวโยวกลับไม่มีแสงสว่าง
“แต่ฉันยังไม่อยากยอมแพ้”
ตั้งแต่ทำงานมาหลายปีนี่เป็นครั้งแรกที่ถงเสี่ยวโยวมีโอกาสเข้าไปในห้องทำงานของ บ.ก.
ขณะที่แดลี่เปิดประตูให้เธอได้กระซิบข้างหูว่า “อย่าโต้เถียง เธอถึงจะมีโอกาสยื่นจดหมายลาออก” ถงเสี่ยวโยวรู้สึกจมูกแสบร้อนจนพูดอะไรไม่ออก
“ถงเสี่ยวโยวเข้ามาทำงานในสำนักพิมพ์เมื่อสี่ปีก่อน จนถึงวันนี้ก็ยังคงเป็นผู้ช่วยดีไซเนอร์ขั้นต่ำสุด อ้อ ไม่สิ แบกถังน้ำ ถ้านับเวลาทำงานก็ถือว่าเป็นพนักงานเก่าแก่ นอกจากเป็นพนักงานเก่าแก่แล้วก็ไม่มีอะไรดีสักอย่าง นานมาแล้วเคยจัดชุดเสื้อผ้าถ่ายแบบในเล่ม แต่จากการสอบถามผู้อ่านในเวลาต่อมา ชุดที่จัดมาถูกจัดว่าเป็นชุดที่แมตช์ได้แย่ที่สุดแห่งปี จากนั้นก็ไม่เคยได้ออกหน้าออกตาอะไรอีก” ลู่ซิงเฉิงกล่าวถึงประวัติการทำงานของถงเสี่ยวโยวคร่าวๆ “จนกระทั่งเมื่อวานก็มีชื่อเสียงขึ้นมา คุณได้ศูนย์มาห้าตัวแล้วหัวเราะ เป็นภาพที่คนดูกันเป็นล้านๆ ครั้ง ยินดีด้วยนะ”
ถงเสี่ยวโยวรู้สึกผิดบาปเป็นอันมาก ตั้งแต่เข้ามาก็ได้แต่ก้มหน้ารอฟังคำพิพากษา ลู่ซิงเฉิงเหลือบมองไปแวบหนึ่ง ศีรษะของหญิงสาวเกือบจะก้มไปชิดหน้าอกแล้ว มองไม่เห็นใบหน้าชัดเจน แต่ช่างเถอะ ไม่ต้องดูก็รู้ว่าคือคนดวงซวย
“บ.ก. คะ ฉันผิดไป…”
“หึๆ” ลู่ซิงเฉิงหัวเราะเสียงเย็น “คุณรู้ไหมว่าบนโลกนี้ทุกวันจะมีดีไซเนอร์กี่คนที่พูดว่าตัวเองผิดไปแล้ว เลือกวัตถุดิบเลือกผ้าผิด เลือกสีก็เลือกใช้สีผิดคู่ ตอนตัดเย็บเลือกแบบผิด แต่คุณ ตอนเรียนมหาวิทยาลัยก็เลือกสาขาผิด หรือตอนมาเกิดเลือกเวลาผิดล่ะ”
“บอ…บ.ก. แม้ว่าที่ผ่านมาฉันจะไม่มีชื่อเสียง แต่…แต่ฉันก็ตั้งใจทำงานด้านออกแบบนี้มาก คุณดูสักนิดนึงก็ได้…” ถงเสี่ยวโยวไม่เชื่อฟังคำพูดของแดลี่ เธออดไม่ได้ที่จะแก้ตัวสักหน่อย เธอไม่อยากจะจากชิกไปจริงๆ แต่เห็นได้ชัดว่าสิ่งที่แดลี่พูดนั้นถูกต้อง
“ไม่จำเป็น” ลู่ซิงเฉิงปฏิเสธอย่างไม่ไว้หน้าเลยสักนิด “ฉันไม่สนใจและไม่ได้ว่างพอจะมาชื่นชมผลงานที่ไม่ได้รับความนิยม วงการนี้มันก็โหดร้ายอย่างนี้ เธอไม่มีความสามารถ ไม่มีใครจะยื่นมือไปช่วยดึงขึ้นมา เธอก็ได้แต่เน่าเละอยู่ในนั้น”
ถงเสี่ยวโยวถูกยิงเป็นปืนกล เละเป็นหมูบะช่อ