ตอนที่ ‘หมูบะช่อ’ จากไปก็สวนกับเวินซี ถงเสี่ยวโยวได้กลิ่นหอมฉุนแบบเครื่องหอมตะวันออกลอยออกมาจากตัวเธอ กลิ่นไม้จันทน์กับกลิ่นมะลิที่ผสมกันช่างเหมาะกับกระโปรงปล่อยชายพิมพ์ลายแบบย้อนยุคของเธอมาก
ถงเสี่ยวโยวคิดว่านี่น่าจะเป็นช่วงเวลาที่เธออยู่ใกล้กับคนดังในวงการแฟชั่นมากที่สุดในชีวิต ต่อไปคงไม่มีโอกาสอีกแล้ว
ลู่ซิงเฉิงยังคงโมโหอยู่ แม้ว่าคนที่เข้ามาจะเป็นแฟนสาวอย่างเป็นทางการของเขาก็ไม่อาจจะหลบหลีกมหันตภัยนี้ได้
“เมื่อคืนยายนั่นให้คุณสวมชุดอะไรคุณก็สวม ในฐานะที่เป็นนางแบบอันดับหนึ่งของนิตยสาร คุณควรจะมีมาตรฐานความงามสักหน่อยนะ”
“การเคารพการเลือกสรรของดีไซเนอร์เป็นจรรยาบรรณวิชาชีพของฉัน” เวินซีกะพริบตาหงส์อย่างเย้ายวน “ที่สำคัญฉันก็รู้สึกว่ากางเกงขาบานจับคู่กับเข็มขัดสีแดงก็ดูไม่เลวทีเดียว”
ลู่ซิงเฉิงไม่พูดว่าถูกหรือผิด “แต่เธอได้ศูนย์มาห้าตัว”
เวินซีเท้าคางด้วยมือทั้งสองข้าง “คุณไม่สงสัยเหรอว่ามู่หยางเจตนาทำแบบนั้น เขาตั้งใจจะท้าทายให้พวกเราร่วมรายการ ไม่ว่าเราจะส่งใครไป เขาก็จะต้องให้พวกเราแพ้ ฉันว่าเป็นเพราะถงเสี่ยวโยวไม่เป็นที่รู้จัก เขาก็เลยจัดศูนย์ให้ห้าตัวเลย”
เมื่อเห็นว่าเขากำลังฟังอยู่เวินซีจึงพูดต่อไปว่า “ในเมื่อสถานีถัดไป รันเวย์บอกว่าเธอเป็นดีไซเนอร์ศูนย์คะแนน แล้วถ้าเธอดังขึ้นมาไม่เป็นการแสดงให้เห็นว่ารายการของพวกเขาสายตาไม่ดีเหรอ”
จะทำให้ดีไซเนอร์สักคนดังขึ้นมาไม่ใช่เรื่องยากสำหรับลู่ซิงเฉิง นี่ยังไม่ต้องพูดถึงว่าเขาถือแพลตฟอร์มด้านแฟชั่นอันดับหนึ่งอยู่ในมือ ลำพังเพียงแค่คำพูดของเขาประโยคเดียวก็สามารถเปลี่ยนชะตาชีวิตของดีไซเนอร์คนหนึ่งได้แล้ว เพียงแต่เขาไม่สนใจที่จะทำธุรกิจขาดทุนแบบนี้ แม้แต่คำพูดประโยคเดียวเขาก็ไม่อยากจะเสียเวลาด้วย
“ดันให้เธอดังขึ้นมาก็เพื่อจะเป็นการตบหน้ามู่หยาง” ลู่ซิงเฉิงพูดดูแคลน “เขาไม่ได้มีความสำคัญขนาดนั้น”
ดูเหมือนเวินซีจะมีความคิดเห็นบางอย่าง “ถ้าคุณไล่เธอออกก็เท่ากับเป็นการยอมรับว่าชิกแพ้ไม่เป็น สู้เลื่อนขั้นให้เธอจะดีกว่า”
เวินซีพูดจบก็ทำท่ายื่นริมฝีปากสีชมพูออกไปหาเขาเป็นการออดอ้อน “ขอแค่คุณยอมตกลง ฉันก็จะไปถ่ายโฆษณาบิกินีนั่นก็ได้”
สายตาลู่ซิงเฉิงกลอกไปมาเลิกคิ้วไปทางเธอ “คุณไม่ได้รู้สึกว่าเรตสูงเกินไปจนไม่อยากจะถ่ายไม่ใช่เหรอ”
เวินซีเลิกคิ้วเลียนแบบท่าทางของเขา “คุณบอกเองไม่ใช่เหรอว่าถ้าฉันยอมถ่าย ยอดลงโฆษณาเดือนถัดไปก็จะเพิ่มขึ้น ที่สำคัญ…” เธอพูดไปก็เข้ามาใกล้ลู่ซิงเฉิงอีกหน่อย “แฟนหนุ่มของฉันยังไม่ถือสา แล้วฉันจะไปถือสาอะไร”
ลู่ซิงเฉิงถอยหลังไปอย่างระแวดระวัง
เวินซีมองเขาด้วยสายตารังเกียจ
ท่าทางมองค้อนอย่างไร้ความรู้สึกแบบนี้ทำให้ลู่ซิงเฉิงรู้สึกสบายใจ พูดอย่างสบายๆ ว่า “ถ้าอย่างนั้นก็ตกลงตามนี้ ตอนบ่ายผมจะให้แดลี่ไปคุยเรื่องราคา จะว่าไปทำไมคุณถึงช่วยพูดให้ยายนั่น”
“ไม่” เวินซีพูดด้วยท่าทางสง่างาม “ฉันแค่เกลียดมู่หยาง”
คำตอบนี้ดูสมเหตุสมผล ลู่ซิงเฉิงเผยรอยยิ้มที่หายไปนานออกมา ทั้งอบอุ่นสดใสเต็มไปด้วยความอ่อนโยน “ได้ ตกลง”
คนในแผนกออกแบบไม่ได้โกรธถงเสี่ยวโยวที่ทำให้นิตยสารขายหน้า กลับกันทุกคนกลับแสดงความเสียใจและรู้สึกอาลัยที่เธอจะถูกไล่ออก
“ถงเสี่ยวโยวไปแล้ว ต่อไปเราจะต้องไปรับอาหารที่สั่งมากันเองใช่ไหม”
“แล้วใครจะเปลี่ยนถังน้ำดื่มล่ะ ผู้ชายในแผนกออกแบบสิบคนเป็นเกย์ที่ไม่มีแรงจับไก่เลยสักคน”
“แล้วผ้าที่ฉันเอามาเมื่อวาน ใครจะเป็นคนขนย้ายเข้าไปในโกดังล่ะ”
ถงเสี่ยวโยวคิดว่าจะมีตัวเองหรือไม่มีก็ได้ ที่แท้เธอก็มีความสำคัญขนาดนี้ ไม่เสียทีที่ทำงานที่นี่
แดลี่เดินเข้ามาที่แผนกออกแบบขณะที่บรรยากาศเต็มไปด้วยความโศกเศร้า นิ้วที่เรียวยาวของเขาคีบซองจดหมายสีขาวไว้หนึ่งซอง ถงเสี่ยวโยวรู้ว่าข้างในก็คือจดหมายแจ้งให้เธอออกจากงาน
“ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ถงเสี่ยวโยวออกจากแผนกออกแบบ” แดลี่ประกาศทีละคำอย่างชัดเจนด้วยน้ำเสียงสงบนิ่ง “ไปทำงานที่ออฟฟิศของ บ.ก.”
“หา!”