ถงเสี่ยวโยวขอเบอร์บรรณาธิการหนังสือพิมพ์แฟชั่นรายสัปดาห์จากแดลี่ เธอโทรไปเพื่อจะสอบถามหาความจริง แต่กลับได้รับคำตอบที่ทำให้งงขึ้นไปอีก “พวกเราได้จดหมายแนะนำกับต้นฉบับตอนกลางดึก รู้สึกว่าเป็นงานที่ดีมากจึงลงตีพิมพ์”
ดึกดื่นเที่ยงคืนไม่หลับไม่นอนกลับส่งต้นฉบับไปให้สำนักพิมพ์ นี่มันแม่นางหอยโข่งกลับชาติมาเกิดชัดๆ แต่ถ้าว่ากันตามประสบการณ์อันโหดร้ายที่ผ่านมาของเธอ เรื่องดีๆ แบบนี้มักจะให้ผลในทางตรงกันข้ามที่รุนแรงเสมอ ดังนั้นถงเสี่ยวโยวจึงสงบนิ่งกับเรื่องนี้ ยิ่งไปกว่านั้นในตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาถกเถียงกันเรื่องนี้ เธอต้องลาออกก่อน ออกจากที่นี่อย่างมั่นใจและไม่ลังเลแม้แต่น้อย
จดหมายลาออกได้เขียนไว้เรียบร้อยแล้ว ถงเสี่ยวโยวเชิดหน้าเดินเข้าไปในห้องทำงานของ บ.ก. ลู่ซิงเฉิงที่อยู่ในห้องทำงานมีสีหน้าไม่สนใจ แต่แดลี่กลับมีสีหน้าที่หวั่นวิตก ดูเหมือนกำลังถกกันเรื่องลู่เริ่น
ถงเสี่ยวโยวสูดหายใจลึก เดินขึ้นไปข้างหน้าวางจดหมายลาออกลง
ลู่ซิงเฉิงปรายตามองเล็กน้อย “นี่อะไร”
แดลี่ไม่เสียทีที่เป็นผู้ช่วยมืออาชีพ รีบขึ้นมาตอบทันทีว่า “บ.ก. จดหมายลาออกครับ”
“คิดว่าผมอ่านหนังสือไม่ออก?” ลู่ซิงเฉิงย้อนถาม
แดลี่นิ่งไปในทันที ถงเสี่ยวโยวเดินไปข้างหน้าพร้อมกับพูดอย่างเป็นงานเป็นการ “นี่เป็นจดหมายลาออกของฉัน ฉันต้องการลาออกจากชิก”
ลู่ซิงเฉิงไม่ได้มองดูจดหมายลาออก แต่กลับมองไปที่ถงเสี่ยวโยว เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่สงบนิ่งราบเรียบ “เหตุผล?”
ในครั้งนี้ถงเสี่ยวโยวรวบรวมความพยายามขึ้นมาอย่างเต็มที่ “เพราะคุณ”
จริงสิ ทุกอย่างเป็นเพราะเขา หากต้องการตุ๋นซุปไก่สักถ้วย ก็เป็นลู่ซิงเฉิงที่ให้โอกาสเธอเห็นทุกอย่างได้อย่างชัดเจน แต่ความเป็นจริงก็คือเขาไม่เคยสนใจเธอเลยสักนิด เพียงเพราะเขาไม่อาจจะไล่เธอออกได้จึงใช้เธอไปทำร้ายศัตรูของตัวเอง การกระทำทุกอย่างของเขาไม่เคยคิดถึงเธอแม้แต่น้อย ซึ่งแน่นอนว่าก็ไม่ว่าจะดีหรือไม่ดี ซุปไก่ถ้วยนี้ตุ๋นยังไงก็เต็มไปด้วยพิษร้าย
ลู่ซิงเฉิงยื่นมือไปดึงจดหมายลาออกมาแล้วโยนไปให้แดลี่ “ฉันอนุมัติ”
แดลี่มองไปที่ถงเสี่ยวโยวแล้วก็มองไปที่ลู่ซิงเฉิงอย่างไม่อยากจะเชื่อ ถงเสี่ยวโยวแสบจมูกขึ้นมาเล็กน้อย แต่ก็ยังคงโค้งคำนับให้ลู่ซิงเฉิงอย่างสุภาพ
แดลี่อดที่จะถามถงเสี่ยวโยวไม่ได้ “วันนี้เธอเพิ่งขึ้นหน้าหนึ่ง ตอนนี้ได้รับความสนใจอย่างมาก เธอลาออกเป็น…”
“เป็นความสูญเสียของนิตยสารอย่างนั้นเหรอ” ลู่ซิงเฉิงพูดตัดบทคำพูดของแดลี่ “รอให้เธอมีความสามารถ ฉันค่อยเสียใจก็ยังไม่สาย”
ถงเสี่ยวโยวกัดปาก “บ.ก. เพราะคุณวางแผนเอาไว้แล้ว บนโลกนี้ก็ไม่มีเรื่องอะไรที่คุณจะต้องเสียใจหรอก” เธอพูดแล้วก็หยุดชะงัก “มีบางเรื่องที่ถึงแม้คุณยังไม่รู้ แต่นั่นคงเป็นเพราะดวงดีของคุณที่ทำให้เรื่องร้ายกลายเป็นดีได้”
พูดจบเธอก็หันหลังเดินออกจากห้องทำงานไป
แดลี่ทั้งงุนงงและประหลาดใจ “ไม่รู้เรื่องที่เธอพูดหมายถึงอะไรล่ะ เอ๋ ทำไมกลิ่นเหล้าที่ตัวเธอกับของ บ.ก. เหมือนกันเลยล่ะ”
“การลาออกของผู้ช่วยตัวเล็กๆ ก็ต้องยกขึ้นมาถกกันตั้งแต่เมื่อไหร่” ลู่ซิงเฉิงตัดบทเรื่องนี้อย่างเด็ดขาด “เส้นประสาทเส้นไหนของลู่เริ่นผิดปกติถึงได้มาหาเรื่องฉันได้”
แดลี่แอบสังเกตสีหน้าของเขาอย่างระมัดระวังแล้วก็พูดอย่างอ้ำอึ้งๆ “น่าจะเป็นเพราะคำพูดเล็กๆ ที่ลู่เหยียนจือพูดกับคุณเมื่อคืน ลู่เริ่นถึงได้…”
“เหอะๆ” เขาหัวเราะประชดประชันอย่างไม่แคร์อะไร สายตาแหลมคมและเย็นชา “เขาก็ปกป้องลูกชายดีจริงๆ”
“จะติดต่อลู่เหยียนจือไหมครับ” แดลี่เสนอวิธีที่เป็นไปได้
เสียง ‘ปัง’ ดังขึ้น ลู่ซิงเฉิงตบฝ่ามือลงบนโต๊ะทำงาน สั่นสะเทือนจนกระบอกใส่ปากกาล้มลง
อากาศโดยรอบแข็งตัวไปสามวินาที
คิ้วซ้ายของลู่ซิงเฉิงกระตุกแล้วก็ขมวดเข้าหากัน แดลี่ก้มหน้ามองดูก็ถึงกับหน้าเปลี่ยนสี “บ.ก. คุณตบโดนเครื่องตัดกระดาษ”
ลู่ซิงเฉิงสมกับเป็นวัยรุ่น มีพละกำลังและเลือดลมเดินดี ตบลงไปครั้งหนึ่งเลือดก็ไหลออกมาเป็นทาง