บทที่ 5 คุณไม่เหมือนที่เขาพูดกันเลย
ที่สถาบันมีเชฟขนมหวานอยู่หลายคน แต่เชฟขนมหวานที่มีคุณสมบัติเพียงพอจะสอนคาบเรียนสาธิตมีแค่หกคนเท่านั้น
นอกจากมิสเตอร์เอ็มโอเอฟแล้ว ยังมีเชฟปากกว้างที่ปากกว้างมากๆ เชฟคุณปู่แอ๊บแบ๊วที่มักจะหัวเราะเฮฮาอยู่เสมอ ราชามะกอกที่หน้าตาเหมือนมะกอกแล้วยังชื่อมะกอกอีก ปรมาจารย์แห่งความล้มเหลวผู้ไม่เคยทำตาแต็ง แอปเปิ้ลได้ดีเลยสักครั้ง ยังมีเชฟดีเจที่อารมณ์ร้าย มักจะอารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ อยู่บ่อยๆ พวกเราผู้ช่วยสอนทำขนมหวานจะสลับเปลี่ยนกันไปเป็นผู้ช่วยในคาบเรียนของพวกเขา
เชฟในสถาบันล้วนมีนิสัยแตกต่างกัน วิธีสอนจึงแตกต่างกันไปด้วย
เวลาเชฟแต่ละคนเข้าสอนก็จะมีนิสัยที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว อย่างเช่นเชฟปากกว้าง ที่ผู้ช่วยสอนจะต้องเตรียมผ้าไว้ให้เขาเช็ดเหงื่อ เพราะเขาเป็นคนเหงื่อออกง่าย อ้อ…จริงสิ พวกเขาค่อนข้างลำเอียงรักใคร่ชาวเกาหลี เพราะฉะนั้นในสถาบันจึงมีผู้ช่วยสอนชาวเกาหลีมากเป็นพิเศษ
ราชามะกอกไม่เพียงแต่เป็นโรคย้ำคิดย้ำทำเท่านั้น แต่ยังอารมณ์แปรปรวนด้วย พวกเราต้องคอยปลอบโยนอารมณ์ที่ไม่คงที่ของเขาอยู่ตลอด จะว่าไปเขาเองก็ราศีกันย์เหมือนกัน…แต่ดูแล้วน่าจะเป็นราศีกันย์ตัวปลอมแน่ๆ เลย
ถ้าเข้าสอนกับเชฟดีเจ ผู้ช่วยสอนจำเป็นจะต้องเตรียมตัวให้พร้อมตลอดเวลาเพื่อฟังคำสั่งของเขา ต้องออกกำลังกายเดินขึ้นไปชั้นบนเพื่อหยิบของบ่อยๆ เพราะเขาไม่เคยบอกล่วงหน้าว่าต้องการอะไร ส่วนที่เรียกเขาว่าเชฟดีเจก็เพราะว่าเขาทำอาชีพหลักเป็นดีเจอยู่ที่คลับ ดีเจเป็นอาชีพหลัก…แล้วเชฟขนมหวานนี่เป็นอาชีพรองงั้นเหรอ ก็ใช่น่ะสิ…เขาเป็นคนพูดแบบนี้กับคนอื่นเองนะ ไม่ได้ผิดพลาดตรงไหนสักหน่อย
ชายชราใจดีอย่างเชฟคุณปู่แอ๊บแบ๊วมักจะชอบทำเค้กจำนวนมากในคาบเรียนสาธิตทุกครั้ง เพราะเป็นห่วงว่านักเรียนจะไม่พอกิน ถ้าสุดท้ายเหลือเยอะเขาก็จะให้ผู้ช่วยสอนของแต่ละห้องเรียนเอากลับไปด้วย เชฟคุณปู่แอ๊บแบ๊วเคยมีวีรกรรมอันยิ่งใหญ่อย่างหนึ่งนั่นคือการทำเค้กเจ็ดก้อนเพื่อนักเรียนสี่สิบสองคน อืม…นักเรียนทุกคนแบ่งกันไปคนละหนึ่งชิ้นใหญ่ๆ แต่ก็ยังเหลืออยู่อีก ผู้ช่วยและล่ามแต่ละคนก็แบ่งกันไปแล้วแต่ยังเหลือเค้กที่ไม่มีใครเอาอยู่อีกหนึ่งก้อน จึงทำได้เพียงเพิ่มให้เป็นอาหารกลางวันกับห้องครัวที่ชั้นล่าง
ตรงกันข้าม มิสเตอร์เอ็มโอเอฟน่ะ…ฉันไม่รู้ว่าควรจะบอกว่าเขาเป็นพวกเอาง่ายเข้าว่าหรือว่าขี้เกียจดี เขาคิดว่าคาบเรียนสาธิตก็คือการสาธิต ผลงานที่ทำออกมาแค่ให้ชิมรสชาติก็เพียงพอแล้ว ถ้านักเรียนอยากกินให้ไปทำกันเอาเองในคาบเรียนปฏิบัติ แต่ก็มีเหตุผลจะตายนี่ ไม่มีช่องทางให้ตอบโต้เลยไม่ใช่หรอกเหรอ
จำได้ว่าครั้งแรกที่ฉันเข้าสอนพร้อมมิสเตอร์เอ็มโอเอฟก็มีนักเรียนสี่สิบสองคนเหมือนกัน เขาเอาแต่ใจถึงขั้นเตรียมวัตถุดิบไว้สำหรับเค้กแค่สองก้อนเท่านั้น อืม…ฉันเองก็ไม่รู้ว่าจะแบ่งยังไงดี ตอนที่อยากขอความช่วยเหลือจากมิสเตอร์เอ็มโอเอฟ หวังว่าเขาจะถ่ายทอดเวทมนตร์การแบ่งเค้กให้ แต่สุดท้ายมองไปทั้งห้องเรียนกลับไม่มีแม้กระทั่งเงาของเขา…เขาออกไปแล้ว
ก่อนที่จะเข้าสอนกับมิสเตอร์เอ็มโอเอฟเป็นครั้งที่สอง ฉันได้เล่าสถานการณ์ให้เขารับรู้ แต่เขากลับยืนยันว่าจะไม่เพิ่มปริมาณวัตถุดิบในการสาธิต หลังจากนั้นก็ดึงดันจะใช้ปริมาณวัตถุดิบสำหรับทำเค้กสองก้อนมาทำเค้กสามก้อน เชฟของฉันช่างเก่งกาจเหลือเกิน! เยี่ยมไปเลย แต่ก็ยังไม่พอให้นักเรียนแบ่งกันอยู่ดีค่ะ ทำอีกก้อนได้หรือเปล่าล่ะ แค่อีกก้อนเดียว…นี่ อย่าเพิ่งไปสิคะ!