แต่ก็ไม่อยากบอกเขาว่าเป็นเพราะฉันรู้สึกว่าค่าตัดผมที่ปารีสแพงมาก ถึงได้ปล่อยให้ผมยาวมาจนถึงตอนนี้
แฮราที่ไม่ได้อยู่ในสายตาของฉันส่งสายตาพิจารณาเราทั้งคู่แล้วเอ่ยขึ้นว่า ‘ไว้ผมยาวสะดวกกว่านะ สวมหมวกก็น่ามอง ไม่ต้องไปตัดบ่อยๆ ด้วย’
‘ก็จริง แล้วตอนนี้คุณทำงานอยู่ในห้องครัว’ มิสเตอร์เอ็มโอเอฟพยักหน้าแสดงออกว่าเห็นด้วย ‘อีกอย่างผู้หญิงไว้ผมยาวจะดูดีกว่า แต่ดีที่สุดก็ต้องดัดลอน…อืม สักนิดหน่อย’
คนพูดอาจจะไม่ได้คิดอะไร แต่คนฟังคิดนี่นา…
ดังนั้นหลังกินเฝอเส้นหมี่เวียดนามชามนี้เสร็จแล้ว ฉันจะไปดัดผมลอน!
“เจ้าของร้านคะ ฉันจะเปลี่ยนเป็นมะนาว ไม่เอาเลมอนแล้วค่ะ!”
สถาบันวางแผนว่าจะอัพเดตรายการอาหารให้กับนักเรียนระดับสูงใหม่ หลังจากที่บรรดาเชฟปรึกษาหารือกันแล้วก็ตัดสินใจว่าจะทำเค้กมูสรสลิ้นจี่ เมื่อนำลิ้นจี่บดแช่แข็งซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักที่ร้านค้าส่งให้มาละลายจนกลายเป็นน้ำลิ้นจี่แล้ว มิสเตอร์เอ็มโอเอฟก็ผสมไวท์ช็อกโกแลตกับเนยลงไป ทว่าหลังจากเขาผสมทุกอย่างเรียบร้อยกลับหารสชาติของลิ้นจี่ไม่เจอเลยสักนิดเดียว
มิสเตอร์เอ็มโอเอฟจึงต้องทดลองปรับปริมาณของลิ้นจี่บดแช่แข็งเพื่อจะได้รสชาติของลิ้นจี่เข้มขึ้น
เพียงครู่เดียวเท่านั้นกล่องลิ้นจี่บดแช่แข็งในห้องครัวเล็กชั้นสามก็กองเป็นภูเขาขนาดย่อม
ฉันเข้าไปในห้องเรียนเพื่อหยิบไข่ไก่ จากนั้นก็เดินผ่านเขาไป มิสเตอร์เอ็มโอเอฟเห็นเข้าก็บอกกับฉันว่าเขาต้องการไข่ไก่สองฟองพร้อมเอื้อมมือออกมารับไว้ แต่กลับบังเอิญแตะเข้าที่หน้าอกของฉันโดยไม่ได้ตั้งใจ
“ขอโทษนะซูอี้” มิสเตอร์เอ็มโอเอฟดูกระอักกระอ่วนมาก เขารีบหดมือกลับไปทันที “ผมไม่ได้ตั้งใจ”
“ค่ะ…ไม่เป็นไร” ฉันเม้มปากยิ้มออกมา “คุณอยากได้ไข่ไก่อีกหรือเปล่าคะ”
“นั่นน่ะ…เอาสิ” ท่าทางของมิสเตอร์เอ็มโอเอฟดูไม่ค่อยเป็นธรรมชาติสักเท่าไหร่ “คุณวางไว้ให้ผมบนโต๊ะแล้วกัน ขอบคุณนะ”
น่าสนใจดีนี่…น่าสนใจ รายงานการวิจัยมิสเตอร์เอ็มโอเอฟวันนี้มีเรื่องใหม่ให้เขียนอีกแล้ว
จากนั้นมิสเตอร์เอ็มโอเอฟก็ให้เค้กที่เขาทำกับฉันด้วย พูดตามตรงว่ามันธรรมดาแบบสุดๆ รสชาติลิ้นจี่ยังคงไม่เข้มข้นเหมือนเดิม ตัวมูสนอกจากหวานแล้วก็ยังหวานได้อีก เรียกได้ว่าสิ้นเปลืองลิ้นจี่บดแช่แข็งไปเปล่าๆ เป็นจำนวนมาก ว่าแต่ทำไมเขาถึงไม่ทำมูสชาเขียวแล้วเปลี่ยนเอาลิ้นจี่ไปทำเป็นไส้แทนล่ะ
แต่คิดมากไปก็ไม่ได้ช่วยอะไร เพราะไม่มีใครถามความคิดเห็นของฉันสักหน่อย…