เช้าวันต่อมาเสิ่นเสี่ยอี้ได้รับโทรศัพท์
“เสี่ยอี้ ผมเอง เที่ยงวันนี้ว่างหรือเปล่า”
เสียงชายหนุ่มที่ไม่ได้รายงานชื่อตัวเองทำให้เสิ่นเสี่ยอี้กลัดกลุ้มใจอยู่เป็นนานสองนานกว่าเธอจะฟังออกว่าเป็นหยางวั่งเจี๋ย ระยะนี้อีกฝ่ายไปทำงานนอกสถานที่ ไม่ได้พบกันหลายวัน เธอจึงเกือบจะจำไม่ได้แล้ว
“ตอนนี้ฉันอยู่เมือง B เพิ่งมาถึงเมื่อตอนเที่ยง มีอะไรหรือเปล่า”
“เพื่อนผมแต่งงาน ก็เลยอยากจะเชิญคุณไปเป็นคู่ควงน่ะ งั้นผมขับรถไปรับคุณที่เมือง B เลยนะ”
“ไม่ต้องหรอก ฉันนั่งรถไปเองได้ คุณรอฉันอยู่ตรงทางขึ้นทางด่วนก็แล้วกันนะ” ความเอาใจใส่มากมายยากจะบอกปัดไป เธอจึงทำได้เพียงไปตามนัด
จากการแนะนำของหยางวั่งเจี๋ย เจ้าบ่าวมีชื่อว่าอิ่นเซียว เป็นเพื่อนสมัยเรียนของเขา ครอบครัวมีชื่อเสียงในวงการอสังหาริมทรัพย์อยู่บ้าง เมื่อเสิ่นเสี่ยอี้ไปเห็นงานแต่งก็พบว่างานนี้หรูหราไม่ใช่เล่นจริงๆ เสิ่นเสี่ยอี้พลันรู้สึกเสียใจทีหลังที่เธอเดินทางมาอย่างยากลำบากแล้วยังสวมเสื้อผ้าไม่เป็นทางการแบบนี้ ตอนที่พวกเขามาถึงงานก็ใกล้จะถึงฤกษ์มงคลเต็มที โต๊ะด้านหลังล้วนมีคนนั่งเต็มหมดแล้ว เจ้าบ่าวมาดึงตัวหยางวั่งเจี๋ยให้เขาไปเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวเบอร์สองคอยช่วยงาน ทิ้งเสิ่นเสี่ยอี้ไว้คนเดียว ทั้งยังจัดให้เธอนั่งโต๊ะแถวหน้าสำหรับแขกคนสำคัญอีกด้วย
พอเสิ่นเสี่ยอี้นั่งลงแล้วก็อดไม่ได้ที่จะตื่นตะลึง จากกันแล้วมีหรือจะไม่พบกันอีก ที่แท้คนที่อยู่ข้างๆ เธอก็ไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นลี่เจ๋อเหลียงนั่นเอง
“นักธุรกิจชาวต่างชาติที่ซื้อที่ดิน C-19 คราวก่อนได้ยินว่าเมื่อก่อนทำพลาสติกล่ะ”
“เหยียบท้องนาไม่ทันคุ้นเคยก็อยากจะเป็นราชา* ซะแล้ว”
“เขาล้มหกคะเมนก็ถึงเวลาที่คนแก่อย่างคุณจะหัวเราะไม่ใช่หรือไง”
นักธุรกิจเต็มโต๊ะดำเนินหัวข้อสนทนาก่อนหน้านี้ของพวกเขาต่อไป เสิ่นเสี่ยอี้ฟังอย่างไม่ได้ใส่ใจ ก็แค่ ‘คนหัวล้าน’ ไม่กี่คนกับ ‘คนขี้เหล้า’ ไม่กี่คนกำลังหารือกันเรื่องปัญหาเงินทองอันแสนชั่วช้า
ส่วนลี่เจ๋อเหลียงดูเหมือนจะค่อนข้างชื่นชอบหัวข้อสนทนาเหล่านี้ แม้ว่าเขาจะไม่ได้พูดแทรกเรื่อยเปื่อย แต่ก็คอยฟังอย่างได้อรรถรส แน่นอนว่าด้วยความสามารถของลี่เจ๋อเหลียง ต่อให้แสร้งเผยสีหน้าร่วมครื้นเครงไปอย่างนั้นก็ยังได้ถึงเก้าจุดเก้าคะแนน ที่หายไปศูนย์จุดหนึ่งเป็นเพราะเขายิ้มได้หล่อเหลาเกินไป เป็นนักแสดงในกลุ่มคนหน้าตาดีก็ต้องหัดถ่อมตัวเรื่องฝีมือการแสดงเอาไว้บ้าง ไม่อย่างนั้นจะปล่อยให้กลุ่มคนที่อาศัยความสามารถหมดทางทำกินหรืออย่างไร
เสิ่นเสี่ยอี้ลอบชำเลืองมองเขา
ก่อนหน้านี้เธอและเสี่ยวหลินหารือกันถึงปัญหาหนึ่งว่าตอนที่ลี่เจ๋อเหลียงไม่ยิ้มดูเหมือนมีลมหนาวพัดมาจากด้านหลังเป็นระลอกๆ
‘หรือว่าพอยิ้มขึ้นมาแล้วจะเปลี่ยนเป็นสายลมในฤดูใบไม้ผลิ?’ ตอนนั้นเสิ่นเสี่ยอี้รู้สึกประหลาดใจ
‘ใครว่า เขายิ้มแล้วจะเป็นระลอกลมหนาวต่างหากล่ะ’