Little Man ชั่วโมงบินน้อยแต่มีรักเต็มร้อยให้คุณ
ทดลองอ่าน Little Man ชั่วโมงบินน้อยแต่มีรักเต็มร้อยให้คุณ บทที่ 3
เหมือนเป็นโลกจำลองอวกาศแห่งหนึ่ง
เฝิงจื่อหยางดูด้วยความสนอกสนใจอย่างยิ่ง “ห้องโดยสารจำลองนี่สร้างได้ดีเชียวล่ะ เธอดูสิ แม้แต่รายละเอียดของอุปทานด้านสภาพนิเวศทางน้ำแบบสมมติก็ทำออกมาด้วย สวยมากเลยใช่ไหม”
ชูหนิงไม่ได้สนใจเลย “เหมือนกรงนกพลาสติก” ไม่เห็นว่าจะมีอะไรสวยตรงไหนเลย
“โอ้โห!! บินได้ด้วย!”
เฝิงจื่อหยางอุทานด้วยความตกตะลึงไปพร้อมๆ กับคนส่วนใหญ่ที่อยู่ในที่นั้น
ชูหนิงหมดคำจะพูดจริงๆ แล้วคิดว่าเหลวไหลสิ้นดี ถ้าบินไม่ได้ แล้วยังจะเรียกว่าเครื่องบินไหม
“นี่เป็นสภาพแวดล้อมแบบจำลองอวกาศ สามารถทดสอบการบินได้สำเร็จในสภาพแวดล้อมแบบนี้ก็ไม่ใช่เรื่องกล้วยๆ เลยล่ะ” เฝิงจื่อหยางชื่นชม “เจ๋งจริงๆ”
เจ๋งกับผี
ชูหนิงง่วงอยากนอน
เสียงของพิธีกรปลุกสติเธอให้ตื่นนิดหน่อย “กลุ่มที่หก สาขาเอกเครื่องยนต์อากาศยาน”
มีเสียงปรบมือดังนำขึ้นมาทันทีจากพื้นที่รับชมบางแห่ง ท่าทางคงจะเป็นกองหนุน ชูหนิงเงยหน้าขึ้น เหลือบตามองบนเวทีนิดหนึ่ง ผู้ชายชุดขาวเดินขึ้นมาก่อน เขาโค้งตัวให้อธิการบดีของมหาวิทยาลัยและคณะกรรมการตัดสินก่อนเป็นอันดับแรก จากนั้นก็เดินไม่กี่ก้าวไปตรงกลางเวที โค้งคำนับให้แก่ผู้ชม
สายตาชูหนิงมองดูเขาอยู่สองรอบ อาการง่วงเหงาหาวนอนหายเป็นปลิดทิ้ง
อุ๊ย เขาอีกแล้วเหรอ
ความรู้สึกเช่นนี้เหมือนเป็นความรู้สึกประหลาดใจที่จู่ๆ ก็มีคนมาเคาะประตูเยี่ยมเยียนในภาวะที่รู้สึกเบื่อหน่ายสุดๆ แล้วก็เหมือนเป็นโบนัสพิเศษที่แถมไว้ในตอนท้ายของภาพยนตร์ที่น่าเบื่อไม่น่าสนใจ ทำให้คนดูเซอร์ไพรส์
ชูหนิงหรี่ตาสองข้างลง เอามือสองข้างกอดอกไว้ นั่งตัวตรงขึ้นมาหน่อย
เสียงปรบมือในที่นี้ดังลั่น จากนั้นก็ค่อยๆ เบาเสียงลง แล้วจึงเงียบสงบ
อิ๋งจิ่งก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว ชูมือขวาขึ้นส่งสัญญาณบอก ฉีอวี้ที่อยู่ข้างล่างเวทีคอยช่วยเหลือ กดปุ่มแผงวงจรเริ่มงานตามขั้นตอนที่กำหนดไว้ ส่วนอิ๋งจิ่งเดินไปที่หน้าแท่นควบคุม ดึงด้ามจับคันโยกไปข้างหลังสุดแรง
เครื่องบินจำลองที่จอดอยู่ตรงกลางลานเกิดเสียงดังหึ่งๆ หลังจากลอยขึ้นไปถึงความสูงครึ่งเมตรแล้วก็ค่อยๆ หยุดพัก สุดท้ายก็บินขึ้นสู่อากาศเต็มกำลังในคราวเดียว
เฝิงจื่อหยางพูด “ทรงพลังใช้ได้”
ยากนักที่ชูหนิงจะเงียบไม่มีเสียงพูดแบบนี้
เครื่องบินบินเสร็จสิ้นครบตามเส้นทางที่กำหนด ทั้งยังพุ่งทะยานเป็นเส้นตรง เลี้ยวหักมุมแบบซัดโค้ง หมุนควงตัวยาน อิ๋งจิ่งมุ่งอยู่กับการออกคำสั่งบิน ปรับความเร็วรอบในการหมุนของเพลาใบพัด
ชูหนิงได้ยินเสียงดังกระหึ่มของเครื่องยนต์เครื่องบินวนเวียนทั่วในพื้นที่
ห้านาที
มีเสียงถกเถียงพูดคุยกันในสนาม
เจ็ดนาที
แล้วค่อยๆ มีเสียงปรบมือดังขึ้นมา
เฝิงจื่อหยางโน้มตัวไปข้างหน้า ลูบคางด้วยความสนใจอย่างยิ่ง “อยู่ได้นานขนาดนี้เชียว” เครื่องบินบินต่อเนื่องเป็นเวลาสิบนาทีแล้ว
“มันยากมากเหรอ” ชูหนิงถาม
“เครื่องบินจำลองทั่วไป เมื่อบินขึ้นหนึ่งครั้งจะไม่มีทางบินได้เกินห้านาที มิหนำซ้ำยังมีโอกาสทำให้เกิดการเผาไหม้เครื่องยนต์ได้มากในโปรเจ็กต์ปฏิบัติการการบิน” เฝิงจื่อหยางพลิกเปิดดูแผ่นพับโบรชัวร์ “ผู้ชายคนนี้ชื่อว่าอะไรนะ”
“ว้าว” เสียงร้องตกใจดังขึ้น
เห็นเพียงเครื่องบินสีเขียวมันแผล็บลำนั้นกำลังหยุดลอยค้างกลางอากาศตรงพื้นที่ทางด้านซ้าย ตัวเครื่องปลดช่องด้านลำตัวเครื่องทั้งสองข้างออก ลดหางเครื่องบินให้ต่ำลง และชูหัวเครื่องให้เชิดขึ้น เหมือนกำลังพยักหน้าทักทายกับผู้ชมอยู่
ทันใดนั้นริบบิ้นสีแดงสองแถวก็พุ่งออกมา บนริบบิ้นยังเขียนตัวอักษรสองบรรทัดว่า
‘เฉลิมฉลองอย่างอบอุ่นในความสำเร็จที่ลุล่วงไปด้วยดีสำหรับการแข่งขันประลองนวัตกรรมทางวิทยาศาสตร์ของมหาวิทยาลัยเรา!!’
เครื่องบินบินขึ้นเป็นแนวตั้งอีกครั้ง เร่งความเร็วบินวนรอบสนาม ริบบิ้นสีแดงหลากสีปลิวว่อน บรรดาอธิการบดีมหาวิทยาลัยแต่ละคนต่างยิ้มแย้มยินดี
แล้วเครื่องบินก็บินไปทางขวาที่มีผู้หญิงนั่งอยู่เยอะ ริบบิ้นตกลงมา เครื่องบินสีเขียวลำน้อยไม่อยู่เฉย ขยับส่ายก้นของตัวเอง
เสียงดังปัง! ฝูงชนร้องอุทานตกใจ “ว้าย!”
กลีบดอกไม้ที่อยู่เต็มทั้งห้องเครื่องหล่นกระจายลงมา กลีบดอกไม้โปรยลงมาบนเส้นผม บนใบหน้า และบนขาของสาวๆ เสียงหัวเราะคิกคักเหมือนกระดิ่งลมดังกังวาน ไม่อาจบดบังความสุขในจิตใจของสาวน้อยได้
เฝิงจื่อหยางสนุกจนเกือบลืมหายใจ “น่าสนใจ!”
บรรยากาศในสนามเกิดช่วงเวลาสำคัญขึ้นเป็นครั้งแรก
นี่เป็นความคิดสร้างสรรค์ที่แอบลอกเลียนแบบนางฟ้าโปรยดอกไม้* สินะ จ่ายค่าลิขสิทธิ์แล้วหรือยัง ชูหนิงคิด ใบหน้าผ่อนคลายโดยไม่รู้ตัว
อิ๋งจิ่งที่อยู่บนเวทีแตกต่างจากเมื่อครู่นี้ ไม่ได้มีท่าทีจริงจังอีกต่อไปแล้ว ดวงตาถูกขับด้วยแสงไฟจนทอแสงเป็นประกาย เครื่องบินยังบินขึ้นๆ ลงๆ ต่อไป บินวนไปสองรอบ จากนั้นก็บินตรงมาจากตรงกลางแล้วหยุดห่างไปสามเมตร หัวเครื่องอยู่ตรงข้ามกับเฝิงจื่อหยางพอดี
ฝูงชนกลั้นหายใจ
ตูมๆๆ!
ฉันจะยิงใส่แก!
จากนั้นเครื่องบินก็บินรอบเฝิงจื่อหยาง พลางฉีดพ่นหมอกห้าสีออกมาจากหางเครื่อง วาดเป็นวงกลมอันใหญ่ ล้อมเฝิงจื่อหยางเอาไว้ด้านใน
เสียงหัวเราะครืนทั้งสนาม
เฝิงจื่อหยางกลับหัวเราะแทนที่จะโมโห แถมยังชูนิ้วโป้งให้อิ๋งจิ่งด้วยความประทับใจ
“…”
ชูหนิงรู้สึกปลง มีปฏิสัมพันธ์โต้ตอบกับผู้ชมแบบนี้ โคตรจูนิเบียว* เลย ทำอะไรแหวกแนวชาวบ้านจริงๆ
ยังไม่ทันสิ้นสุดอาการปลง เครื่องบินสีเขียวลำน้อยที่ผงกหัวขึ้นลงอย่างเนิบนาบสบายๆ อยู่ดีๆ ก็หักเลี้ยวกะทันหัน หัวเครื่องมุ่งหน้ามาที่ชูหนิง
?!?!
เจ้าหนูจูนิเบียว แกจะทำอะไรยะ
ชูหนิงขมวดคิ้วเล็กน้อย เป็นฝ่ายมองดูตัวการที่ก่อปัญหาบนเวทีก่อน เครื่องอยู่ห่างออกไปราวหกเจ็ดเมตร ข้ามผ่านศีรษะของฝูงชนมากมาย อิ๋งจิ่งมองตอบสายตาสงสัยที่ต้องการคำตอบของเธออย่างโต้งๆ แบบไม่มีหมกเม็ด
เพียงสายตาสบประสานกัน ชูหนิงก็แน่ใจทันที
เขาจำเธอได้ ไอ้เจ้าเด็กบ้ามันจงใจนี่นา
ชูหนิงสีหน้าสุขุม ทั้งยังไม่ได้มีท่าทีลนลาน เธอเบนสายตาที่ทอดไปไกลกลับมาที่เดิม จ้องมองไปยังเครื่องบินที่เล็งเป้ามาที่เธอ พลางกำหมัดขวาอย่างเงียบเชียบ ถ้าแกกล้าบินมาล่ะก็ ฉันจะตบแกให้ถึงที่ตายเลย!
ปีกหมุนลดระดับลงเล็กน้อย ลดหางเครื่องให้ต่ำลง ตัวเครื่องสั่นไหว เหมือนกับกำลังเตรียมพร้อม
ชูหนิงแอบรวบรวมสั่งสมพลังกำปั้นเงียบๆ
ตูม! ตูม! เสียงดังขึ้นไม่กี่หน ของที่ยิงออกมามีลักษณะเป็นเม็ดๆ พวกมันกระทบที่ไหล่ของชูหนิงแล้วก็หล่นลงมาตกอยู่ระหว่างขาทั้งสองข้างของเธอ สิ้นชีพอย่างอาจหาญแถมกระเด็นกลาดเกลื่อนไปทั่ว
เป็นลูกอมรสนมวั่งไจ่** หน้าตาแจ่มใสเบิกบานราวห้าหกเม็ด
อิ๋งจิ่งหน้าตาสงบนิ่ง เขายิ้มอย่างบริสุทธิ์อบอุ่นให้เธออยู่บนเวที ในครั้งนี้สายตาคนทั้งสองสบประสานกันอยู่พักหนึ่ง
ชูหนิงละสายตากลับมาเสียเฉยๆ
เหอะ ลวดลายเยอะชะมัด
* สะพานซื่อฮุ่ย คือสะพานยกระดับขนาดใหญ่ที่ค่อนข้างมีเส้นทางซับซ้อน เชื่อมต่อกับเส้นทางหลายสายในกรุงปักกิ่ง เป็นหนึ่งในเขตพื้นที่ซึ่งมีการจราจรที่ค่อนข้างแออัดอย่างมาก
** อวี้ยวนถาน หนึ่งในสวนสาธารณะที่สำคัญในกรุงปักกิ่ง จุดชมวิวที่ขึ้นชื่อคือการไปชมดอกไม้ โดยเฉพาะดอกซากุระที่บานสะพรั่งในช่วงฤดูใบไม้ผลิ
*** เทเมล็ดถั่ว หมายถึงพูดโพล่งออกมาตรงๆ อย่างไม่มีกั๊กไว้
* ดาวอังคารชนโลก เปรียบเปรยว่าเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้นอย่างไม่คาดคิด หรือสองฝ่ายที่กินกันไม่ลงมาเจอกันอย่างยากที่จะพบเจอได้
* กาน้ำเต้าไม่พ่นควัน อุปมาถึงสภาพจิตใจที่มีความอึดอัดกลัดกลุ้ม อัดอั้นตันใจ เพราะยังไม่ได้ระบายอารมณ์ที่ขุ่นข้องหมองใจออกไป เหมือนกาน้ำที่เดือดแล้วแต่ไม่พ่นควัน
* ทำไมต้องถามไถ่ภูมิหลังที่มาของวีรบุรุษ หมายถึงไม่จำเป็นต้องซักถามในสิ่งที่ไม่ใช่สาระสำคัญ
* สอบเทียบเครื่องมือ หรือการคาลิเบรท คือการตรวจสอบวัดค่าความถูกต้องแม่นยำของเครื่องมือให้ตรงตามค่ามาตรฐาน
* นางฟ้าโปรยดอกไม้ เป็นภาพเชิงสัญลักษณ์ที่มีนางฟ้าโปรยดอกไม้จากฟ้าลงสู่ดิน เปรียบเป็นการโปรยพรมความสุขลงมา
* จูนิเบียว หรือโรคเด็ก ม.2 หมายถึงเด็กที่มีพฤติกรรมแสดงออกที่แหวกแนวแตกต่างจากคนทั่วไป มีหลายลักษณะ ทั้งอาการหลงผิดคิดเอาเอง หรือต้องการเป็นที่โดดเด่น มีความพิเศษกว่าคนปกติ หรือสร้างตัวตนตามอุดมคติให้ตัวเองเป็นที่จับตามอง
** ลูกอมรสนมวั่งไจ๋ คือชื่อยี่ห้อลูกอมรสนมของจีน ห่อสีแดง มีโลโก้เป็นรูปเด็กยิ้ม
ติดตามตอนต่อไปวันที่ 7 พ.ย. 65 เวลา 12.00 น.