บทที่ 4
บรรยากาศดีมาก ช่างเป็นความแตกต่างที่โดดเด่นในการแข่งขันเชิงเทคนิคแบบนี้จริงๆ
เฝิงจื่อหยางกลับพูดว่า “เขาคว้าตำแหน่งไม่ได้หรอก”
ชูหนิงถาม “ทำไมล่ะ”
“แฟนซีเกินไปไง อธิการบดีของมหา’ลัยตามไม่ทันความล้ำสมัยแบบนี้หรอก”
“ไม่ใช่เป็นเพราะว่าทึ่มนิดๆ หรอกเหรอ” ชูหนิงพูดตรงไปตรงมา
“ทึ่มเหรอ” เฝิงจื่อหยางส่งเสียงพูดออกมาอย่างเบิกบาน “การปรับตั้งค่าเครื่องยนต์ของเขานี่ดีมากเชียวล่ะ เธอดูสิ สิบห้านาทีเข้าไปแล้ว ยังไม่มีเสียงกระชากติดขัดเลย”
พูดลึกไปแล้ว ชูหนิงเองก็ฟังไม่เข้าใจ
เธอแกะลูกอมออกมาหนึ่งเม็ด รสหอมนมฟุ้งเต็มปาก
สุดท้ายก็เป็นแบบที่เฝิงจื่อหยางพูดจริงๆ สามอันดับแรกถูกสาขาเอกการออกแบบอากาศยานและสาขาเอกวิทยาการคอมพิวเตอร์แบ่งเอาไป คะแนนของอิ๋งจิ่งอยู่ตรงกลางไม่มีเขยื้อนแบบนี้มาทุกปีจนเคยชินนานแล้ว
พอออกมาจากโรงยิม แสงตะวันก็โอบเต็มอ้อมกอด
ทางซ้ายเป็นสนามบาสเกตบอล คนเป็นสิบรวมตัวกันเป็นแถวยาว เงาร่างคล่องแคล่ววิ่งขวักไขว่ไปมา ส่วนทางขวาเป็นเขตหอพัก ปริมาณผู้คนล้วนหลั่งไหลไปทางนั้น ด้วยความที่มหาวิทยาลัยภาควิชาวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมศาสตร์มีผู้ชายเยอะ นานๆ ทีจะมีผู้หญิงไม่กี่คนจูงมือเคียงไหล่ พูดจาหัวเราะคิกคักกันเดินมาบ้างเป็นครั้งคราว ในบรรดาหญิงสาวเหล่านั้นผู้ที่สวมใส่กระโปรงเป็นคนที่สะดุดตามากที่สุด ชายกระโปรงพลิ้วไหวเป็นลอนคลื่น
คงอยู่ห้องพักเดียวกัน ชูหนิงแอบคิดเอาเอง
จู่ๆ เฝิงจื่อหยางที่ปะปนอยู่ในหมู่คนก็หันหลังกลับมาถามว่า “ฉันเหมือนรุ่นพี่ไหม”
ชูหนิงมองเขาแวบหนึ่ง “อย่าดูถูกสติปัญญาของคนอื่นสิ”
เฝิงจื่อหยางไม่ได้มีท่าทีโมโห เอ่ยปลงเนิบๆ “ดีจังเลยนะวัยรุ่นเนี่ย”
“นั่นสิ ฉันนี่ดีจังน้า”
“…”
วันนี้ชูหนิงใส่ชุดเทรนช์โค้ตในสไตล์ที่เรียบง่าย เข้าคู่กันกับรองเท้าส้นสูง เธอยกมือขึ้นใส่แว่นกันแดด แวบแรกที่เห็น บุคลิกท่าทางของเธอเหมือนดาราฮ่องกงยุคเก่า
“ไปเดินเล่นแถวมหา’ลัยเป็นเพื่อนฉันหน่อย” เฝิงจื่อหยางพูด
“ไม่มีเวลา มีเรื่องต้องจัดการที่บริษัท”
ชูหนิงปฏิเสธ ในมือยังถือลูกอมรสนมไม่กี่เม็ดนั้นอยู่ ขณะเตรียมตัวที่จะไปเอารถ พอหันกลับไปก็เห็นผู้ชายเป็นแถวกำลังลงบันไดที่ตรงปากประตูทางเข้าโรงยิม และตรงกลางในกลุ่มนั้นคืออิ๋งจิ่ง
เขาถอดเสื้อคลุมตัวนอกออก ใส่เพียงเสื้อฮู้ดตัวหนึ่งแบบหลวมๆ มือสองข้างกอดอกอย่างเกียจคร้านเฉื่อยแฉะ ท่าทางแบบนี้ทำให้ปกคอเสื้อที่แต่เดิมก็อ้ากว้างอยู่แล้วยิ่งเผยอกว้างมากขึ้น ปรากฏส่วนโค้งเว้าของกระดูกไหปลาร้าทางซ้ายออกมาอย่างชัดเจน
ผิวค่อนข้างขาวเชียว
ชูหนิงละสายตาไปมองเล็กน้อย พบว่าเขาก็กำลังจ้องมองตนเองอยู่เช่นกัน
ชูหนิงกำลังอมลูกอมรสนมอยู่ในปาก แก้มสองข้างขยับตามแรงเคี้ยวน้อยๆ หน้าตาไร้อารมณ์
“แกเองก็อยู่ดีไม่ว่าดีมากเกินไปมั้ง! ศาสตราจารย์ลี่หน้าตาถมึงทึงอยู่ข้างล่างเวทีแล้ว!”
เพื่อนนักเรียนคนหนึ่งเกาะอิ๋งจิ่งอยู่ ที่เหลือไม่กี่คนก็เอามือโอบหลังพาดไหล่กันอย่างสนิทสนม
“แล้วแกยังโปรยกลีบดอกไม้อีก แมนแท้ๆ อย่างดาร์กเลยว่ะ”
“จางไหวอวี้มองนายสายตาเป็นประกายเลยล่ะ ฮ่าๆๆ”
เรื่องซุบซิบในรั้วมหาวิทยาลัยแบบนี้ เหมือนทั้งคุ้นเคยแต่ก็ยังไม่คุ้นเคย เมื่อเดินเฉียดไหล่สวนกัน อิ๋งจิ่งยิ้มให้เฝิงจื่อหยาง ทั้งสองคนล้วนมีความประทับใจต่อกัน ชูหนิงยัดลูกอมรสนมในอุ้งมือใส่ในกระเป๋าเสื้อโค้ตตัวนอก พลอยถือโอกาสมองเงาหลังของเหล่าวัยรุ่นที่เดินห่างออกไปอีกครั้ง
แสงตะวันยามฟ้าครามสดใส สว่างเจิดจ้าเกินไปจนทำเอาสายตาพร่า อิ๋งจิ่งเองก็หันกลับมาสบตากับชูหนิงเข้าพอดี เขายิ้มกว้างและขยิบตาให้เธอ
ชูหนิงที่กำลังเคี้ยวลูกอมรสนมอยู่มองอีกฝ่ายแค่แวบเดียวแล้วจึงไปเอารถ