Little Man ชั่วโมงบินน้อยแต่มีรักเต็มร้อยให้คุณ
ทดลองอ่าน Little Man ชั่วโมงบินน้อยแต่มีรักเต็มร้อยให้คุณ บทที่ 4
กลับถึงห้องนอน ฉีอวี้ดื่มน้ำด้วยความกระหาย แล้วก็เทน้ำให้เต็มแก้วของอิ๋งจิ่งด้วยเลย
“อันที่จริงนะ ฉันรู้สึกว่าถ้านายเล่นลวดลายให้น้อยหน่อย ไม่แน่ว่าอาจจะได้คะแนนดีกว่านี้”
อิ๋งจิ่งรื้อเอาชุดบาสเกตบอลออกมา แล้วยกถกคอเสื้อขึ้นมาข้างบน พลันเอาหัวหดมุดเข้าไป แล้วก็ถอดเสื้อฮู้ดออกอย่างง่ายดาย เขาเหวี่ยงชุดบาสเกตบอลไว้บนไหล่ แล้วเดินเข้าไปเตะก้นของฉีอวี้หนึ่งที
“จะเข้มงวดกวดขันขนาดนี้ทำไมกัน แค่เล่นเอาสนุกก็พอน่า”
ฉีอวี้ถูกเตะจนน้ำพ่นกระฉอกออกจากปาก “วอนตายนะแก!”
อิ๋งจิ่งกระโจนจะหนี ทว่าช้าไปหนึ่งก้าว ถูกฉีอวี้ดึงคว้าคอเสื้อเอาไว้ เกิดเสียงดังแควก ชุดบาสเกตบอลฉีกขาดทันที
อิ๋งจิ่งร้องแหกปากลั่น “แก ไอ้คนป่าเถื่อน!”
ฉีอวี้เห็นป้ายยี่ห้อบนคอเสื้อก็ถึงกับตะลึงและรีบเอ่ยขอโทษอย่างไว “ขอโทษนะ”
“ไม่เป็นไรๆ”
“ฉันซื้อให้นายใหม่อีกชุดนึงแล้วกัน”
“ไม่ต้องๆ” อิ๋งจิ่งรู้จักนิสัยหัวรั้นของเพื่อนดี กลัวอีกฝ่ายจะคิดมากจึงพูดปลอบใจว่า “ซื้อที่ตลาดนัดกลางคืนน่ะ แค่สามสิบหยวนเอง แถมยังได้ทั้งชุดด้วยนะ”
ท่าทางที่ตึงเครียดของฉีอวี้ยังไม่ผ่อนคลายลง เขาแบมือออกมา พูดอย่างจริงจังว่า “บนคอเสื้อมีคิวอาร์โค้ด นายเอามาให้ฉันสแกนหน่อย”
อิ๋งจิ่งตบมือของเขาหนึ่งฉาด “ประสาท! ไป ไปเล่นบาสกัน”
สำหรับคนที่มีความสัมพันธ์ดีต่อกันนั้น ความตะขิดตะขวงและความคับข้องใจมากมายก็สามารถคลี่คลายได้อย่างเงียบๆ โดยไม่ต้องมีปากเสียงและยังงดงามมีเกียรติ คนอย่างอิ๋งจิ่งนี้ก็เหมือนกับดวงอาทิตย์ที่เคยถูกสายฝนยามฤดูใบไม้ผลิชะล้าง สดชื่นแจ่มใสและเปล่งประกาย ไม่เพียงแต่ดูแล้วเพลิดเพลินเจริญตา ทว่าอยู่ด้วยก็ยิ่งรื่นรมย์เจริญใจ
ฉีอวี้ไล่ตามไปและแสดงความเศร้าในใจออกมาโดยไม่รู้ตัว “การแข่งขันวันนี้ฉันว่านายสามารถคว้าตำแหน่งได้ อย่างน้อยก็สามอันดับแรก”
อิ๋งจิ่งทำเป็นไม่ได้ยิน เลี้ยงเดาะลูกบาสเสียงดังตึงตังๆ “ดูฉันชู้ตลูกบาสยัดห่วงนะ ฟิ้ว ตุ้บ เข้าแล้ว! ท่านอิ๋งต้าหวัง* เจ๋งจริงๆ!”
เขาทำเป็นแสดงการเล่นที่แสนยอดเยี่ยมให้ตัวเอง ทำเอาฉีอวี้เก็บกลืนคำพูดที่มีทั้งหมดลงไป
ในตอนค่ำมีคาบเรียนด้วยตัวเอง จบคาบเรียนตอนสามทุ่มครึ่ง กว่าอิ๋งจิ่งจะกลับก็อดทนจนเป็นคนสุดท้าย ซึ่งเขาก็ยังไม่ได้กลับหอพัก แต่ไปที่ห้องปฏิบัติการ
อิ๋งจิ่งเอาโมเดลเครื่องบินจำลองที่ใช้ในการแข่งขันตอนบ่ายออกมา เชื่อมต่อวงจรไฟฟ้าเรียบร้อย จากแรงแล้วค่อยๆ อ่อน และลองความเร็วของเพลาใบพัดด้วยคลื่นความถี่ย่อยนิดหน่อย
“แกดูสิๆ ทุกครั้งที่อยู่ในช่วงระยะนี้แกก็จะเริ่มสั่น แกมันเด็กน้อยซื่อบื้อชะมัด” อิ๋งจิ่งพูดพึมพำกับตัวเอง แล้วก็ลองอีกไม่กี่ครั้งพร้อมพูดอย่างเกรี้ยวกราด “ขอบคุณป๊ะป๋าของแกซะ เทคนิคการควบคุมของฉันยอดเยี่ยม ไม่ทำให้แกเครื่องตกไง ไม่งั้นขายหน้าหมด ดูซิ แกจะไปร้องไห้กับใคร”
เขาแหย่ๆ ที่ตัวเครื่อง ทำหน้าทะเล้นใส่มัน
ที่ห้องปฏิบัติการเปิดไฟเพียงแค่ดวงเดียว เงาที่ถูกขยายใหญ่ปรากฏบนฝาผนังสีขาว อิ๋งจิ่งงอหลังค้อมลง มือหนึ่งยันคางอยู่ อีกมือหนึ่งลูบหัวเครื่องบินอย่างแผ่วเบา ประกายแห่งความสดใสในดวงตาของเขาค่อยๆ หม่นหมองลงทีละน้อย เคล้ารวมเป็นความนิ่งงันดั่งทะเลสาบที่เงียบสงบ
หน้ากากอันนั้นที่แสดงให้คนอื่นเห็นว่าไม่แยแสสนใจในตอนกลางวันถูกถอดออกแล้ว อิ๋งจิ่งก้มศีรษะลง พูดเสียงเบาๆ กับ ‘สหายคู่หู’ ผู้ร่วมการแข่งขันของเขา
“ขอโทษนะ”
บรรยากาศกำลังเข้มข้น อยู่ๆ ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้น
“ใช้ความคิดไปในทางที่ถูกต้อง อย่าศึกษาวิจัยบรรดาสิ่งนอกรีตนอกรอยที่เละเทะรกรุงรังสิ ได้ผลมากกว่าการขอโทษเป็นไหนๆ”
อิ๋งจิ่งตกใจ หันหน้ากลับไปมองผู้มาเยือนให้ชัดๆ พลันลูบหน้าอกปลอบขวัญตนเองทันที “ผมตกใจแทบตาย นึกว่าเป็นผีเสียอีก ศาสตราจารย์ลี่ ทำไมอาจารย์เข้ามาโดยที่ไม่ส่งเสียงล่ะครับ”
“ผีบ้านนายสิ” ลี่โจวซานถลึงตาจ้องอย่างฉุนเฉียว
อิ๋งจิ่งเกาศีรษะ หัวเราะแหะๆ “ดึกขนาดนี้อาจารย์ยังไม่พักผ่อนอีกเหรอครับ”
ลี่โจวซานกลับชี้ไปที่โมเดลจำลองที่อยู่ด้านหลังเขา “ถอดออกมา ทดสอบอุณหภูมิหน้าเทอร์ไบน์**”
อิ๋งจิ่งเข้าใจ เลิกพูดเพ้อเจ้อแล้วเริ่มต้นลงมือทำ
หลังดูเสร็จแล้วศาสตราจารย์ลี่ก็พูดเสียงเย้ยหยัน “ไม่แปลกเลยที่จะสั่น รู้ไหมว่าปัญหาเกิดจากไหน”
อิ๋งจิ่งกะพริบตาปริบๆ “เจ้าของหล่อเกินไปเหรอครับ”
“เจ้าเด็กเวร!”
อิ๋งจิ่งกลั้นขำ ชะโงกหน้าเข้าไปใกล้
“อัตราแรงดันอากาศไม่ถึงเกณฑ์เวลาที่เร่งเกียร์ความเร็วรอบในการหมุน” ลี่โจวซานชี้ที่หน้าปัดแสดงผล วาดนิ้วมือกลางอากาศ “อัตราแรงดันต่ำกว่าสามจุดห้า อุณหภูมิหน้าเทอร์ไบน์ไม่อาจเข้าไปได้ นี่คือเกียร์แบ่งกำลัง”
อิ๋งจิ่งตาเป็นประกาย “เข้าใจแล้วครับ”
ลี่โจวซานดูเขาปรับแก้ใหม่อีกรอบ สีหน้าคลายกังวล ยากที่จะปกปิดความปลื้มใจไว้ได้ แต่น้ำเสียงของเขายังคงแข็งกระด้างอยู่
“ไอ้เจ้าหนู นายก็คงจะฉลาดได้แค่นี้แหละ คิดฟุ้งซ่านไม่มีสมาธิ ทำงานไม่รอบคอบ ช่างเป็นนิสัยที่ไม่ได้เรื่องเอาเสียเลย”
อิ๋งจิ่งหลุดปากพูดออกมาว่า “เรียนจบได้ก็โอเคแล้วครับ”
“มีแววนี่!” ลี่โจวซานโมโห “แล้วหลังจากเรียนจบล่ะ จะหาสถานที่รับเงินเดือนไปเรื่อยเปื่อย ใช้ชีวิตไปตามยถากรรมอีกเหรอ”
อิ๋งจิ่งพูดไม่ออกไปชั่วขณะ
แม้น้ำเสียงของศาสตราจารย์ลี่จะไม่เป็นมิตรเช่นเคย แต่ชั่วขณะนี้อิ๋งจิ่งสามารถรู้สึกได้รางๆ ถึงความเศร้าเสียใจที่หลั่งไหลออกมาจากดวงตาและน้ำเสียงของเขา ความรู้สึกรุนแรงที่อยู่ท่ามกลางความคลุมเครือยิ่งมีมากขึ้นกว่าเดิม
“ชีวิตไม่ใช่แค่การกินวอวอโถว* ให้อิ่มท้องแล้วจะจบ ต้องมีเรื่องให้เสาะแสวงไล่ตามสารพัดครบถ้วนทุกรสอยู่บ้าง” ศาสตราจารย์ลี่คร้านที่จะพล่ามพูดจาเหลวไหลกับเขา จึงพูดกึ่งเย้ยหยันกึ่งถากถางว่า “ถ้าฉันจำไม่ผิดล่ะก็ นายที่อยู่ปีสามนี่ยังไม่เคยได้รางวัลระดับมหาวิทยาลัยอะไรเลยสินะ”
อิ๋งจิ่งท่าทีซึมๆ ยังไม่ได้สติกลับมา
“ครึ่งเทอมหลังจะต้องฝึกงานแล้ว คงไม่สวยนักหรอกนะ ถ้าไม่เพิ่มแต้มต่อด้วยการทำโครงการย่อยสักหน่อย” ลี่โจวซานโยนหนังสือโครงการเล่มหนึ่งให้เขา “โจทย์หัวข้อในมือของฉัน คิดออกแบบร่วมกับเพื่อนที่ทำธุรกิจคนหนึ่ง นายลองดู ถ้าหากสนใจ พรุ่งนี้ตอบกลับฉันด้วย”
หัวเรื่องภาษาจีนและภาษาอังกฤษที่สะดุดตาอยู่บนหน้าปกเขียนว่า
‘การวิเคราะห์ความเป็นไปได้และการสร้างแบบจำลองเสมือนจริงด้านเครื่องยนต์อากาศยาน’