ทั้งสองคนต่างเข้ามากินอาหารที่นี่กัน ขณะเดินผ่าน จ้าวหมิงชวนได้ยินคำพูดที่ชูหนิงพูดทุกคำไม่มีตกหล่น
คุณชายตระกูลจ้าวเป็นที่เลื่องชื่อลือนาม ผู้คนภายนอกต่างรู้จักเขา ถ้าบุรุษที่มีภูมิหลังระดับนี้ปรากฏตัวออกมา แม้ว่าจะไม่ได้พูดจา ลำพังแค่ยืนมองคุณอยู่ตรงนั้นก็ทำให้คนหวาดผวาอยู่ไม่เป็นสุขได้แล้ว มิหนำซ้ำในตอนนี้สายตาของเขาก็ยากที่จะคาดเดาได้จริงๆ
กวนอวี้หวาดหวั่นเป็นกังวลไปแล้ว ทว่าชูหนิงกลับคุ้นชินกับการอยู่ร่วมกันที่เหมือนลิ้มโลหิตบนใบมีด* แบบนี้แล้ว ทั้งสองจึงสบตากันเหมือนอวดศักดา
บรรยากาศผิดปกติอย่างยิ่ง
กวนอวี้ถึงขั้นหาหนทางหนีเอาชีวิตรอดไว้พร้อมแล้ว อ๊ะ ไม่สิ ต้องลากชูหนิงหนีไปด้วยกัน!
หลายสิบวินาทีต่อมาจ้าวหมิงชวนก็ยกมือขึ้นช้าๆ เอานิ้วชี้จิ้มกลางอากาศชี้ใส่เธออย่างแรง การตักเตือนเช่นนั้นเข้าใจได้โดยที่ไม่ต้องเปล่งวาจาบอก
ชูหนิงยิ้มตรงมุมปากขึ้นมาเล็กน้อย ท่าทีเยาะเย้ยอย่างไม่ปิดบัง หลังจากนั้นก็หันกลับมากินอาหารต่อไปอย่างสบายๆ
นี่มันสนามรบที่ไร้ซึ่งการระดมยิงปืนใหญ่สินะ
แต่พอพิจารณาทบทวนอย่างละเอียดแล้ว ชูหนิงเป็นฝ่ายที่ค่อนข้างอยู่เหนือกว่า จ้าวหมิงชวนกลับเป็นฝ่ายที่ต้องจากไปด้วยความคับข้องใจ
กวนอวี้ลูบหน้าอก จากนั้นก็เอ่ยขึ้นมาอย่างหวาดๆ “เธอไม่เห็นท่าทางของเขา ฉันกลัวว่าเขาจะอ้าปากกว้างที่โชกเลือดแล้วงับเด็ดหัวของเธอทิ้งในวินาทีถัดไป!”
ชูหนิงยังคงสงบนิ่ง
กวนอวี้มองท่าทางของชูหนิงแล้วจึงก้มหน้าคิ้วขมวด ไม่พูดไม่จาสักคำ แม้จะอยู่ในฐานะผู้หญิงด้วยกันก็ไม่ง่ายเลยที่เธอจะเข้าใจชูหนิง
“เฮ้อ” กวนอวี้ถอนหายใจ พูดโน้มน้าวอย่างจริงใจว่า “อยู่ต่อหน้าพี่ใหญ่ของเธอ ลดท่าทางลงสักหน่อย ยอมอ่อนข้อแพ้ให้บ้างก็ไม่เห็นจะเป็นเรื่องใหญ่อะไรนักหนาเลยนี่ ทำไมจะต้องลำบากเป็นปฏิปักษ์กับเขาด้วยล่ะ ปกติเธอฉลาดหัวไวสุดๆ แต่ทำไมกับเรื่องนี้ถึงได้รั้นขนาดนี้นะ”
เห็นชูหนิงไม่เอ่ยพูดสักคำ กวนอวี้ก็พูดอีกว่า “สุดท้ายแล้วเธอก็เป็นผู้หญิง กับเขา…”
ประโยคนี้ยั่วโทสะชูหนิงเข้าจนได้ เธอวางตะเกียบลงทันที “ทำไมเธอพูดจาเหมือนกับแม่ของฉัน ผู้หญิงแล้วยังไง ผู้หญิงสมควรที่จะอ่อนแอ ผู้ชายสามารถไร้เหตุผลตั้งแต่เกิดได้เลยงั้นเหรอ”
จุดเด่นที่ได้เปรียบที่สุดของกวนอวี้ก็คือไม่แข่งขันชิงชัยกับคนอื่น เธอเปลี่ยนสีหน้าเป็นยิ้มแย้มทันที ลูบหลังมือของชูหนิงเบาๆ อย่างสนิทสนม
ช่างมันเถอะๆ จบหัวข้อสนทนาที่ไม่น่าพอใจกันเถอะนะ
จากนั้นกวนอวี้ก็หยิบข้อมูลฉบับหนึ่งออกมาจากในกระเป๋า “เธอดูนี่หน่อยสิ”
ชูหนิงรับมา “อะไร”
“จากการไปทำงานนอกสถานที่ครั้งนี้ ฉันเก็บรวบรวมโครงการบางส่วนมาด้วย”
แววตาของชูหนิงทอประกายวาววับ กวาดความมัวหมองเมื่อครู่นี้ทิ้งไปจนหมดสิ้น
กวนอวี้หัวเราะ “เป็นยอดสุทธิเงินค่าใช้จ่ายทั้งหมดจริงๆ ไม่มีหักลด เธอดูก่อน ฉันว่ามีไม่กี่โครงการที่ใช้ได้เลย อ้อ อันที่สองแบบนับถอยหลัง เธอลองเน้นๆ ดูหน่อยนะ”
สายตาชูหนิงจับจ้องโดยพลัน แล้วก็นิ่วคิ้วขึ้นมาทันที
มหาวิทยาลัยการบินและอวกาศ C?
เธอไม่ได้อ่านบทคัดย่อ เนื้อหา และวัตถุประสงค์ของโครงการด้านหลังเลย
เหมือนกับว่าความทรงจำพอที่จะจับทางได้ เพียงแค่ชื่อมหาวิทยาลัยนี้ ชูหนิงก็นึกถึงอิ๋งจิ่งขึ้นมาอย่างไม่สามารถอธิบายได้
* ต้าหวัง เป็นคำที่ใช้เรียกคนที่เป็นเซียน หรือเก่งในด้านใดด้านหนึ่งมากๆ ในเชิงยกย่องว่าเจ๋ง
** เทอร์ไบน์ คือใบพัดที่เชื่อมติดกันด้วยแกนเดียวกับใบพัดคอมเพรสเซอร์ เป็นส่วนประกอบของเทอร์โบที่เป็นชิ้นส่วนอุปกรณ์เครื่องยนต์ สามารถเพิ่มกำลังความแรงของเครื่องยนต์ได้ด้วยการอัดอากาศเข้าสู่ห้องเผาไหม้ในปริมาณที่มากขึ้น
* วอวอโถว คือ อาหารประเภทแป้งประจำถิ่นทางภาคเหนือของจีน เป็นก้อนแป้งนึ่งมีรูโบ๋เป็นหลุมที่ด้านล่าง ทำจากธัญพืช แป้งข้าวโพด แป้งถั่วเหลือง มีคุณค่าทางอาหารสูง ราคาถูก หาซื้อง่าย และเป็นที่แพร่หลาย
* ผีผา เป็นเครื่องดนตรีประเภทเครื่องดีด 4 สาย จำพวกเดียวกับกีตาร์ ทำจากไม้ รูปทรงเลียนอย่างลูกผีผา (มะปรางจีน)
** กู่เจิง เป็นเครื่องดนตรีประเภทเครื่องดีดโบราณของจีน ลักษณะคล้ายพิณ มีหลายขนาด ตั้งแต่ 12 สายไปจนถึง 25 สาย
*** จงกว่าง คือกลุ่มบริษัท ไชน่า บรอดแคสต์ จำกัด
* ลิ้มโลหิตบนใบมีด เปรียบเปรยถึงภาวะที่เสี่ยงอันตรายมาก โหดร้ายทารุณเป็นอย่างยิ่ง หรือสถานการณ์ที่น่าสยดสยอง
ติดตามตอนต่อไปวันที่ 9 พ.ย. 65 เวลา 12.00 น.