ทดลองอ่าน Little Man ชั่วโมงบินน้อยแต่มีรักเต็มร้อยให้คุณ บทที่ 6 – หน้า 4 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

Little Man ชั่วโมงบินน้อยแต่มีรักเต็มร้อยให้คุณ

ทดลองอ่าน Little Man ชั่วโมงบินน้อยแต่มีรักเต็มร้อยให้คุณ บทที่ 6

4 of 4หน้าถัดไป

พอถึงมหาวิทยาลัยแล้วเขาก็มีท่าทีน่าเวทนาอยู่สักหน่อย

ทางฝ่ายสาขาเอกการออกแบบอากาศยานนั้นเต็มไปด้วยความดีอกดีใจ

“ฉันบอกแต่แรกแล้วไง พวกเขาไม่ไหวหรอก ตอนออกเดินทางยังจะมาขึงผ้าโฆษณาป่าวประกาศ เป็นเด็กอ่อนหัดไหมล่ะ”

“แบบว่าต้องมาร่วมผสมโรงให้ได้ มหาวิทยาลัยก็แถลงออกมาแล้ว แบบนี้ไม่เสียเวลาหรือไง”

“แถมยังมีกลุ่มแฟนคลับอีก บ้าเอ๊ย เหมือนกับกลุ่มลัทธิเลยว่ะ”

 

หลังจากอิ๋งจิ่งกลับมาถึงห้องพักแล้วก็ตรงไปนอนแผ่ร่างตายซากบนเตียงทันที ในวันต่อมาฉีอวี้เรียกเขาให้ไปเข้าเรียน เขาดึงผ้าห่มคลุมปิดหัวไว้ พลิกตัวหันกลับไปกัดฟันนอนต่อ

เผอิญว่าคาบเรียนนี้เป็นคาบของลี่โจวซานพอดี หลังจากเลิกเรียนเขาก็เรียกฉีอวี้ไว้ “ไอ้เจ้าหนูนั่นล่ะ”

ฉีอวี้เกาหัวแกรกๆ ตัวสั่นงันงก “ปราณชีวิตได้รับบาดเจ็บสาหัส กำลังบำเพ็ญเพียรฝึกความสงบเสงี่ยมอยู่ครับ”

ลี่โจวซานขึ้นเสียงสูง “นายบอกเขาเลยนะ ขืนตอนบ่ายโดดเรียนอีก เทอมนี้อย่าคิดว่าจะผ่าน!”

ฉีอวี้ทำตัวเป็นกระบอกเสียงอย่างซื่อๆ ตามระเบียบ

อิ๋งจิ่งที่ยังนอนตายซากอยู่บนเตียงจู่ๆ ก็กระตุกฟื้นคืนชีพขึ้นมา เขาเด้งผลุงลุกนั่งเหมือนสปริง ยันตัวกับหัวยุ่งกระเซิงเหมือนรังนกขึ้นมา

“มีสิทธิ์อะไรไม่ให้ฉันสอบผ่าน! โครงการนี้เขาเป็นคนมอบให้เอง นี่พวกเราก็ทำงานให้เขาหรอก! แล้วคนที่ขายขี้หน้าก็ไม่ใช่เขาด้วย!”

“ชู่วๆๆ นายเบาเสียงหน่อยสิ” ฉีอวี้คิดจะเอามือปิดปากเขาไว้ “ตอนที่ฉันเพิ่งเข้ามา เห็นเจ้ากรอบแว่นดำเล่นอยู่ที่ห้องที่อยู่ติดกันเนี่ย”

เจ้ากรอบแว่นดำชื่อเต็มคือหลัวจยา เป็นเพื่อนร่วมมหาวิทยาลัยคนที่ได้รับเลือกโครงการอากาศยานเมื่อวานนั่นเอง

คำพูดนี้แทนที่จะโดนเจ้ากรอบแว่นดำได้ยินเข้าเสียก่อน แต่กลายเป็นว่าถูกลี่โจวซานที่อยู่ตรงประตูทางเข้าได้ยินเข้าเสียแล้ว

ฉีอวี้ใจเต้นระส่ำระสายแทบบ้า “ศาสตราจารย์ลี่”

อิ๋งจิ่งพลันผงะ ตามมาด้วยการแสดงออกแบบไร้ซึ่งความเกรงกลัวด้วยท่าทีแบบว่า ‘ที่ฉันพูดเป็นความจริง’

ทว่าลี่โจวซาน…ไม่มีการตำหนิ ไม่มีการก่นด่า ไม่มีแม้กระทั่งคำพูดสักคำเดียว

สันหลังของเขาโค้งงออย่างเห็นได้ชัดเนื่องจากหมกตัวอยู่ในห้องปฏิบัติการมาเป็นเวลานาน แม้ว่าเขาจะตัวสูง แต่หลังที่ตรงแหน็วที่ว่านั้นหายไปนานแล้ว

ลี่โจวซานมองดูอิ๋งจิ่งครู่หนึ่ง สายตาที่มองมานี้มีความหมายไม่ชัดเจนนัก ทว่าอิ๋งจิ่งกลับมองเห็นถึงความเจ็บจี๊ดเหมือนกับถูกทิ่มแทงใจ

เขาหันหน้าไปทางอื่น จงใจแสร้งทำเป็นมองไม่เห็น หัวรั้นไม่มีแผ่วลงเลยสักนิด

ลี่โจวซานเดินจากไปแล้ว

ฉีอวี้รู้สึกไม่สบอารมณ์เป็นอย่างยิ่ง “เฮ้ ไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้หรอก ไม่ได้รับเลือกก็เป็นเรื่องปกติมากนี่นา คำพูดของบอสสาวคนนั้นก็ค่อนข้างมีเหตุผลมากเลยนะ”

เป็นเพราะว่ามีเหตุผลไงล่ะ ถึงจะเป็นความจริงแต่ก็สิ้นหวังชะมัด

“นายจะเข้าใจอะไร” อิ๋งจิ่งทิ้งคำพูดไว้ เมื่อล้างหน้าและบ้วนปากแบบลวกๆ แล้วก็สวมเสื้อผ้าเพื่อจะออกไปข้างนอก

แต่เจ้ากรอบแว่นดำที่อยู่ห้องข้างๆ ก็เดินออกมาพอดี

ทั้งสองคนประจันหน้ากัน

อิ๋งจิ่งมองตรงไปไม่มีล่อกแล่กทางอื่น เชิดคอเรียวยาวขึ้น เจ้ากรอบแว่นดำเองก็ทำตัวเป็นเด็ก จงใจตะโกนพูดกับเพื่อนร่วมชั้น

“ความจริงฉันก็ไม่ได้ทุ่มเวลาอะไรมาก ห้องปฏิบัติการได้รับการอนุมัติเป็นพิเศษจากสาขาอยู่แล้ว ฉันใช้งานได้สะดวกสบาย ไม่ได้เอาเวลาพักผ่อนไปเลย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าจะอดหลับอดนอนสามสี่คืนหรอก”

อิ๋งจิ่งหยุดฝีเท้า ซักถามด้วยเสียงเย็นๆ “นายพูดถึงใครกัน”

หลัวจยาเอามือลูบคาง ทำเป็นยียวน “ใครร้อนตัวขึ้นมาก็คนนั้นแหละ”

เสือสองตัวอยู่ร่วมเขาลูกเดียวกันไม่ได้ ยิ่งมีความผยองในแบบวัยรุ่นก็ยิ่งเป็นการเติมน้ำมันในกองเพลิงเข้าไปอีก โดยพื้นฐานแล้วคงต้องจบเห่

อิ๋งจิ่งเกิดอาการโทสะเดือดพุ่งพรวดขึ้นมาทันที เขาใช้มือคว้าจับคอเสื้อของหลัวจยาไว้

“พูดจาภาษาคนได้ไหมวะ!”

หลัวจยาคนนี้มีหน้าตาแบบผู้ชายเนิร์ดทั่วไป ส่วนสูงคือหนึ่งร้อยเจ็ดสิบแบบกลางๆ เมื่ออยู่ต่อหน้าอิ๋งจิ่งที่สูงหนึ่งร้อยแปดสิบแล้ว ไม่มีข้อได้เปรียบเลยสักนิด

เขาถูกรัดจนสะดุดล้มลงไปกับพื้น หลังจากลุกขึ้นได้ก็เหวี่ยงหมัดออกไปต่อยคางอิ๋งจิ่งจนได้รับบาดเจ็บ

พอความเดือดดาลคั่งแค้นครอบงำก็ทำเอาขาดสติกันไปหมด ทั้งสองคนสู้ตะลุมบอนกันทันที เดี๋ยวก็ร้องเสียงโอดโอยด้วยความเจ็บปวด เดี๋ยวก็เป็นเสียงอื้ออึงของกำปั้น ทั้งหมดล้วนลงมือกันอย่างเต็มเหนี่ยว

เมื่ออิ๋งจิ่งถูกลากตัวออกมา เขาเดินขากะเผลก ส่วนหลัวจยา…ล้มอยู่บนพื้นแล้ว คนราวสามถึงห้าคนพยุงไว้ก็ยังลุกไม่ขึ้น

“ถ้าพูดไม่ได้ก็หุบปากซะ” อิ๋งจิ่งหอบหายใจจนหน้าอกกระเพื่อม สะบัดข้อศอกไปข้างหลัง ผลักฉีอวี้ที่กำลังขวางเขาอยู่ออกไปแล้วชี้ไปที่หลัวจยา ในดวงตามีความโกรธแค้นชิงชังอย่างโจ่งแจ้งเปิดเผย “แกฟังฉันไว้ให้ดี วันนี้ฉันอิ๋งจิ่งแพ้แล้ว แต่ว่าไม่ได้แพ้ให้แก!”

 

การทะเลาะวิวาทกันระดับนี้แถมอยู่ภายในสถานศึกษาแห่งนี้ซึ่งมีบรรยากาศเชิงวิชาการเข้มข้นมาก สามารถอธิบายโดยใช้คำว่าเป็นคลื่นมรสุมครั้งใหญ่ได้เลย กลายเป็นประเด็นหัวข้อสนทนาของทุกหอนอนอยู่สามวัน

“พระเจ้า หลัวจยาถูกต่อยจนร้องโอดโอย อิ๋งจิ่งต่อยเก่งชะมัดเลย”

“นี่มันจะมีอะไรแปลกกันล่ะ ฉันได้ยินว่าพ่อเขาเป็นแม่ทัพภาคนะ มาจากครอบครัวนายทหาร สภาพร่างกายต้องผ่านด่านมาแล้วแหละ”

“อุ๊ย แหม ทำไมเธอพูดจาทะแม่งๆ ออกมาเนี่ย ออกแนวลามกหน่อยๆ แฮะ”

“ใช่ที่ไหน! เธอคิดไม่ดีเองชัดๆ”

“แต่ว่ารูปร่างอิ๋งจิ่งดีมากจริงๆ นะ ฮ่าๆๆๆ”

คำพูดซุบซิบระหว่างผู้หญิงช่างครึกครื้นมีสีสัน แล้วก็วกกลับมาที่ประเด็นหลักอย่างรวดเร็ว

“พวกเธอรู้กันไหม ปีนั้นผลคะแนนของอิ๋งจิ่งดีมากเชียวล่ะ ตัวเลือกแรกที่กรอกคือมหาวิทยาลัยชิงหวา*

“แล้วทำไมมาเรียนที่มหาวิทยาลัยการบินฯ C ล่ะ”

“พลาดในการสอบเกาเข่า** มั้ง น่าเสียดายมาก ขาดแค่ไม่กี่คะแนนเอง”

ลมพัดใบไม้ไหวเบาๆ พัดพาให้เกิดความสงบเงียบ

“…อา”

“เฮ้อ…”

 

* นกกระเรียนในฝูงไก่ เปรียบเปรยถึงคนที่มีความสามารถ หรือเป็นที่โดดเด่นท่ามกลางฝูงชน

* จุดเหรินจง คือจุดสำหรับฝังเข็มหรือกระตุ้นเลือดลม เป็นจุดที่อยู่ระหว่างปากกับจมูก ใช้บำบัดรักษากรณีเป็นลมหมดสติในภาวะฉุกเฉินด้วยการกดจุดตรงตำแหน่งนี้

* เสียงเอ๋อร์ หรือเอ๋อร์ฮว่าอิน (儿化音) คือการออกเสียงโดยม้วนลิ้นให้ปลายลิ้นแตะที่เพดานปาก และคนปักกิ่งมักจะพูดลงท้ายประโยคด้วยคำว่า ‘เอ๋อร์’

** มาจากนิทานพื้นบ้าน‘ยายหวังขายแตง ขายเองชมเอง’ มีชายคนหนึ่งชื่อหวังพัวเป็นชาวซีอวี้ปลูกแตงหาเลี้ยงชีพ เนื่องจากแตงของหวังพัวรูปร่างลักษณะไม่น่าดู จึงไม่มีใครกล้าซื้อ เขาสาธยายว่าแตงของตัวเองหวานกว่าแตงโมทั่วไปสิบเท่า หวานเหมือนน้ำผึ้ง ในตอนแรกแจกให้ชิมก็ยังไม่มีใครกล้าชิม แต่เมื่อมีคนกล้าชิมหนึ่งคนก็เริ่มมีคนบอกต่อไปเรื่อยๆ จนขายดี แตงของหวังพัวก็คือแคนตาลูปในปัจจุบัน นอกจากนี้คำว่า ‘พัว’ พ้องเสียงกับคำที่แปลว่า ‘ยาย’ และหวังพัวชอบพูดมากและจู้จี้จุกจิกเหมือนยายแก่ คนจึงตั้งฉายาให้ว่า ‘ยายหวัง’

* โบอิ้ง 777 เครื่องบินเชิงพาณิชย์แบบลำตัวกว้าง ใช้เครื่องยนต์สองตัว มีพิสัยบินระยะไกล การใช้งานปลอดภัยและเสถียร เครื่องพิสัยไกล มีขนาดใหญ่จุคนได้มาก

* ภววิสัย (Objectivity) หรือปรวิสัย คือสิ่งที่มีพื้นฐานอยู่บนข้อเท็จจริง เงื่อนไขที่เป็นความจริง ไม่เกี่ยวกับความคิดหรือความรู้สึก

* มหาวิทยาลัยชิงหวา เป็นมหาวิทยาลัยชื่อดังของจีน ถือเป็นสถาบันการศึกษาที่ติดระดับท็อปโลก ตั้งอยู่ที่กรุงปักกิ่ง มีชื่อเสียงเชิงวิชาการด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

** เกาเข่า คือการสอบเข้าในระดับมหาวิทยาลัยของจีนแผ่นดินใหญ่

 

ติดตามตอนต่อไปวันที่ 12 .. 65 เวลา 12.00 .

4 of 4หน้าถัดไป

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in Little Man ชั่วโมงบินน้อยแต่มีรักเต็มร้อยให้คุณ

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 1-2

บทที่ 1 ฮ่องเต้หญิง   “ท่านพี่นำร้อง น้องหญิงคลอรับ ท่านพี่เสียงเพิ่งลับ น้องหญิงสลับขึ้นเวที เป็นมารดาอารี มีบุตรีกตัญญ...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ร้อยเรียงรักเคียงฤทัย บทนำ – 1.2

บทนำ ความหลังของต้าลี่ 1   ฤดูหนาวในรัชศกต้าลี่ปีที่สิบเอ็ด โม่เป่ย ตำบลค่งหม่า สถานที่แห่งนี้คือประตูด่านสำคัญสุดท้ายทา...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 7-8

บทที่ 7 ค่าเดินทาง เมื่อภูตสุนัขดำคืนร่างเป็นสุนัขธรรมดาตัวหนึ่ง ภูตบุปผาสองตนนั้นก็ไม่อาจทำการใหญ่ ต่อให้ชาวหมู่บ้านป่า...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 3-4

บทที่ 3 เกิดใหม่   เวิ้งฟ้าดำสนิทปานน้ำหมึก เพียงมีดวงดาวบางตากระจัดกระจายบนม่านฟ้า ทอรัศมีอ่อนจางประเดี๋ยวเผยประเดี๋ยวเ...

community.jamsai.com