หนิงเหมิงได้แต่ยิ้มกัดฟันไปตลอดทางที่ส่งคุณชายเสเพลกลับบ้านทีละคน
ในรถเหลือแค่หนิงเหมิงกับลู่จี้หมิงสองคนเท่านั้น
หญิงสาวเหยียบคันเร่งขับรถมุ่งหน้าไปทางหมู่บ้าน ลู่จี้หมิงนั่งอยู่ข้างคนขับพลางฮัมเพลงเสียงเพี้ยนๆ ไป
หนิงเหมิงค่อยๆ เลื่อนหน้าต่างรถขึ้น
ลู่จี้หมิงหยุดร้องเพลงแล้วหันมาถามเธอ “ปิดหน้าต่างทำไม”
เธอเอ่ยเตือนอย่างระมัดระวัง “…ยังจำได้ไหม คราวที่แล้วที่คุณร้องเพลง เราโดนตำรวจเรียก เขาบอกว่ามีคนแจ้งว่ามีการฆ่าหมูกลางดึกเสียงดังรบกวนชาวบ้าน”
ลู่จี้หมิงตบเข่า “ใครแม่งตลกจริงๆ ฮ่าๆๆๆๆ!”
“…”
แอลกอฮอล์ดึงบุคลิกที่สองของเขาออกมาแล้ว
ถือโอกาสที่ลู่จี้หมิงไม่อาละวาด หนิงเหมิงอดที่จะพูดขึ้นมาไม่ได้ “บอสคะ นี่ก็ดึกดื่นเที่ยงคืนแล้ว คุณไม่คิดจะเรียกพนักงานขับรถแทนหรือคะ ยังไงซะฉันก็เป็นผู้หญิงนะคะ”
ลู่จี้หมิงตบเข่าอีกที “งั้นค่าเรียนขับรถที่ผมให้คุณเบิกก็เสียเปล่าน่ะสิ” เขาชะงักไปนิดแล้วก็พูดต่ออีก “จะพูดอีกที ผมจะไปเชื่อใจพวกพนักงานขับรถแทนได้ยังไง ผมทั้งหล่อทั้งรวยขนาดนี้ ถ้าถูกจี้ปล้นล่วงละเมิดทางเพศจะทำยังไง คุณกับพนักงานขับรถแทนไม่เหมือนกัน ถ้าพูดถึงการไว้ตัว คุณสู้ผมไม่ได้หรอก!”
“…”
“เป็นยังไง ผมเชื่อใจคุณมากกว่าคนอื่น คุณภูมิใจไหม”
หนิงเหมิงอยากจะกรีดร้องออกมาดังๆ
ภูมิใจบ้าอะไร ประสาท!
เธออยากจะปลดเข็มขัดนิรภัยของลู่จี้หมิงแล้วเบรกแรงจริงๆ ให้เป็นภาพเขากระเด็นออกจากกระจกหน้าอย่างงดงาม
หนิงเหมิงใช้ความพยายามอย่างมากในการแบกลู่จี้หมิงเข้าไปในคฤหาสน์หลังใหญ่ของเขา
ระหว่างทางจากหน้าประตูใหญ่ไปยังห้องนอนของลู่จี้หมิง หนิงเหมิงถือโอกาสที่ชายหนุ่มดื่มเหล้าแล้วพูดง่ายนี้เรียกร้องผลประโยชน์ให้กับตัวเอง
“พรุ่งนี้คุณต้องให้ฉันเบิกค่าแท็กซี่วันนี้นะคะ”
“ไม่มีปัญหา”
“ครั้งหน้าเรียกพนักงานขับรถแทนนะคะ ให้ผู้หญิงอย่างฉันออกมารับคุณกลางดึก คุณไม่กลัวว่าจะเกิดอะไรกับฉันหรือคะ”
“งั้นผมจะลองคิดดูนะ”
หนิงเหมิงครุ่นคิด “ขึ้นเงินเดือน”
ลู่จี้หมิงตอบอย่างไม่ลังเล “สบายมาก”
หนิงเหมิงรู้สึกว่าโอกาสมาถึงแล้ว
“ฉันอยากจะไปอยู่แผนกโปรเจ็กต์ลงทุน ไปทำโปรเจ็กต์”
ลู่จี้หมิงตอบอย่างง่ายๆ “โอเค…” แล้วก็รีบเปลี่ยนคำพูด “เดี๋ยวนะ! อย่ามาถือโอกาสตอนที่ผมเมาเรียกร้องในสิ่งที่ไร้เหตุผล ผมรู้ตัวอยู่หรอกนะ เรื่องนี้ไม่ได้ ฝันไปเถอะ คุณไม่ใช่พวกที่จะทำโปรเจ็กต์ได้
หัวใจหนิงเหมิงดิ่งวูบ ปิดปากไม่พูดอะไรอีก
หยั่งเชิงดูแล้วล้มเหลว แล้วยังเป็นตอนที่ลู่จี้หมิงพูดง่ายด้วย ถ้าเขามีสติเต็มร้อยล่ะก็ เธออยากจะเปลี่ยนตำแหน่งแบบนี้จะต้องถูกเขาย้อนจนรับไม่ได้แน่นอน
เธอประคองลู่จี้หมิงไปถึงเตียงนอนแล้วโยนเขาลงไปบนเตียง
ลู่จี้หมิงล้มตัวลงไปแล้วก็เริ่มกรนครอกๆ ท่าทางของเขาในตอนนี้เหมือนกับเจ้าโง่ที่ไร้สมองยังไงยังงั้น
หนิงเหมิงยั้งใจไว้ไม่อยู่ถีบไปที่ขาของบอสหนุ่มที่ห้อยอยู่ข้างเตียง
ถือดีอะไรมาดูถูกฉัน หาว่าฉันไม่เหมาะจะทำโปรเจ็กต์งั้นเหรอ!
ลู่จี้หมิงที่โดนถีบก็ยังคงนิ่งสนิท
ดังนั้นหญิงสาวจึงอดที่จะถีบเขาไปอีกทีไม่ได้
มีเงินแล้วใหญ่นักหรือไง หล่อแล้วเจ๋งนักหรือไง เมาแล้วก็เป็นไอ้บ้าที่สูงเมตรแปดสิบห้า!
พอเธอหายโมโหก็ถีบเขาไปอีกที…
ทว่าคราวนี้ขาของเธอกลับถูกขาลู่จี้หมิงหนีบเอาไว้แน่น หนิงเหมิงซวนเซไปด้านหน้าแล้วล้มลงไปข้างเตียง
ลู่จี้หมิงเด้งขึ้นมาเหมือนผีดิบแล้วยื่นหน้าเข้ามาใกล้เธอ
เมื่อมองผ่านเลนส์แว่นเห็นสายตาที่เลื่อนลอยของเขา ดวงตาที่ดึงดูดคู่นั้นทำให้หนิงเหมิงลืมหายใจไปเลย
เขาคงยังไม่สร่างเมาใช่ไหม ถ้าเกิดเขารู้ว่ามีคนถือโอกาสทำร้ายเขาตอนเมา ไม่รู้ว่าเขาคิดจะแก้แค้นหรือเปล่า
ขณะที่หนิงเหมิงกำลังใช้ความคิดคาดเดาอยู่นั้น ลู่จี้หมิงก็เอ่ยขึ้น
“นี่ก็ดึกมากแล้ว คุณกลับคนเดียวไม่ปลอดภัย ลงไปข้างล่างหาห้องนอนสักห้องนะ”
พูดจบก็นอนหงายท้องลงไปทันที ขาสองข้างคลายออก แล้วก็กรนครอกหลับเป็นตายไปเลย
หนิงเหมิงถอนหายใจยาวเบาที่สุดจนแทบจะไม่มีเสียง
เธอลุกขึ้นยืน ครั้งนี้ไม่ได้ถีบเขาอีก เพียงแต่ค้อมตัวลงช่วยเขาถอดรองเท้าและห่มผ้าให้
หลังจากที่ยืนขึ้นหนิงเหมิงก็ถอนหายใจด้วยใจที่สับสน
เขาก็เป็นคนแบบนี้ มักจะทำคนโมโหจนทนไม่ไหว แล้วก็จะยื่นลูกอมหวานๆ ให้
จริงๆ เลย หงุดหงิดชะมัด