ทดลองอ่าน Master of My Own ขอโทษที ฉันไม่ใช่เลขาคุณแล้ว บทที่ 3-บทที่ 4 – หน้า 5 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

Master of My Own ขอโทษที ฉันไม่ใช่เลขาคุณแล้ว

ทดลองอ่าน Master of My Own ขอโทษที ฉันไม่ใช่เลขาคุณแล้ว บทที่ 3-บทที่ 4

หนิงเหมิงรู้ว่าพฤติกรรมจับผิดแบบเอาสีข้างเข้าถูของลู่จี้หมิงเป็นเพราะเขารู้สึกว่าเธอขัดคำสั่ง ไม่ยอมพักอยู่ที่บ้านของเขาทำให้เขาต้องลำบากเรียกพนักงานขับรถแทนในตอนเช้า เขาไม่พอใจ

เธอรู้ว่าจะรับมือกับอารมณ์เช่นนี้ของบอสหนุ่มอย่างไร แค่จะยอมทำตามอย่างเดียวไม่ได้ ยิ่งทำแบบนั้นก็ยิ่งกระตุ้นให้เขามีอาการบอสซินโดรมกำเริบหนักเข้าไปอีก

เธอจะต้องขัดบ้างแค่พอหอมปากหอมคอเท่านั้น

ดังนั้นหนิงเหมิงจึงดันแว่นตาแล้วพูดขึ้น “คุณเป็นเจ้านาย ฉันเป็นแค่พนักงาน คุณต้องการจะทำแบบนี้ ฉันก็ไม่กล้าปฏิเสธหรอกค่ะ”

ลู่จี้หมิงพูดอย่างเอาเรื่องขึ้นมา “อ้อ! ก็ได้ งั้นผมยกเจ้ามายบัคคันนั้นให้เลย คุณพอใจไหม”

หนิงเหมิงรู้ว่าเพียงแค่นี้ก็พอแล้ว ถ้ายังเถียงต่อไป เขาจะต้องยัดเยียดเจ้ามายบัคคันนั้นให้เธอจริงๆ แน่

เธอขับเจ้าตัวโตนั่นไม่ไหวหรอก

“บอสคะ อย่าเลยค่ะ” หนิงเหมิงยิ้มแล้วก็ได้แต่ยิ้มกับยิ้ม “คุณก็รู้เงินเดือนของฉัน เจ้ามายบัคของคุณเหยียบไปทีน้ำมันก็หมดไปเป็นแกลลอน ฉันดูแลไม่ไหวหรอกค่ะ!”

ลู่จี้หมิงยิ้มเย็น “นี่กำลังจะบอกผมว่าให้ผมขึ้นเงินเดือนใช่ไหม”

หนิงเหมิงตอบกลับไปอย่างนอบน้อม “คุณเป็นเจ้านาย จะขึ้นเงินเดือนเท่าไหร่ก็แล้วแต่คุณค่ะ!”

ลู่จี้หมิงยกมือขึ้นชี้ไปทางประตู “ออกไปเลย!”

ทันทีที่หนิงเหมิงออกมาจากห้องทำงานเธอก็รู้สึกเหนื่อยล้าไปทั้งตัว บางครั้งเธอก็อยากทำตามใจชอบ ไม่ต้องระวังว่าจะตะคอกใส่ลู่จี้หมิง ให้เขาที่สูงส่งนักได้สัมผัสว่าการถูกตะคอกเป็นอย่างไร

เป็นแบบนี้แล้วเมื่อไหร่เธอถึงจะย้อนทำประชดประชันกับเขาได้อย่างคนที่เท่าเทียมกันนะ

 

ตอนเย็นเลิกงานหนิงเหมิงกลับถึงบ้านก็รีบวิดีโอคอลล์หาโหยวฉีเพื่อระบายความอึดอัดใจ

โหยวฉีต้องมองหน้าหนิงเหมิงแล้วเอ่ยถามขึ้น “ทำไมฉันถึงเห็นขอบตาแกดำ ไม่ได้ปรับกล้องให้ดีหรือว่าแกแต่งคอสเพลย์เป็นหมีแพนด้ากันแน่?”

หนิงเหมิงคลึงใบหน้า เสียงพูดระบายความอัดอั้นเต็มไปด้วยความสลดและความโกรธเกรี้ยว

“อย่าพูดเลย! นี่ก็เป็นเพราะเจ้านายดื้อเป็นลาก่อเรื่องขึ้นทั้งนั้น!”

หนิงเหมิงเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดเมื่อคืนให้เพื่อนฟัง

โหยวฉีหัวเราะเหอะๆ แล้วก็มองค้อนใส่ “เจ้าของที่ดินในสังคมศักดินาสามารถขู่เข็ญชาวนาได้ เพราะชาวนาส่วนใหญ่ได้แต่ทำตามไม่รู้จักขัดขืน ชาวนาต้องการจะเปลี่ยนเป็นนายก็ต้องกบฏ ส่วนแก ไม่ได้เรื่อง แกต้องรู้จักกบฏ เรียนรู้ที่จะกบฏ รู้จักพูดคำว่าไม่”

หนิงเหมิงแก้ตัวไปว่า “แต่ชาวนากบฏสำเร็จก็จะได้เป็นเจ้าของที่ดิน ส่วนฉันกบฏแล้วบริษัทก็ไม่ได้เป็นของฉัน แล้วฉันก็จะตกงานด้วยเหตุนี้ ดังนั้นที่แกเปรียบเทียบอย่างนี้มันไม่ถูกต้อง”

โหยวฉียื่นหน้าเข้ามาใกล้กล้อง รอยยิ้มที่งดงามไร้ที่ติเผยความโหดเหี้ยมออกมา “แกปากดีกับฉัน แล้วแกปากดีกับเจ้านายสัญชาติลาดื้อของแกไหม”

หนิงเหมิงกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ล้อเล่นน่ะ! ฉันยืดอกบอกกับแกได้เลย ไม่กล้า แล้วยังไงล่ะ!”

โหยวฉีร้องเหอะออกมา “แกน่ะพวกตีสองหน้า”

หนิงเหมิงหัวเราะตามน้ำ “ฉันมาใช้ชีวิตอยู่ในปักกิ่งมันไม่ง่ายเลยนะ จะมาดันทุรังเป็นอริกับเงินได้ยังไง แกว่าไหม ยังไงเขาก็เป็นคนจ่ายเงินเดือนฉันนะ”

โหยวฉีไม่สนใจฟังคำอธิบายดันทุรังที่เธอบอก อยู่ๆ ก็เปลี่ยนน้ำเสียงเป็นจริงจังขึ้นมา “อาเหมิง แกรู้ไหมว่าทำไมแกถึงเป็นพวกตีสองหน้าแบบนี้”

หนิงเหมิงชี้ไปที่ปลายจมูกตัวเองแล้วถามขึ้น “ฉันเป็นพวกตีสองหน้างั้นเหรอ อย่างฉันเรียกว่ารู้จักผ่อนปรนหรอก”

โหยวฉีหัวเราะเหอะๆ “หึ! หาคำพูดดีๆ มาแก้ตัวให้ตัวเองนะ แกไม่ใช่พวกตีสองหน้างั้นเหรอ ในใจอยากจะเอามีดไปแทงคนเขาจะแย่ แต่หน้าก็ต้องยิ้มอ่อนโยนไว้”

หนิงเหมิงเท้าคางทำท่าครุ่นคิดจริงจัง “แกแน่ใจนะว่าแกไม่ได้ด่าฉันว่าสารเลว”

โหยวฉีร้องเชอะ ใบหน้าอันงดงามเผยความดูถูกออกมา “ถ้าจะสารเลวนอกจากต้องยิ้มอย่างงดงามแล้ว ใจต้องคิดจะเอาความคิดชั่วๆ ไปใส่ร้ายให้กับคนอื่น แกไม่มีฝีมือในการใส่ร้ายคนอื่น ฉันถึงบอกว่าแกยังไม่สารเลวไง” โหยวฉีหยุดไปครู่หนึ่งแล้วพูดอย่างแทงใจดำว่า “แกรู้สึกต่ำต้อย”

หนิงเหมิงชะงักอยู่หน้ากล้อง

โหยวฉีพูดกับเพื่อน “อาเหมิง เพราะแกรู้สึกต่ำต้อย ดังนั้นแกถึงไม่กล้าที่จะตอบโต้กลับ สุดท้ายก็กลายเป็นพวกตีสองหน้าแบบหลบๆ ซ่อนๆ แกต้องมั่นใจในตัวเองหน่อย! แกไม่ได้ด้อยไปกว่าใครเลยจริงๆ นะ! แม้ว่าแกจะไม่ได้สวยบาดตาบาดใจอย่างฉัน แต่แกก็สวยละมุนนะ! เพียงแต่แกจัดการตัวเองไม่ค่อยถูก ชอบแต่งตัวเป็นหัวหน้าสาวแก่เท่านั้นเอง”

หลังจากฟังความคิดเห็นของโหยวฉีแล้ว หนิงเหมิงอยากจะหาหลุมเงียบๆ กระโดดลงไปจริงๆ ไม่อยากฟังคำพูดแทงใจอะไรอีกแล้ว

วิธีปลอบใจของโหยวฉีฟังแล้วไม่ค่อยเหมือนกำลังปลอบใจคนเท่าไหร่…

หนิงเหมิงยังดันทุรังคิดว่าตัวเองไม่ได้ฝืนยิ้มพูดกับโหยวฉี “แกนี่นิสัยไม่ดีจริงๆ! มีเวลาว่างไปศึกษาเกี่ยวกับเรื่องจิตวิทยาทำไม ทำเอาฉันเหมือนถูกจับแก้ผ้าอยู่กลางถนน”

เมื่อปิดวิดีโอคอลล์แล้วหนิงเหมิงก็นอนแผ่หลาอยู่บนเตียง

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in Master of My Own ขอโทษที ฉันไม่ใช่เลขาคุณแล้ว

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 1-2

บทที่ 1 ฮ่องเต้หญิง   “ท่านพี่นำร้อง น้องหญิงคลอรับ ท่านพี่เสียงเพิ่งลับ น้องหญิงสลับขึ้นเวที เป็นมารดาอารี มีบุตรีกตัญญ...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ร้อยเรียงรักเคียงฤทัย บทนำ – 1.2

บทนำ ความหลังของต้าลี่ 1   ฤดูหนาวในรัชศกต้าลี่ปีที่สิบเอ็ด โม่เป่ย ตำบลค่งหม่า สถานที่แห่งนี้คือประตูด่านสำคัญสุดท้ายทา...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 7-8

บทที่ 7 ค่าเดินทาง เมื่อภูตสุนัขดำคืนร่างเป็นสุนัขธรรมดาตัวหนึ่ง ภูตบุปผาสองตนนั้นก็ไม่อาจทำการใหญ่ ต่อให้ชาวหมู่บ้านป่า...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 3-4

บทที่ 3 เกิดใหม่   เวิ้งฟ้าดำสนิทปานน้ำหมึก เพียงมีดวงดาวบางตากระจัดกระจายบนม่านฟ้า ทอรัศมีอ่อนจางประเดี๋ยวเผยประเดี๋ยวเ...

community.jamsai.com