เธอรู้สึกอับอายอยู่สักหน่อย เพราะคิดว่าความรู้สึกต้อยต่ำนี้เป็นความลับ เธอเก็บซ่อนมันไว้เป็นอย่างดี ไม่มีใครจะรู้ได้ แต่สุดท้ายโหยวฉีก็รู้และพูดออกมาอีกด้วย
ถูกต้อง เธอรู้สึกต่ำต้อย รู้สึกว่าการมีชีวิตในปักกิ่งของตัวเองนั้นต้อยต่ำยิ่งกว่าต้นหญ้า คนอื่นรูดการ์ดซื้อกระเป๋าในห้างบนถนนจินหรงโดยไม่ต้องกะพริบตา เธอกลับไม่กล้าแม้แต่จะเข้าไปดูราคา แม้ว่าจะได้พบเจอกับคนรวยอยู่ทุกวัน แต่เธอก็ยังรู้สึกว่ามีกำแพงที่มองไม่เห็นเป็นสิ่งที่เรียกว่าระยะห่างระหว่างความรวยกับความจนกั้นกลางระหว่างเธอกับคนรวย ไม่ว่าเธอพยายามอย่างไรก็ไม่สามารถข้ามกำแพงนี้ไปได้ เธอเป็นแค่คนที่ทำงานการเงินที่ให้บริการเบ็ดเตล็ดกับคนมีเงินเท่านั้นเอง
กับลู่จี้หมิงเธอรู้สึกชัดเจนว่าตัวเธอกับเขาไม่ใช่คนบนโลกใบเดียวกัน แม้ตอนนี้จะเป็นยุคสังคมนิยม ระหว่างคนไม่ควรจะมีเรื่องชนชั้นมาเป็นตัวแบ่งแยก แต่ความรวยกับความจนก็แบ่งแยกคนเป็นหลายระดับอย่างเงียบๆ คนรวยอย่างลู่จี้หมิงมีชีวิตอยู่บนยอดพีระมิด
ส่วนเธอก็อยู่ชั้นล่างสุด ต้องพยายามอย่างหนักที่จะมีชีวิตอยู่ใต้พีระมิดนั่น
เธออยากจะปีนขึ้นไป อยากจะเป็นคนในระดับที่สูงขึ้น
ดังนั้นเธอจึงไม่อยากทำงานเลขาฯ อีกต่อไป เธออยากจะทำโปรเจ็กต์ลงทุน เป็นคนที่สามารถสร้างเงินสร้างความร่ำรวยขึ้นมาได้ ทำงานที่สามารถเลื่อนระดับสูงขึ้นได้
แต่เมื่อคิดถึงคืนก่อนที่ใช้โอกาสตอนลู่จี้หมิงเมา ท่าทางของเขาหลังจากเธอพูดว่าอยากจะไปทำโปรเจ็กต์ลงทุนนั้นทำให้หนิงเหมิงรู้สึกกลัดกลุ้มขึ้นมา
ถ้าลู่จี้หมิงยืนยันไม่ให้เธอย้ายตำแหน่งไปทำโปรเจ็กต์ลงทุน ตอนนั้นเธอจะโมโหแล้วลาออกเลยไหม แต่ถ้าลาออกแล้วไปสมัครงานกับบริษัทเงินทุนอื่น คนอื่นจะให้โอกาสเธอไปทำโปรเจ็กต์ลงทุนหรือเปล่า เพราะประสบการณ์สามปีที่เธอมีตั้งแต่เรียนจบมาก็มีแค่งานด้านเลขานุการเท่านั้นเอง
หนิงเหมิงจ้องมองเพดานแล้วถอนหายใจ เธอหลับตาลงแล้วก็เริ่มง่วงขึ้นมา
แต่เธอไม่อยากจะเป็นคนตีสองหน้าที่ถูกคนสูงกว่ากดเอาไว้ คิดว่าจะต้องมีสักวันที่เธอจะเชิดหน้าขึ้น ลู่จี้หมิงพูดออกมาหนึ่งประโยค เธอจะโต้เขากลับไปอย่างไม่ต้องเกรงกลัว
หนิงเหมิงคิดอย่างสะลึมสะลือก่อนที่จะหลับไป
ความรู้สึกที่อยากจะเถียงก็เถียงได้ มันจะเป็นความสะใจขนาดไหนกันนะ
วันรุ่งขึ้นไปทำงาน หนิงเหมิงต้อนรับแขกที่มาเยือนคณะหนึ่ง พวกเขามาหาลู่จี้หมิงเพื่อเจรจาพูดคุยเรื่องสัญญาการเตรียมความพร้อมก่อนจดทะเบียนเข้าตลาดหลักทรัพย์
บุคคลสำคัญที่มาก็คือสองสุภาพสตรี ส่วนคนอื่นๆ ก็คือผู้ช่วยที่พวกเธอพามาด้วย
สุภาพสตรีคนหนึ่งคือสืออิง อายุประมาณสี่สิบ เป็นนักลงทุนที่มีความสามารถ เป็นผู้รับรองตรวจสอบหญิงชุดแรกที่ทำการประเมินไอพีโอ* ในประเทศ
ส่วนสุภาพสตรีอายุยี่สิบกว่าอีกคนหนึ่งหนิงเหมิงรู้จัก เธอเป็นเพื่อนสมัยเด็กของลู่จี้หมิง ชื่อสวี่ซือเถียน ทุกครั้งที่หญิงสาวมาที่บริษัทก็สามารถเรียกสายตาของทุกคนให้จ้องมองไปที่เธอได้
เพราะว่าเธอสวยจริงๆ
เชิงอรรถ
* หยางไป๋เหลาและหวงซื่อเหริน เป็นตัวละครจากเรื่องไป๋เหมาหนี่ว์ (สาวผมขาว) หยางไป๋เหลาเป็นชาวนาที่เช่าที่ของหวงซื่อเหริน หวงซื่อเหรินเป็นเจ้าของที่ดินที่นิสัยร้ายกาจ รังแกผู้ที่ตกยาก ปล่อยเงินกู้ดอกเบี้ยสูงลิ่วให้หยางไป๋เหลาติดหนี้เป็นจำนวนมาก เพื่อจะให้หยางไป๋เหลาเอาตัวลูกสาวที่ชื่อสี่เอ๋อร์มาขัดดอก แต่สี่เอ๋อร์หนีขึ้นไปอยู่บนภูเขาเพื่อหลบหนีจากการคุกคามของหวงซื่อเหริน เธอใช้ชีวิตอยู่ในป่าจนผมเธอเปลี่ยนเป็นสีขาว ต่อมาภายหลังหวงซื่อเหรินถูกหวังต้าชุน หนุ่มที่รักใคร่กับสี่เอ๋อร์ตั้งแต่เด็กแก้แค้น และรับตัวสี่เอ๋อร์ลงจากภูเขา ใช้ชีวิตด้วยกันอย่างมีความสุข
*** หนิงเหมิง พ้องเสียงกับคำว่ามะนาวในภาษาจีนกลาง
* มายบัค (Maybach) เป็นรถยนต์หรูสัญชาติเยอรมนี
* กางเกงผ้าแพร เป็นคำเปรียบเปรย หมายถึงผู้ชายที่เป็นลูกหลานคนมีฐานะ ในสมัยโบราณกางเกงของผู้ชายชนชั้นสูงจะทำจากไหมหรือผ้าแพร จึงมีคำเปรียบเปรยว่าลูกหลานกางเกงแพร
* ตงฟางสือซ่าง เป็นโรงเรียนสอนขับรถที่ใหญ่และมีชื่อเสียงมากที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศจีน ซึ่งมีสาขาอยู่ตามเมืองต่างๆ ทั่วประเทศ
* OA ย่อมาจาก Office Automation หมายถึงระบบสำนักงานอัตโนมัติ
** เหยียนหวังเหยียไม่ติดหนี้ผีกระจอก เป็นการเปรียบเปรย หมายถึงคนที่มีเงินเยอะแล้วจะมาค้างเงินคนที่มีน้อยกว่าได้อย่างไร เหยียนหวังเหยียคือพญายมเมื่อเทียบกับผีกระจอกแล้ว พญายมก็มีฐานะและสมบัติมากกว่าผีกระจอก จึงไม่มีทางที่จะค้างเงินหรือติดหนี้บุญคุณกับผีกระจอก
* IPO ย่อมาจาก Initial Public Offering เป็นการเปิดขายหุ้นครั้งแรกของบริษัทเอกชนสู่สาธารณชน โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อให้บริษัทหาทุนเพื่อขยายกิจการ หรือเพื่อกระจายการถือครองหุ้นให้ประชาชนทั่วไป โดยนำไปจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์
ติดตามตอนต่อไปวันที่ 15 มิ.ย. 65 เวลา 12.00 น