“ประธานลู่สายตาเฉียบคมมาก มีคนเก่งอยู่ข้างตัว ทั้งเสี่ยวสวี่ เลขาฯ หนิงเป็นสาวเก่งกันทั้งนั้น ส่งเสริมเลขาฯ หนิงสักหน่อย ต่อไปต้องเป็นคนที่จัดการการลงทุนได้ดีแน่ๆ”
ลู่จี้หมิงหัวเราะฮ่าๆ “ประธานสือ คุณก็ล้อเล่นเก่งจริงๆ ยกยอเลขาฯ ผมเกินไปแล้ว”
สวี่ซือเถียนปรายตามองหนิงเหมิงแล้วก็หัวเราะตาม
ก่อนการประชุมจะจบลง ลู่จี้หมิงกับสืออิงกำหนดทิศทางการร่วมมือ อีกทั้งก้าวแรกของกำหนดการแผนการร่วมมือขั้นต่อไปก็ลงตัวแล้วเช่นกัน
ลู่จี้หมิงสั่งหนิงเหมิง “สร้างกลุ่มขึ้นมา แล้วดึงคนที่รับผิดชอบโปรเจ็กต์มาอยู่ในกลุ่ม สรุปประเด็นสำคัญกับความคืบหน้าของโปรเจ็กต์ทำเป็นบันทึกช่วยจำใส่ลงไปในกลุ่ม”
หนิงเหมิงพยักหน้ารับคำ
สืออิงอยู่หน้าโต๊ะประชุมยิ้มออกมา “เลขาฯ หนิงเป็นแค่เลขาฯ ที่ไหน งานที่เธอทำก็เป็นงานของคนทำโปรเจ็กต์ทั้งนั้น!” เธอตัดพ้ออย่างเสียดาย “ถ้าฉันมีผู้ช่วยอย่างเลขาฯ หนิงสักคนคงจะดี”
ลู่จี้หมิงรีบตอบกลับไปอย่างรวดเร็ว “ประธานสืออย่ามาดึงคนของผมไปนะ ผมใช้เลขาฯ มาเป็นร้อยคน เพิ่งจะหาคนที่ทำงานได้ถูกใจ คุณโปรดยั้งมือด้วย”
สืออิงทอดถอนใจอยู่บ้าง “เลขาฯ คุณคนนี้หาได้ยากจริงๆ ทั้งมีความสามารถและยังเป็นคนละเอียดด้วย!” แล้วเธอก็ปรับอารมณ์ มองไปที่หนิงเหมิงพลางเอ่ยด้วยเสียงอันอ่อนโยน “เมื่อครู่ตอนที่คุณรินน้ำให้ฉัน ตั้งใจวางไว้ทางซ้ายมือฉัน ถามหน่อยได้ไหม ทำไมคุณถึงดูออกว่าฉันเป็นคนถนัดซ้ายล่ะ”
คำถามนี้ของเธอเรียกสายตาของอีกสองคนที่อยู่ในห้องประชุมให้หันเหมือนกับสปอตไลต์ที่ยิงมายังใบหน้าของหนิงเหมิง
หนิงเหมิงตื่นตระหนกขึ้นมาทันที รู้สึกเหมือนกับว่ามีใครเอาไมโครโฟนมายัดใส่มือเธอ
เธอทัดผมไปไว้หลังใบหู พยายามทำตัวให้นิ่ง พูดด้วยน้ำเสียงมั่นคงแต่อ่อนโยนว่า “เมื่อครู่ตอนที่คุณกำลังแนะนำโปรเจ็กต์ก็ใช้มือซ้ายในการอธิบาย ตอนที่คุณจะดื่มน้ำ แก้วน้ำวางอยู่ทางขวามือของคุณ ตอนแรกคุณคิดจะใช้มือซ้ายเอื้อมไปยกแล้ว แต่ระยะทางมันไม่เหมาะ จึงได้เปลี่ยนเป็นมือขวา แล้วตอนที่ยกขึ้นก็สั่นนิดหน่อย”
ทันทีที่หนิงเหมิงพูดจบ สืออิงก็ยิ่งรู้สึกเสียดายจึงพูดกับลู่จี้หมิงตรงๆ “ประธานลู่ คุณคิดว่าทำไมฉันถึงไม่เจอคนเก่งๆ แบบนี้บ้างนะ”
ลู่จี้หมิงโดนกระตุ้นจนจะกลายเป็นพวกหวงของแล้ว
เขารีบเน้นย้ำกับสืออิงอีกครั้ง “ประธานสือ เราตกลงกันแล้วนะ คุณชื่นชมได้ แต่ห้ามมาแย่งคนของผมไปนะ คนของผมคนนี้ก็ให้ใครมาแทนไม่ได้ด้วย!”
สืออิงหัวเราะฮ่าๆ สวี่ซือเถียนที่อยู่ข้างๆ ก็อดที่จะส่งเสียงออกมาไม่ได้
“นี่มันอะไรกัน ถ้าแค่ขาดคนทำงาน ฉันลดตัวลงมาทำงานให้ก็ได้”
ตอนที่เอ่ยประโยคนี้สวี่ซือเถียนไม่มองหนิงเหมิงตรงๆ เพียงแต่ยิ้มอย่างสดใสให้กับลู่จี้หมิง
ลู่จี้หมิงหัวเราะหึๆ ออกมา “ผมจ้างคุณหนูอย่างคุณมาทำงานเบ็ดเตล็ดไม่ไหวหรอก”
คำพูดที่พวกเขาตอบโต้กันทำให้ความรู้สึกยินดีที่มีคนมาชื่นชมเห็นความสามารถของหนิงเหมิงหายวับไปกับตา
พวกเขาสองคน คนหนึ่งพูดว่าลดตัว อีกคนก็พูดว่าทำงานเบ็ดเตล็ด
ในสายตาของพวกเขา เธอไม่ใช่คนระดับเดียวกัน
ความชื่นชมของสืออิงและอาการหวงของลู่จี้หมิงเกือบจะทำให้เธอให้ค่าตัวเองมากขึ้นแล้ว ความจริงเมื่อเทียบกับคนร่ำรวยมีความสามารถ เธอก็เป็นแค่คนทำงานเบ็ดเตล็ดพื้นๆ…
มองดูลู่จี้หมิง สวี่ซือเถียน และสืออิงเดินออกไปด้วยกัน ลู่จี้หมิงกับสวี่ซือเถียนช่างสวยหล่อเจริญหูเจริญตา หนุ่มหล่อกับสาวสวยเหมาะสมกันมากจริงๆ เป็นอาหารตาที่ทำให้ปากของคนกระจอกอย่างเธอเต็มไปด้วยรสชาติของชื่อตัวเอง*
สืออิงที่อยู่ข้างๆ ก็ยืนหลังตรงอย่างสง่างาม ที่แขนพาดกระเป๋าแอร์เมสเอาไว้ นิ้วมือมีประกายด้วยแหวนเพชรทิฟฟานี่ ชุดชาแนลที่อยู่บนตัวก็ส่งกลิ่นหอมอ่อนๆ…แบรนด์หรูหราเหล่านี้กำลังเน้นย้ำความงาม ความเก่ง และความสำเร็จของหญิงสาว
เมื่อก้มหน้ามองดูตัวเอง หนิงเหมิงรู้สึกว่าเธอมอมแมมดูไม่ได้ เหมือนกับเป็นพื้นหลังที่ไม่น่าใส่ใจอะไรในสายตาของคนอื่น
เมื่อส่งสืออิงกับสวี่ซือเถียนไปแล้ว หนิงเหมิงก็นั่งเหม่ออยู่ที่โต๊ะทำงาน
ลู่จี้หมิงเลิกงานไปก่อนแล้ว ก่อนจะไปยังพูดงึมงำกับเธอว่าวันนี้ทำไม่เลว
ตอนนี้ในบริษัทนอกจากเธอแล้วก็ไม่มีใคร เป็นจังหวะให้เธอได้อยู่เงียบๆ คนเดียว สรุปการตัดสินใจด้วยอารมณ์ที่พลุ่งพล่านมาตลอดทั้งบ่าย การตัดสินใจนี้เกิดจากการกระตุ้นของสืออิงและสวี่ซือเถียน ตอนนี้ระงับเอาไว้ไม่อยู่แล้ว
เธอไม่อยากจะเป็นเลขาฯ อีกต่อไปแล้ว เธออยากจะเป็นอย่างสืออิงที่เดินไปไหนก็ส่องประกายความสำเร็จของผู้หญิงเก่งออกมา
หนิงเหมิงกำหมัด ยืนหยัดความเชื่อมั่นในความตั้งใจของตัวเองอย่างเงียบๆ
พรุ่งนี้…พรุ่งนี้จะต้องไปพูดกับลู่จี้หมิงให้ชัดเจน เธอไม่อยากทำงานเลขาฯ แล้ว เธออยากจะออกไปทำโปรเจ็กต์! อย่างมากก็ถูกไล่ออก มันจะเป็นไรไป อย่ากลัวว่าตกงานแล้วจะไม่มีงานถัดไป ยังไงซะสืออิงก็เห็นว่าเธอมีความสามารถนี่ ถ้าเกิดตกงานก็ไปหาสืออิง อีกฝ่ายน่าจะรับเธอเข้าทำงานล่ะมั้ง
เพราะฉะนั้นจะต้องตั้งเป้าหมายเล็กๆ ซะก่อน
หนิงเหมิงพูดกับตัวเองในใจ
สำหรับอนาคต เธอหวังไว้ว่าภายในห้าปีเธอจะเป็นคนที่ประสบความสำเร็จคนหนึ่งในธุรกิจ เป็นผู้อำนวยการการลงทุนระดับเหรียญทอง!