Master of My Own ขอโทษที ฉันไม่ใช่เลขาคุณแล้ว
ทดลองอ่าน Master of My Own ขอโทษที ฉันไม่ใช่เลขาคุณแล้ว เล่ม 3 บทที่ 69
หนิงเหมิงและหลิ่วหมิ่นฮุ่ยต่างเชิญให้อีกฝ่ายเดินเข้าห้องไปก่อนด้วยความอ่อนน้อมถ่อมตน
ในห้องโถงใหญ่ของบริษัทมีโต๊ะขนาดใหญ่สองตัว มีพิซซ่าวางอยู่เต็มโต๊ะ เมื่อมองแวบแรกมันดูตระการตาและน่าประทับใจ พนักงานของฮุ่ยมีเดียที่นั่งอยู่รอบโต๊ะต่างหันมาทางหน้าประตูแล้วทักทายด้วยสายตา ทันทีที่หนิงเหมิงเดินเข้ามาข้างใน พวกเขาปรบมือด้วยท่าทางที่พร้อมเพรียง รอยยิ้มของพวกเขาก็สดใสแต่ดูไร้ความรู้สึก มองดูแล้วเหมือนพวกผีดิบที่หิวโหยและบ้าคลั่ง
อันจงก็อยู่ในที่นี้ด้วย เมื่อเห็นหนิงเหมิงเข้ามา เขาก็ส่งเสียงเฮอะๆ ก่อนจะกล่าว
“ประธานหลิ่วครับ เชิญคุณนายทุนมาร่วมกันทานพิซซ่าเร็วๆ เถอะครับ รีบๆ ให้พวกนี้กินรสทุเรียนลงท้องไปเร็วๆ นะครับ ขืนกลิ่นทุเรียนยังรมอยู่อีกสักพัก บุคลิกต่อต้านสังคมของผมคงเปิดเผยออกมาแน่ๆ!”
ขณะที่คนอื่นๆ ประเมินหนิงเหมิงไปพร้อมกับรับลูกไปว่าจริงด้วยๆ
หนิงเหมิงอยากจะหัวเราะอีก นี่เป็นกลุ่มคนที่วิเศษที่สุดที่เธอเคยเจอมา แม้พวกเขาจะพูดคำว่านายทุนกันติดปาก แต่เนื้อแท้ของพวกเขาไม่ได้ถือว่านายทุนคือผู้ที่ต้องประจบสอพลอหรือมองว่าต้องพยายามเยินยอ
หลังจากกินพิซซ่าไปสองชิ้น หลิ่วหมิ่นฮุ่ยก็เชิญหนิงเหมิงเข้ามาในห้องทำงานเพื่อคุยรายละเอียด เนื่องจากทั้งสองได้พบกันเป็นครั้งแรก หลิ่วหมิ่นฮุ่ยกังวลว่าจะเกิดภาวะสุญญากาศระหว่างการสนทนา เขาจึงเรียกให้อันจงมาร่วมพูดคุยด้วย เพราะอันจงรู้จักหนิงเหมิงอยู่ก่อนแล้วและเป็นคนที่ช่างพูดช่างคุย
แต่อันจงดันปฏิเสธเจ้านายของตัวเองทันทีด้วยเหตุผลที่ว่า “พวกคุณคุยกันเรื่องเงินๆ ทองๆ ผมไม่ชอบฟัง ไร้รสนิยม! ผมอยากกินพิซซ่าหน้าชีสชิ้นใหญ่อยู่ที่นี่!”
หลิ่วหมิ่นฮุ่ยซึ่งถูกพนักงานของตัวเองปฏิเสธซึ่งๆ หน้าชี้ไปที่อันจงและขู่อย่างอ่อนโยน
“กินอิ่มแล้วก็ลองเดาดูว่าฉันจะไล่นายออกวันไหน ดูว่าเกินสามวันไหม ฮะ!”
หนิงเหมิงชอบบรรยากาศของบริษัทนี้มากขึ้นเรื่อยๆ ดูเหมือนไม่รู้จักเด็กรู้จักผู้ใหญ่ แต่ความจริงกอดกันแน่นเป็นกลุ่มก้อน หากพวกเขาไม่ไว้วางใจซึ่งกันและกันจากก้นบึ้งของหัวใจแล้ว ก็คงจะไม่ได้มีท่าทางที่สนิทสนมอย่างจริงใจเช่นนี้
หนิงเหมิงและหลิ่วหมิ่นฮุ่ยนั่งเผชิญหน้ากันในห้องทำงานโดยมีโต๊ะน้ำชาทรงกลมเล็กๆ คั่นกลาง ทั้งสองดื่มน้ำชาไปพร้อมกับหารือเรื่องการลงทุน
หนิงเหมิงเริ่มสอบถามสถานการณ์ทางการเงินของบริษัทฮุ่ยมีเดียก่อน คำตอบของหลิ่วหมิ่นฮุ่ยตรงไปตรงมาจนอยากจะให้สติ๊กเกอร์ดอกไม้แดง
“กำไรสุทธิน่ะเหรอ อันที่จริงก็มีกำไรนะ แต่เพื่อเลี่ยงจ่ายภาษีให้น้อยลง พวกเราจึงแจ้งไปว่าผลประกอบการขาดทุน
ส่วนสินทรัพย์เหรอ อืม…สินทรัพย์ พวกเราเซ็นสัญญากับสาวสวยหลายคน ตอนนี้ยังไม่ดัง ประเมินมูลค่าคงยังไม่ได้เท่าไหร่ รอเราล่อลวงให้พวกเธอดังก่อน ถึงตอนนั้นพวกเธอก็จะกลายเป็นสินทรัพย์สำคัญของฮุ่ยมีเดีย!
กระแสเงินสดเหรอ กระแสเงินสดก็ยังโอเค เงินสดที่เข้ามาไม่กี่วันก็ไหลออกไป ไม่ต้องออกแรงเลย”
หนิงเหมิงฟังแล้วก็เกือบพ่นพรืดออกมา เธอสงสัยว่าทุกคนในบริษัทของหลิ่วหมิ่นฮุ่ยล้วนเป็นคนตลกเหมือนกันหรือเปล่า
หลังจากเข้าใจถึงสถานการณ์ทางการเงินโดยรวมของฮุ่ยมีเดียแล้ว ในใจหนิงเหมิงเบื้องต้นก็มีความมั่นใจ
เงื่อนไขตรงกับที่ตัวเองคาดหวังไว้ บริษัทไม่เล็กไม่ใหญ่เกินไปและกำลังอยู่ในช่วงของการพัฒนาและขยายตัว โดยรวมแล้วเป็นแนวโน้มการพัฒนาที่เหมาะสมอย่างยิ่ง
หนิงเหมิงบอกกับหลิ่วหมิ่นฮุ่ยว่าเธอได้ดูซีรี่ส์ออนไลน์ของบริษัทฮุ่ยมีเดียทั้งสองเรื่องแล้ว รู้สึกว่าทั้งสองเรื่องสนุกมาก
“จุดที่ซีรี่ส์ของพวกคุณมีคุณค่ามากที่สุดคือความสนุกสนานและไม่ตามกระแส มีจิตวิญญาณของตนเอง มุกตลกในบทละครเป็นมุกที่เข้าใจง่ายและมีระดับ”
ด้วยการประเมินนี้ดวงตาหลิ่วหมิ่นฮุ่ยเป็นประกายขึ้นมา “มีนายทุนมากมายมาคุยกับผม แต่คุณเป็นคนเดียวที่เข้าใจพวกเราดีที่สุด!”
หนิงเหมิงถามหลิ่วหมิ่นฮุ่ยว่าบริษัทมีโปรเจ็กต์อื่นๆ สำรองไว้รึเปล่า แนวทางในการพัฒนาและเป้าหมายหลักคืออะไร
หลิ่วหมิ่นฮุ่ยตอบว่า “โปรเจ็กต์ในอนาคตของบริษัทเราก็คือมุ่งเน้นนำเอานิยายออนไลน์ที่ได้รับความนิยมมาดัดแปลงใหม่”
เมื่อหนิงเหมิงได้ยินคำว่า ‘นิยายออนไลน์’ ดวงตาก็เบิกโพลงทันที หลิ่วหมิ่นฮุ่ยแสดงท่าทางภูมิอกภูมิใจ
“ผมเป็นคนอินเทรนด์ใช่รึเปล่า พวกเราในที่นี้เป็นอินเตอร์เน็ตพลัส* เหมือนกันนะ!”
หนิงเหมิงยิ้มขึ้นมาทันที
สิ่งที่หลิ่วหมิ่นฮุ่ยกล่าวนั้นถูกต้อง นิยายออนไลน์เกิดจากอินเตอร์เน็ตและโด่งดังจากอินเตอร์เน็ต สิ่งที่พัฒนาต่อยอดจากเนื้อเรื่องต่อไปมันไม่ใช่ ‘อินเตอร์เน็ตพลัส’ หรอกหรือ
เมื่อพูดถึงนิยายออนไลน์หลิ่วหมิ่นฮุ่ยก็หยุดไว้ไม่อยู่ หนิงเหมิงรู้สึกถึงคำพูดก่อนหน้านี้ของอันจงที่ว่าในร่างเจ้านายของเขามีเจ้าหญิงตัวน้อยที่ชอบอ่านนิยายออนไลน์สิงร่างอยู่จริงๆ
หลิ่วหมิ่นฮุ่ยพูดรัวไม่ได้หยุดถึงข้อดีของบริษัทตัวเองที่จะนำนิยายออนไลน์มาดัดแปลงเป็นละครออนไลน์
“หนิงเหมิง ผมไม่เรียกคุณว่า ผอ. หนิงแล้วนะ มันอึดอัดพิลึก! หนิงเหมิง คุณรู้ไหมว่าตอนนี้ในประเทศจีนมีผู้คนติดตามอ่านนิยายในโลกออนไลน์กี่คน”
หนิงเหมิงส่ายหัวตอบ เธอรู้อยู่แล้วว่ามีเยอะมาก แต่จะเยอะถึงขั้นไหนนั้นเธอยังไม่ได้ตรวจสอบอย่างละเอียดถี่ถ้วน
หลิ่วหมิ่นฮุ่ยชูสามนิ้วและพูดตัวเลขที่ทำให้หนิงเหมิงตกใจอย่างมาก “เกือบสามร้อยล้าน! และยิ่งสมาร์ตโฟนกลายเป็นของธรรมดา ตัวเลขนี้จะเพิ่มขึ้นอีกในอนาคต ซึ่งแสดงให้เห็นว่าฐานของแฟนคลับนิยายออนไลน์มีมากขนาดไหน มันใหญ่มาก!”
หลิ่วหมิ่นฮุ่ยทิ้งเวลาไว้สองวินาทีเพื่อให้หนิงเหมิงได้ตกอกตกใจแล้วเขาก็พูดต่อว่า “โดยส่วนตัวแล้วผมชอบอ่านนิยายออนไลน์ และเมื่อสองปีที่แล้วก็มีความคิดที่จะดัดแปลงนิยายออนไลน์ จากนั้นเป็นต้นมาผมก็ได้ทยอยซื้อลิขสิทธิ์นิยายออนไลน์เก็บไว้ไม่น้อย” พูดถึงตรงนี้หลิ่วหมิ่นฮุ่ยก็ดูภูมิใจเล็กๆ “ผมเป็นผู้มีวิสัยทัศน์ เริ่มลงมือแต่เนิ่นๆ ตอนที่ผมเริ่มซื้อราคาลิขสิทธิ์ค่อนข้างถูก ต่างจากตอนนี้ที่ราคาขายนับวันยิ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ”
หนิงเหมิงรู้สึกว่าการคุยโวโอ้อวดยกยอตนเองของหลิ่วหมิ่นฮุ่ยไม่ใช่เรื่องที่น่ารำคาญเลย