บทที่ 7 เวลาสามเดือน
คำพูดอาจหาญของหนิงเหมิงทำให้ลู่จี้หมิงระเบิดเสียงหัวเราะเยาะออกมา
“ดูไม่รู้เลยนะหนิงเหมิง ใจกล้าไม่ใช่เล่น คุณก็กล้าคิดนะ!” ลู่จี้หมิงกำมือเคาะโต๊ะ “ผมบอกให้รู้นะ ตอนนี้คุณมีเพียงสองทางเลือก ถ้าไม่ไปทำหน้าที่เลขาฯ ให้ดีๆ ก็ไม่ต้องทำแล้ว กลับบ้านไปเลย!”
หนิงเหมิงมองดูลู่จี้หมิง เบื้องหลังเลนส์แว่นคือดวงตาที่สว่างสดใสของเธอ ทันทีที่เขายื่นคำขาดออกมา ใจเธอกลับนิ่ง ไม่ตื่นตระหนกอีกแล้ว
เธอเฝ้าดูลู่จี้หมิงอย่างเงียบๆ ใช้คำตอบที่มีน้ำเสียงอ่อนโยนของเธอทิ่มแทงความมั่นใจและหยิ่งยโสของอีกฝ่ายว่าเธอจะไม่กล้าลาออก
“ได้ค่ะท่านประธานลู่ งั้นฉันไม่ทำแล้ว” หนิงเหมิงพูดทีละคำ
ลู่จี้หมิงอยู่ตรงนั้นและมองจ้องเธอเป็นเวลาสองวินาทีเต็ม
วินาทีที่สามเขาตบโต๊ะอย่างแรงแล้วเขวี้ยงปากกาลงกับพื้น ชี้ไปที่หนิงเหมิงและตะโกน
“ออกไป! ผมจะรอจดหมายลาออกของคุณ!”
หนิงเหมิงหันหลังเดินออกไป
ขณะที่ประตูปิดอยู่ข้างหลัง เธอได้ยินเสียงเขวี้ยงแก้วน้ำลงบนพื้น
เมื่อได้ยินเสียงนั้นหนิงเหมิงก็อดหัวเราะอย่างช่วยอะไรไม่ได้
…นี่ก็สปอยล์กันจนเคยตัว โตขนาดนี้แล้ว เป็นเจ้าของบริษัทใหญ่แท้ๆ ยังมาระบายอารมณ์แบบนี้ ต้องขนาดนั้นไหม
หนิงเหมิงนั่งลงที่โต๊ะทำงาน เปิดไฟล์งานขึ้นและเริ่มพิมพ์จดหมายลาออก
เมื่อพิมพ์คำว่า ‘จดหมายลาออก’ ลงไป ใจยังรู้สึกลังเลและเสียดายอยู่บ้าง แต่เธอค้นพบอารมณ์ที่ตัวเองควรมี เธอตั้งใจมั่น เริ่มพิมพ์เนื้อหาในจดหมายลาออกลงไปอย่างแน่วแน่
ด้านในก็เริ่มเขวี้ยงแก้วเสียงดังให้เธอได้ยินอีกแล้ว
ถึงขนาดนี้แล้ว ลาออกก็ลาออก จะเสียใจภายหลังไม่ได้
หนิงเหมิงใช้เวลาไม่ถึงสิบนาทีก็พิมพ์จดหมายลาออกออกมา
ไม่ว่าเป็นเรื่องอะไร เมื่อตัดสินใจแน่แล้ว พอลงมือทำประสิทธิภาพก็จะสูงขึ้น
สองนิ้วเธอหนีบจดหมายลาออกที่เพิ่งออกจากพริ้นเตอร์และยังมีไอร้อนอยู่
จดหมายลาออกที่เพิ่งออกจากเตา ทั้งร้อนและสดใหม่
ความคิดที่ตลกขบขันนี้แวบเข้ามาในหัวของหนิงเหมิง ทำให้ความเครียดที่จะเคาะประตูและเผชิญหน้ากับนักตะคอกหายไป
ทว่าสิ่งที่ได้เผชิญกลับทำให้เธอประหลาดใจ
เมื่อเข้าไปในห้องทำงานท่านประธานอีกครั้ง ลู่จี้หมิงที่อยู่ด้านหลังโต๊ะก็มีสีหน้ายิ้มแย้มเหมือนเมื่อครู่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่มีใครโวยวาย ไม่มีใครเคาะโต๊ะ ไม่มีใครขว้างปากกาหรือถ้วย
ลู่จี้หมิงที่ไม่อาละวาดต่อเหมือนเคยทำให้หนิงเหมิงไม่รู้ว่าจะรับมืออย่างไรในตอนนี้
หญิงสาวดันแว่นตาขึ้นแล้วก้าวไปข้างหน้า ยื่นจดหมายลาออกให้ชายหนุ่มบนโต๊ะทำงาน
ลู่จี้หมิงไม่มองแม้แต่น้อยพลางยกมือปาดออกไป กระดาษแผ่นนั้นก็กึ่งเลื่อนกึ่งลอยออกไปด้านข้าง
หนิงเหมิง “…”
นี่คือทิศทางการพัฒนาแบบไหน
ลู่จี้หมิงจับจ้องเลขาฯ ที่อยู่หน้าโต๊ะทำงานตัวใหญ่ โต๊ะไม้เนื้อแข็งขนาดใหญ่และโอ่อ่า เมื่อเทียบกับหญิงสาวที่สวมกระโปรงทรงแคบ เธอก็ดูผอมบางอย่างชัดเจน
การเปรียบเทียบนี้ทำให้ลู่จี้หมิงมีความรู้สึกผิดชอบชั่วดีอยู่บ้าง
ทำเหมือนเขากับโต๊ะตัวใหญ่ร่วมมือกันรังแกคนอย่างนั้น…
ลู่จี้หมิงเลิกคิ้วขึ้น ใบหน้าของเขาสงบราวกับว่าเมื่อครู่ไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นมาก่อน
เขาไม่ได้อาละวาด ไม่ได้ข่มขู่ และไม่ได้เขวี้ยงแก้วเพราะประชดใคร
“หนิงเหมิง ผมคิดแทนคุณดูแล้ว ผมคิดว่าเมื่อครู่คุณหุนหันพลันแล่นเกินไป” บอสลู่พูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง
หนิงเหมิง “…” หุนหันพลันแล่นน่ะคุณต่างหาก พี่ชาย!