ทดลองอ่าน Master of My Own ขอโทษที ฉันไม่ใช่เลขาคุณแล้ว บทที่ 7-บทที่ 8 – หน้า 6 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

Master of My Own ขอโทษที ฉันไม่ใช่เลขาคุณแล้ว

ทดลองอ่าน Master of My Own ขอโทษที ฉันไม่ใช่เลขาคุณแล้ว บทที่ 7-บทที่ 8

6 of 6หน้าถัดไป

“เลขาฯ จะหน้าด้านเกาะติดหนึบเจ้านายที่ร่ำรวยก็ไม่แปลก แต่เจ้านายกลับหน้าด้านเกาะติด…นี่มันอะไรกัน อาเหมิง เขาไม่ได้สติไม่ดีใช่ไหม”

หนิงเหมิงโมโห “ทำไมคนที่ประจบฉันมันมีแต่คนบ้าหรือยังไง ฉันมีเสน่ห์ไม่ได้หรือไง!” หลังจากมองตัวเองในกระจก เธอก็เย็นลงทันที “ช่างเถอะๆ เขาน่าจะสติไม่ดีแหละ”

โหยวฉีไม่พอใจอีก “ช่างได้ยังไง แกก็ไม่เลว จัดการหน้าม้า ถอดแว่นออก แกก็เป็นสาวสวยคนหนึ่งเลยรู้ไหม ทำไมแกถึงไม่มั่นใจนัก!”

“…”

ไม่รู้ว่าใครพูดก่อนว่าเจ้านายประจบเธอคือเจ้านายสติไม่ดี

 

นับตั้งแต่ที่เธอเดินไปกดน้ำแล้ว ‘บังเอิญ’ เจอกับลู่จี้หมิง หนิงเหมิงก็พบว่าแผนการกลั่นแกล้งที่ชิวจวิ้นหลินเตรียมไว้ให้เธอมันรุนแรงมากขึ้นทุกที หลังจากการวิเคราะห์หลายครั้ง เธอมีเหตุผลที่จะเชื่อว่าลู่จี้หมิงบอกใบ้บางอย่างให้กับชิวจวิ้นหลิน ทำให้ชิวจวิ้นหลินคิดว่าถ้าเขาสามารถบีบเธอให้ออกไปเร็วเท่าไหร่ เขาจะได้รับการเลื่อนตำแหน่งและเพิ่มเงินเดือน รวบรวมแผนกโปรเจ็กต์ต่างๆ เข้าด้วยกัน เดินสู่จุดสุดยอดของชีวิต

บางครั้งหนิงเหมิงโมโหชิวจวิ้นหลินมากจนอยากจะกลับไปเป็นเลขาฯ ลู่จี้หมิงต่อให้สิ้นเรื่องสิ้นราว ถึงตอนนั้นจะทำให้เจ้าคนประหลาดตกใจตายก็ให้มันรู้ไป แต่ความคิดเช่นนั้นก็เข้ามาและหายไปอย่างรวดเร็ว

หนทางข้างหน้าอย่างไรก็ต้องเจอคนร้ายสองสามคนที่ให้เธอทดสอบและฝึกฝนความตั้งใจ ไม่มีใครสามารถประสบความสำเร็จได้แบบง่ายๆ ดูอย่างหงอคงที่เดินทางไปกับพระถังซัมจั๋ง ต้องเจอกับภูตผีมารปีศาจมากมายกว่าเธอนัก

หนิงเหมิงบังเอิญพบกับลู่จี้หมิงครั้งที่สองตอนอยู่หน้าลิฟต์ ครั้งนี้เป็นการเผชิญหน้ากันโดยบังเอิญจริงๆ ห่างจากครั้งแรกเกือบหนึ่งสัปดาห์ ตอนนั้นลู่จี้หมิงกำลังรอลิฟต์อยู่กับสวี่ซือเถียน

หนิงเหมิงยืนอยู่ข้างหลังพวกเขาอย่างเงียบๆ

เมื่อเห็นสวี่ซือเถียน หนิงเหมิงอดที่จะมองอีกฝ่ายอย่างประเมินมากขึ้นไม่ได้

สวยจริงๆ ด้านหลังชดช้อยงดงาม ท่าทางเต็มไปด้วยความหยิ่งผยองของพวกคนในสังคมชั้นสูง เธอและลู่จี้หมิงยืนคู่กันแล้วเหมาะกับคำโบราณที่กล่าวไว้ว่า คู่คนงามจริงๆ

เมื่อมองไปที่ด้านหลังอันงดงาม หนิงเหมิงย้อนคิดไปถึงหลายวันก่อนที่หยางเสี่ยวหยางใช้เวลาพักกลางวันมาเม้าท์มอยเรื่องใหญ่กับเธอ

‘อาเหมิง…อาเหมิง คุณจำสวี่ซือเถียนที่ขาวรวยสวยคนนั้นได้ไหม ไม่นานมานี้เธอมาหาประธานลู่ทุกวันเลย แม้แต่สายตาเอียงมากๆ อย่างฉันก็ยังมองออกว่าเธอชอบประธานลู่!’

หนิงเหมิงไม่ทันระวังกัดกระพุ้งแก้มตัวเอง ดูสิ ช่วงนี้เหนื่อยจนผอมเลย เธอดื่มน้ำไปคำเพื่อล้างกลิ่นคาวเลือดในปาก

หนิงเหมิงพูดไปด้วยทัศนคติที่เป็นกลาง ‘ผู้หญิงคนนั้นทั้งสวยและความรู้ก็สูง พูดจาชัดเจนคล่องแคล่วและไม่พูดอ้อนๆ ยังเป็นเพื่อนสมัยเด็กกับประธานลู่ด้วย พ่อของทั้งคู่เป็นเจ้าของบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ ฐานะครอบครัวก็เหมาะสมกัน ภาพลักษณ์ภายนอกก็ยิ่งไม่ต้องพูดถึง ทั้งสองคนเหมาะสมกันแบบสามร้อยหกสิบองศา คาดว่าลูกๆ ของพวกเขาจะหน้าตาดีสะเทือนโลกตั้งแต่อยู่ในท้องแล้วล่ะ’

หยางเสี่ยวหยางไม่เห็นด้วยกับข้อสรุปนี้ ‘เชอะ! แค่ดูดีจะมีประโยชน์อะไร สองคนนั้นเป็นพวกเจ้าอารมณ์ ต่อไปก็คงมีลูกเป็นปืนใหญ่!’ หยางเสี่ยวหยางถอนหายใจแล้วพูดต่ออย่างหดหู่ใจ ‘เฮ้อ คนพวกนี้เป็นคนรวยที่อยู่บนยอด อยู่คนละโลกกับพวกมนุษย์เงินเดือนอย่างพวกเรา นี่แหละสังคมในโลกปัจจุบัน ถ้าเป็นเมื่อก่อนพวกเขาก็เป็นพวกนายท่าน เราก็เพียงสาวใช้ตัวน้อย?’

คำพูดนี้ทำให้หนิงเหมิงกัดกระพุ้งแก้มอีกครั้ง ถ้ายังกัดต่อไปเธอกลัวว่าตัวเองจะกัดแก้มจนทะลุ

ปากเต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือดจนเธอกินข้าวไม่ลงแล้ว

ต่อมาแผนกโปรเจ็กต์ลงทุนก็เริ่มกระจายเรื่องซุบซิบนี้ทีละน้อย

ทุกคนบอกว่าสองคนนี้ตัวติดกันแน่น ดูเหมือนน่าจะคบกันจริงๆ บางคนบอกว่าลู่จี้หมิงทำเรื่องลงทุนได้ดี แต่เขาก็ยังไม่แน่ใจเรื่องผู้หญิง แล้วสวี่ซือเถียนอาจจะเอาเขาไม่อยู่ ดูเวลาเที่ยวก็เที่ยว เวลาสนุกก็สนุกเต็มที่ งานอดิเรกคนโสดที่ชอบทำกันก็ไม่พลาดสักอย่าง คิดจะหยุดซะที่ไหน มีคนบอกอีกว่าเฮ้ คนรวยที่ไหนสนใจเรื่องนี้กันเล่า สนุกแล้วรู้จักกลับบ้านได้ก็พอแล้วไหม

หนิงเหมิงได้ยินเข้าก็เกือบจะกัดกระพุ้งแก้มอีกครั้ง

หยางเสี่ยวหยางพูดถูก คนรวยและคนธรรมดาไม่ใช่คนในโลกเดียวกัน

หนิงเหมิงยืนอยู่ข้างหลังลู่จี้หมิงและสวี่ซือเถียน กลั้นหายใจเพื่อลดความมีตัวตนให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เธออยากทำให้ตัวเองโปร่งใสและกลมกลืนไปในอากาศ

เธอรอลิฟต์อย่างเงียบๆ ยืนอยู่ข้างหลังคนสองคนที่มีออร่าเปล่งประกาย รู้สึกว่าตัวเองหดลงจนเล็กนิดเดียว

ในที่สุดลิฟต์ก็มาถึง ลู่จี้หมิงและสวี่ซือเถียนเดินเข้าไปแล้วหันหน้ากลับมาทางหน้าลิฟต์

จังหวะนี้หนิงเหมิงและลู่จี้หมิงก็สบตากัน

สวี่ซือเถียนประกาศความเป็นเจ้าของโดยการคล้องแขนของลู่จี้หมิงหลังจากยืนนิ่งทันที

หนิงเหมิงบังคับไม่ให้ตัวเองดันแว่นตา เธอก้าวเข้าไปในลิฟต์ราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ขณะประตูลิฟต์กำลังปิด หนิงเหมิงยังไม่มีเวลาหันหน้าออกไปด้านประตูลิฟต์ ลู่จี้หมิงก็ยื่นมือออกไปแล้วกระแทกปุ่มเปิดประตูอย่างแรง

ประตูลิฟต์เปิดออกอีกครั้งด้านหลังหนิงเหมิง

ลู่จี้หมิงกดปุ่มเพื่อเปิดประตูค้างไว้ อาศัยความได้เปรียบจากส่วนสูง เขาปรายตาเหยียดมองไปยังหนิงเหมิงและออกคำสั่งอย่างเย็นชา

“คุณไปขึ้นลิฟต์ข้างๆ”

หนิงเหมิงโพล่งถามออกไปว่า “ทำไม”

คำตอบของลู่จี้หมิงนั้นสมเหตุสมผล “ผมเห็นคุณแล้วหงุดหงิด”

 

เชิงอรรถ

* วิชากรงเล็บกระดูกสีขาว คือวิชาวรยุทธ์ที่ทำลายกระดูกของศัตรูด้วยนิ้วมือทั้งสิบ มีที่มาจากคัมภีร์จิ่วอินเจินจิง คัมภีร์วรยุทธ์ที่ปรากฏในนิยายกำลังภายในเรื่องมังกรหยกของจินยง (กิมย้ง )

 

ติดตามตอนต่อไปวันที่ 19 มิ.. 65  เวลา 12.00 

6 of 6หน้าถัดไป

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in Master of My Own ขอโทษที ฉันไม่ใช่เลขาคุณแล้ว

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 1-2

บทที่ 1 ฮ่องเต้หญิง   “ท่านพี่นำร้อง น้องหญิงคลอรับ ท่านพี่เสียงเพิ่งลับ น้องหญิงสลับขึ้นเวที เป็นมารดาอารี มีบุตรีกตัญญ...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ร้อยเรียงรักเคียงฤทัย บทนำ – 1.2

บทนำ ความหลังของต้าลี่ 1   ฤดูหนาวในรัชศกต้าลี่ปีที่สิบเอ็ด โม่เป่ย ตำบลค่งหม่า สถานที่แห่งนี้คือประตูด่านสำคัญสุดท้ายทา...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 7-8

บทที่ 7 ค่าเดินทาง เมื่อภูตสุนัขดำคืนร่างเป็นสุนัขธรรมดาตัวหนึ่ง ภูตบุปผาสองตนนั้นก็ไม่อาจทำการใหญ่ ต่อให้ชาวหมู่บ้านป่า...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 3-4

บทที่ 3 เกิดใหม่   เวิ้งฟ้าดำสนิทปานน้ำหมึก เพียงมีดวงดาวบางตากระจัดกระจายบนม่านฟ้า ทอรัศมีอ่อนจางประเดี๋ยวเผยประเดี๋ยวเ...

community.jamsai.com