บางครั้งหนิงเหมิงก็สงสัยสัมผัสที่หกของตนเองที่แม่นยำจนน่าขนลุก โดยเฉพาะสัมผัสที่หกกับเรื่องร้ายๆ ที่จะเกิดขึ้น
ผ่านไปสองวัน ขณะที่สัญญาความร่วมมือฉบับร่างวางอยู่บนโต๊ะของหนิงเหมิงนั้น เมื่อเธอรู้สึกว่าเรื่องความร่วมมือในที่สุดมันจะถึงจุดลงตัวแล้ว โทรศัพท์จากประธานอู๋ก็ดังขึ้นอย่างไม่คาดฝัน แล้วโทรศัพท์สายนี้ก็เป็นเครื่องพิสูจน์ถึงลางสังหรณ์ล่วงหน้าและสัมผัสที่หกซึ่งถูกต้องแม่นยำ
ประธานอู๋นัดหนิงเหมิงให้มาเจอกันที่ร้านกาแฟใต้ตึกเพื่อหารือกัน
“โปรเจ็กต์ลงทุนครั้งนี้ยังมีรายละเอียดอีกนิดหน่อย ผมอยากจะยืนยันกับคุณอีกสักนิด”
หนิงเหมิงรีบลงไปข้างล่าง ก่อนจะลุกเธอยังหยิบสัญญาฉบับร่างติดตัวไปด้วย
ต่อมาความจริงก็พิสูจน์ว่าการกระทำของเธอมันมากเกินความจำเป็น
หลังจากทักทายกันง่ายๆ แล้ว ประธานอู๋ก็พูดเปิดอกกับหนิงเหมิงว่า “หนิงเหมิง ตอนนี้ผมกำลังคิดถึงปัญหาหนึ่ง บริษัทมีเดียนี่แทนที่ผมจะเป็นผู้ลงทุนคนเดียวไปเลย ทำไมผมต้องร่วมลงทุนผ่านคุณด้วยล่ะ”
หนิงเหมิงตกตะลึงเป็นเวลาศูนย์จุดศูนย์หนึ่งวินาที ในชั่วพริบตาศูนย์จุดศูนย์หนึ่งวินาทีนี้ เธอเห็นขวากหนามงอกขึ้นบนเส้นทางที่ราบเรียบ
เธอพยายามอย่างเต็มที่ที่จะแจกแจงข้อเท็จจริงด้วยน้ำเสียงที่สุภาพและรอบคอบ
“ประธานอู๋ นี่เป็นเพราะเป้าหมายการลงทุนนี้เป็นโปรเจ็กต์ของฉัน คุณไม่สามารถลงทุนได้ด้วยตัวเอง”
ประธานอู๋ออกเสียงว่า “โอ้?” ออกมา แสดงถึงความสงสัยต่อคำพูดของหนิงเหมิง “นั่นก็ไม่แน่หรอก เพราะคนออกเงินจริงๆ ก็คือผม พวกคุณออกเงินไหม”
ขณะที่พูดการแสดงออกบนใบหน้าของเขามันแสลงตาเธอเหลือเกิน แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าเขามีความรู้สึกเหนือกว่าที่ฝังลึกอยู่ในจิตวิญญาณและมีความสุขที่ได้ดูถูกอีกฝ่ายจากก้นบึ้งของหัวใจ
หนิงเหมิงอดกลั้นอารมณ์ฉุนเฉียว เผยยิ้มออกมาแล้วพูดว่า “ประธานอู๋ ถูกต้องค่ะ คุณลองดูก็ได้ ติดต่อกับผู้รับผิดชอบโปรเจ็กต์นี้โดยตรง สอบถามดูว่าเขาสามารถแบ่งสัดส่วนการลงทุนให้คุณได้ไหม”
หนิงเหมิงมีความเชื่อมั่นต่อคำมั่นสัญญาที่หลิ่วหมิ่นฮุ่ยได้ให้ไว้กับเธอ เธอเชื่อมั่นว่าไม่ว่าใครก็ตามที่ติดต่อสอบถามกับหลิ่วหมิ่นฮุ่ย เขาจะบอกกับคนคนนั้นให้มาติดต่อสอบถามกับเธอโดยตรง
ประธานอู๋อารมณ์สงบลง เขาใช้ฝ่ามือตบหน้าขาที่นั่งไขว่ห้างแล้วพูดว่า “ผมมอบเงินลงทุนให้คุณ แล้วคุณก็จะลงทุนในโปรเจ็กต์นี้ มันไม่เหมือนกับการตัดชุดแต่งงานให้คุณ* เหรอ”
หนิงเหมิงหมดแรงเล็กน้อย เธอรู้สึกว่าถึงแม้ประธานอู๋จะร่ำรวย แต่ความเป็นมืออาชีพของเขาในฐานะนักลงทุนยังคงต้องได้รับการเสริมสร้าง จริงๆ แล้วคำถามที่เขากำลังถามอยู่นี้ ที่จริงหนิงเหมิงได้บอกกับเขาอย่างชัดเจนในระหว่างการติดต่อครั้งแรก และในเวลานั้นเขาแสดงออกอย่างชัดเจนว่ายอมรับโครงสร้างการลงทุนนี้ คิดไม่ถึงว่าใกล้จะถึงเวลาเซ็นสัญญา การยอมรับของเขาก็มีความรู้สึกว่าตัวเองกำลังเสียเปรียบลอยผุดขึ้นมามากมาย
“ประธานอู๋ คุณจะเป็นคนตัดชุดแต่งงานให้ฉันได้อย่างไรกันคะ อันที่จริงแล้วในท้ายที่สุดคุณก็คือผู้ที่ได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนก้อนใหญ่!” หนิงเหมิงอธิบายอีกรอบอย่างอดกลั้น ตอนถอนทุนออกตัวเองก็จะได้ผลตอบแทนจากการลงทุนประมาณร้อยละยี่สิบกับค่าบริหารอีกเพียงน้อยนิดเท่านั้น ผลตอบแทนส่วนใหญ่ประธานอู๋เป็นคนได้รับไป
ประธานอู๋ยังคงแสดงออกว่าไม่ว่าคิดอย่างไรตัวเองก็ยังขาดทุน “พวกคุณก็ยังไม่ได้ออกเงิน แถมยังได้รับผลตอบแทนร้อยละยี่สิบอีกต่างหาก”
หนิงเหมิงยิ้มขมขื่นอย่างจนปัญญา “ประธานอู๋ ไม่ใช่ว่าทางเราไม่ออกเงิน ทางเราออกเงินนะ ที่สำคัญต่อให้ทางเราไม่ออกเงิน แต่โปรเจ็กต์ก็เป็นของเรา! นอกจากนี้ตั้งแต่การพัฒนาโปรเจ็กต์ไปจนถึงการดำเนินการลงทุน การจัดการหลังลงทุน และการถอนคืนในอนาคต ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องที่ทางเราต้องจัดการ นอกจากนี้รูปแบบการดำเนินงานของกิจการหุ้นส่วนจำกัดนี้ไม่ได้ออกแบบมาเพื่อให้ทางเราเอาเปรียบคุณ นี่เป็นรูปแบบที่สมบูรณ์และใช้กันโดยทั่วไปในวงการ เนื่องจากกิจการหุ้นส่วนจำกัดไม่จำเป็นต้องเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล หลังจากแบ่งผลประโยชน์เสร็จแล้วค่อยจ่ายภาษี ดังนั้นใครๆ ก็ใช้วิธีการนี้”
ประธานอู๋ยังคงรู้สึกว่าตนขาดทุนกับการลงทุนครั้งนี้ “แต่ถ้าหากผมลงทุนเองตรงๆ และไม่เป็นแอลพีของพวกคุณ ไม่ว่าผลตอบแทนจะมากหรือน้อยก็เป็นของผมทั้งหมด”
หนิงเหมิงเริ่มรู้สึกว่าพูดไปก็ไม่รู้เรื่องแล้ว ความหมายของประธานอู๋ก็ชัดเจนมาก เขาอยากจะเตะหนิงเหมิงออกไป อยากลงทุนเองโดยตรง หนิงเหมิงรู้สึกว่าพูดมากไปก็ไร้ค่า เธอฉีกยิ้มและมองไปยังประธานอู๋ด้วยสายตาเป็นมิตร
“ประธานอู๋คะ หากคุณต้องการลงทุนเองโดยตรง การดำเนินการนี้มันไม่เป็นผลแน่นอน คุณจะไม่ลองคิดดูอีกครั้งหรือคะ”
ประธานอู๋โบกมือขัดจังหวะหนิงเหมิง “ไม่ถูกละ หนิงเหมิง คุณเองต่างหากน่าจะคิดดูอีกครั้ง”
น้ำเสียงของเขาเหมือนกำลังสั่งสอนลูกน้องในบริษัทก่อนที่ตนจะเกษียณ
หนิงเหมิงไม่ได้ใส่ใจท่าทางการโบกมือที่ไม่ควรของอีกฝ่ายนัก เธอทำท่ายินดีรับฟัง