ประธานอู๋กล่าวว่า “ก่อนหน้านี้คุณบอกผมว่าคุณตั้งใจลงทุนยี่สิบเปอร์เซ็นต์ของทุนในบริษัทภาพยนตร์และโทรทัศน์แห่งนี้ ตอนนี้มันง่ายมากจริงๆ คุณรักษาไว้สิบเปอร์เซ็นต์ แล้วก็คุณใช้รูปแบบจีพีแอลพีอะไรนั่นไปลงทุน ที่เหลืออีกร้อยละสิบเอามาให้ผม ผมลงทุนเอง ผมก็ไม่ปล่อยให้คุณสละส่วนแบ่งสิบเปอร์เซ็นต์นี้โดยเปล่าประโยชน์ ผมทอนให้คุณห้าเปอร์เซ็นต์ของยอดลงทุนรวม ถือเป็นค่าแนะนำโปรเจ็กต์ ผมพูดตามตรงนะ ห้าเปอร์เซ็นต์นี้มันไม่น้อยเกินไปสำหรับคุณใช่ไหม และบริษัทภาพยนตร์และโทรทัศน์ก็มีมากมาย ผมไม่กลัวจะลงทุนไม่ได้ ดังนั้นคุณควรลองคิดดูดีๆ”
ครั้งนี้นับเป็นครั้งแรกตั้งแต่หนิงเหมิงทำโปรเจ็กต์มาที่ต้องเจอกับตัวเองถึงสถานการณ์รับเงินทอน
เธอไม่ทำตัวสูงส่ง แต่ก็ไม่อยากละทิ้งหลักการของตน ห้าเปอร์เซ็นต์ถือว่าเป็นเงินไม่น้อย ตัวเลขมันเย้ายวนไม่น้อยเลย เงินจำนวนนี้สามารถนำกลับไปตกแต่งบ้านให้พ่อแม่ได้เลย
แต่จำนวนเงินที่เย้ายวนนี้ยังไม่สามารถเปลี่ยนแปลงหลักการของเธอได้ เธอยังไม่ยอมแลกความน่าเชื่อถือในอาชีพของตนที่สร้างขึ้นมาด้วยตนเองกับเงินจำนวนน้อยนิดนี้
หลิ่วหมิ่นฮุ่ยเชื่อมั่นในตัวเธออย่างมากถึงขนาดยอมตายเพื่อเธอ เธอไม่อาจจะนำเงินทอนห้าเปอร์เซ็นต์มาตอบแทนความเชื่อมั่นของเขาที่ยอมสละได้แม้เลือดเนื้อของตนที่มีต่อเธอ
อย่างมากก็หานายทุนใหม่ก็สิ้นเรื่อง ไม่มีอะไรแก้ไขไม่ได้หรอก อาจจะต้องใช้เวลาอีกเล็กน้อยในการติดต่อผู้ให้ทุนอีกครั้ง โปรโมตข้อมูลโปรเจ็กต์อีกครั้ง และสร้างความมั่นใจในความร่วมมืออีกครั้ง แต่สิ่งนี้ยังดีกว่าการสูญเสียหลักการและการควบคุมของตนเองไป
นี่คือสิ่งที่หนิงเหมิงพูดกับตัวเองเมื่อเธอขึ้นลิฟต์ไปชั้นบน หนิงเหมิงคาดเดาว่าแผนการร่วมมือนั้นไม่มีโอกาสที่จะแสดงและไม่จำเป็นต้องแสดงให้ประธานอู๋ดู
เช่นนั้นแล้วจะเชิญใครมาทดแทนตำแหน่งแอลพีที่สูญเสียไปดีล่ะ
หนิงเหมิงได้แต่ครุ่นคิดปัญหานี้อยู่ตลอดเวลาตั้งแต่เกิดเรื่องจนถึงเวลาเลิกงานกลับบ้าน
ในหัวของเธอกำลังกลั่นกรองคอนเน็กชั่นที่เธอมีไปทีละคนๆ เมื่อพิจารณาในแวบแรกดูเหมือนว่าจะเหมาะสมกันทุกคน แต่ในไม่ช้าเธอก็พบรายละเอียดที่ไม่เหมาะกับอีกฝ่ายและตัดคนผู้นี้ออกจากตัวเลือก
หนิงเหมิงหลับไปอย่างกระวนกระวายทั้งคืน วันรุ่งขึ้นขณะที่เธอเดินเข้าห้องน้ำแปรงฟันนั้น มือถือที่วางไว้ตรงชั้นวางของก็ดังขึ้นมา
เธอคว้ามือถือขึ้นมามอง ไม่คาดคิดว่าจะเป็นถังเจิ้งวั่ง
หนิงเหมิงหยุดแปรงฟันในทันที กดรับโทรศัพท์ทั้งที่ยังอมแปรงสีฟันอยู่ในปาก
ในสายโทรศัพท์ถังเจิ้งวั่งใช้น้ำเสียงที่ยิ้มแย้มในการเจรจาและสอบถามอย่างมีความคิดอะไรแอบแฝงอยู่
“หนิงเหมิง พูดไปเราสองคนก็รู้จักกันมานาน ผมก็อายุปูนนี้แล้ว ถ้าเปิดปากขออะไรคุณสักหน่อย คุณจะพิจารณาและตกปากรับคำได้ไหม คุณว่าแบบนี้จะเป็นไปได้รึเปล่า คือ…คุณสามารถเพิ่มวงเงินการลงทุนของผมเป็นสองเท่าได้ไหม อย่างไรซะถ้าผมจะลงทุนทั้งที ตอนนี้ผมเงินเหลือก็ไม่รู้จะเอาไปทำอะไร คุณก็ยอมเพิ่มโควตาการลงทุนให้ผมเถอะนะ!”
หนิงเหมิงจ้องมองตัวเองในกระจกอย่างตะลึงงันพร้อมแปรงสีฟันที่อมอยู่ในปาก
โอ้ ไม่คุ้มที่ต้องใต้ตาดำไปเกือบครึ่งหน้าเลย
ดูสิ โชคดีวิ่งมาหล่นใส่หัวซะอย่างงั้น
โครงสร้างการลงทุนของฮุ่ยมีเดียสุดท้ายก็เป็นถังเจิ้งวั่งและประธานหวังเจ้าของอีคอมเมิร์ซ สัดส่วนคือสองต่อหนึ่งในฐานะแอลพีทั้งคู่ บริษัทอิงสืออินเวสเมนต์ลงทุนในฐานะจีพีโดยใช้รูปแบบกิจการหุ้นส่วนจำกัดนำเงินเข้าลงทุนในบริษัทฮุ่ยมีเดีย โดยถือหุ้นในสัดส่วนจำนวนยี่สิบเปอร์เซ็นต์
ด้วยโครงสร้างการลงทุนนี้ต่อไปก็ไม่มีความวุ่นวายอะไรอีก ขั้นตอนต่อไปก็ดำเนินการไปอย่างราบรื่น ก่อนสิ้นปีหนิงเหมิงดำเนินการการลงทุนในบริษัทฮุ่ยมีเดียเสร็จเรียบร้อย
หลังจากดำเนินการการลงทุนเสร็จเรียบร้อย หลิ่วหมิ่นฮุ่ยพาอันจงมาที่บริษัทหนิงเหมิงเพื่อแสดงความขอบคุณ เวลาใกล้เที่ยงแล้วหนิงเหมิงจึงเชิญพวกเขาไปทานมื้อเที่ยงกันที่ชั้นล่างของอาคาร
หลังจากกินอาหารมื้อเที่ยงเสร็จหนิงเหมิงก็ส่งพวกเขาออกจากอาคารสำนักงาน เธอถามพวกเขาว่าจะกลับอย่างไร ขับรถมารึเปล่า
อันจงกลับตอบแบบเศร้าสร้อยว่า “ใครจะกล้าขับมาที่บริษัทที่ตั้งอยู่ในทำเลทองอย่างนี้ล่ะ ถ้าขับมาแล้วจะขับออกไปเราต้องติดค้างอยู่ในวงแหวนที่สองทั้งวัน! ผมน่ะนั่งรถไฟใต้ดินกลับไปเป็นเพื่อนประธานหลิ่วดีกว่า”
หนิงเหมิงยิ้มพร้อมกับเดินไปส่งพวกเขาที่สถานีรถไฟใต้ดิน
ระหว่างทางที่เดินไปยังสถานีหลิ่วหมิ่นฮุ่ยก็เข้ามาถามหนิงเหมิง “คุณยังโสดอยู่รึเปล่า”
หนิงเหมิงตอบอย่างใจกว้าง “ใช่ค่ะ ฉันยังโสดอยู่”
หลิ่วหมิ่นฮุ่ยขยับกล้ามเนื้อหน้าอกที่แข็งแรงของเขาผ่านเสื้อกันหนาวผ้าฝ้ายบางๆ ด้วยใบหน้าที่มีความสุข
“บังเอิญจัง ผมก็ยังโสด! งั้นผมขอจีบคุณตอนนี้เลยได้ไหม ตอนนี้เรื่องลงทุนก็เสร็จสิ้นแล้ว หากผมเริ่มจีบคุณตอนนี้ก็ไม่น่ามีข้อครหาว่าลงทุนเพราะหลงเสน่ห์ผู้ชายแล้วล่ะสิ?”
หนิงเหมิงหัวเราะพรืดออกมา ชายหนุ่มกล้ามโตแสนน่ารัก