ใกล้ปลายปี สำหรับหนิงเหมิงแล้วนอกจากความสำเร็จในการลงทุนกับบริษัทฮุ่ยมีเดียก็ยังมีเรื่องน่ายินดีอีกเรื่องหนึ่ง
ภายใต้การดำเนินงานของทีมนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ของเฉียนเฟย บริษัทจือจือเทคโนโลยีซึ่งเป็นแพลตฟอร์มถ่ายทอดสดทางอินเตอร์เน็ตของอวี๋ต้าอี้ได้รับการจดทะเบียนในเอ็นอีอีคิวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ในวันที่บริษัทจัดพิธีขึ้นป้ายตีระฆัง* เนื่องในโอกาสยื่นจดทะเบียนในเอ็นอีอีคิว อวี๋ต้าอี้ตั้งใจเชิญหนิงเหมิงมาร่วมงานด้วย
อวี๋ต้าอี้กล่าวว่า “บริษัทมาถึงจุดนี้ได้เพราะคุณ ตั้งแต่การทำงานก่อนการลงทุนจนถึงการบริหารจัดการหลังการลงทุน จนถึงการช่วยวางแผนจัดการทรัพยากรองค์รวมในเวลาต่อมา หากไม่มีการทุ่มเทของคุณก็คงไม่มีจือจือเทคโนโลยีในวันนี้ ดังนั้นสักขีพยานในการจดทะเบียนของบริษัทจือจือเทคโนโลยีจะขาดคุณไปไม่ได้!”
หนิงเหมิงหัวใจพองโตเมื่อได้ฟังคำพูดนี้ของอวี๋ต้าอี้ รู้สึกราวกับว่าเลือดกำลังสูบฉีดทั่วร่างกาย แล้วจู่ๆ ก็พบว่าเธอรักอาชีพที่ทำอยู่ตอนนี้จากหัวใจจริงๆ เธอไม่ได้ทำงานเพื่อเลี้ยงชีพไปวันๆ เหมือนตอนที่เป็นเลขาฯ เธอทำงานด้วยหัวใจที่รักในอาชีพนี้
คนเราต้องทำสิ่งที่ตัวเองรักถึงจะได้ ถึงจะยอมเสียสละเพื่อสิ่งนั้น ถึงจะเต็มใจทุ่มเทให้กับงานเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ยิ่งใหญ่
ในฐานะประธานบริษัทอวี๋ต้าอี้กล่าวสุนทรพจน์ ระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์ หลังจากขอบคุณความทุ่มเทและความพยายามของทีมงานของเฉียนเฟยแล้ว เขาก็ตั้งใจกล่าวถึงหนิงเหมิงเพื่อแสดงความขอบคุณอย่างจริงใจต่อเธอโดยเฉพาะ
หนิงเหมิงแทบกลั้นน้ำตากับภาพความประทับใจในเวลานี้ไว้ไม่อยู่
เฉียนเฟยที่ยืนอยู่ข้างๆ หันมายิ้มแล้วยกหัวแม่มือให้เธอ กระซิบเบาๆ ว่า “หนิงเหมิง เจ๋งมาก!”
หลังจากพิธีจดทะเบียนผ่านไปไม่นาน ก่อนวันขึ้นปีใหม่เฉียนเฟยก็มีข่าวดีมาบอกหนิงเหมิง
“มีบริษัทจดทะเบียนหนึ่งสนใจบริษัทจือจือเทคโนโลยี อยากจะขอซื้อกิจการ คุณคิดว่าอย่างไร หลังวันหยุดจะให้มาคุยรายละเอียดไหม”
หนิงเหมิงตอบกลับไปอย่างตื่นเต้นว่า “ได้สิ ขอบคุณประธานเฉียน ลำบากคุณแล้ว!”
ไม่ต้องมากไปกว่านี้ เพียงแค่นี้ก็เพียงพอแล้ว ความคาดหวังและคำขอบคุณล้วนสรุปความอยู่ในคำพูดนี้แล้ว
อีกไม่กี่วันจะถึงวันขึ้นปีใหม่ หนิงเหมิงนับนิ้วไปนับนิ้วมา คิดแล้วคิดอีกว่าในปี 2014 นี้เธอทำอะไรมากมาย หว่านเมล็ดพันธุ์ไว้เป็นจำนวนมาก เหน็ดเหนื่อยมาก แต่ก็รู้สึกว่าเต็มที่ เป็นปีที่เต็มไปด้วยความหวัง หวังว่าจะได้ผลลัพธ์ที่ดีในอนาคต
ในอนาคตผลผลิตจากการที่เธอหว่านเมล็ดพันธุ์จะเป็นผลลัพธ์ที่ตอบแทนความขยันและความเหน็ดเหนื่อยของเธอ
ปี 2014 ยังคงเหลืออีกสองวัน หนิงเหมิงรู้สึกว่าปีนี้คือปีหนึ่งที่เธอก้าวผ่านไปอย่างมีความสุขที่สุด เต็มที่ที่สุด สมบูรณ์ที่สุดปีหนึ่ง
ในคืนส่งท้ายปีเก่าหนิงเหมิงปฏิเสธการเชิญชวนทั้งหมด เธอรู้สึกว่าตัวเองในขณะนี้ไม่ใช่คนที่โดดเดี่ยวเปราะบางเหมือนที่ผ่านมา ผ่านประสบการณ์ที่บ่มเพาะมาทุกรูปแบบเป็นเวลาหนึ่งปี เธอเปลี่ยนแปลงจิตใจตัวเองให้เข้มแข็งขึ้น ไม่รู้สึกเดียวดายอีกแล้ว ในปีนี้เธอไม่ต้องรอให้ใครมาเป็นเพื่อนอยู่ด้วยกันในคืนข้ามปีอีกแล้ว
หนิงเหมิงทำอาหารมื้อค่ำอันแสนสมบูรณ์แบบให้กับตนเอง กับข้าวสี่อย่างข้าวสวยหนึ่งถ้วย กินข้าวหนึ่งคำกับกับข้าวสี่อย่าง ตะเกียบกับปากทำงานอย่างขมีขมัน เธอทานอาหารอย่างมีอรรถรส
หลังจากมื้อค่ำเธอคุยกับพ่อแม่ผ่านวิดีโอคอลล์ คุณแม่หนิงเห็นว่าหนิงเหมิงฉลองปีใหม่คนเดียวก็เป็นห่วง แต่คุณพ่อหนิงกลับรู้สึกอิจฉาลูกสาวที่สามารถฉลองปีใหม่อันแสนสงบเพียงคนเดียว พ่อเองใกล้จะถูกคนขี้บ่นเรียกใช้จนเป็นกรรมกรประจำบ้านไปแล้ว คำพูดประโยคนี้ของคุณพ่อหนิงถูกเปลี่ยนเป็นกำปั้นของคุณแม่หนิงที่ทุบลงมาด้วยความรักไปโดยปริยาย
หนิงเหมิงมองดูพ่อแม่หวานใส่กันผ่านหน้าจอมือถือ มองดูพ่อกับแม่เถียงกันด้วยความรัก เธอก็เกิดอารมณ์คล้อยตามว่านี่คือความสุขที่วิเศษที่สุด
เมื่อคุยกับพ่อแม่เสร็จ หนิงเหมิงก็ติดต่อไปหาโหยวฉี เหอเยวี่ยหลวนพาโหยวฉีไปฉลองวันหยุดที่เมืองไทยแล้ว ขณะต่อสายวิดีโอคอลล์ติดเป็นเวลาที่โหยวฉีกำลังดูการแสดงของนักแสดงเพศที่สาม หนิงเหมิงจึงถือโอกาสนี้ดูการแสดงไปด้วย หลังจากดูการแสดงจบในหัวของเธอมีอยู่คำเดียวก็คือ ’อล่างฉ่าง’
เธอไม่อาจดูต่อไปได้แล้ว ไม่อย่างนั้นเลือดกำเดาอาจจะพุ่งออกมาได้
ในเมื่อเห็นโหยวฉีกับเหอเยวี่ยหลวนสบายดี เธอก็สบายใจแล้ว เธอตะโกนผ่านวิดีโอคอลล์ว่า “สุขสันต์วันปีใหม่!” กับโหยวฉีแล้วสายก็ตัดไป
ผ่านไปสักพักสายจากซูเหวยหรานก็ดังขึ้น ปีนี้เขากลับไปฉลองปีใหม่ที่บ้านเกิด ตอนนี้ไม่ได้อยู่ที่ปักกิ่ง เขาถามหนิงเหมิงว่ากำลังทำอะไรอยู่ กินข้าวหรือยัง กินข้าวคนเดียวหรือกินข้าวกับใคร หนิงเหมิงตอบทุกคำถามอย่างจริงจัง ซูเหวยหรานดูเหมือนดีใจมากที่เขาไม่ได้อยู่ปักกิ่งและเธอก็อยู่ฉลองปีใหม่ข้ามคืนเพียงลำพัง น้ำเสียงเขามีความสุขอย่างไม่ปิดบัง
เขาลองถามเธออย่างนึกสนุกว่ารู้สึกว่าเสียดายสักนิดไหมที่เราไม่ได้เจอหน้ากันตอนข้ามปี