บทที่ 73 ผมกลับมาหาคุณ
หนิงเหมิงแหงนหน้ามองลู่จี้หมิง
ไฟเซ็นเซอร์บนทางเดินบันไดสาดแสงสีเหลืองนวลลงมา บรรยากาศราวกับอบอุ่นขึ้นด้วยแสงนี้ แสงไฟตกกระทบลงบนหัวไหล่ของลู่จี้หมิงทำให้ลายเส้นบนตัวเขาดูอ่อนโยนขึ้นมา
เขานั่งอยู่ตรงนั้น มองลงมาเบื้องล่าง แววตาเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจและความสับสน
แสงเหลืองนวลของดวงไฟและชายหนุ่มที่อยู่ใต้แสงอำพันนี้ที่กำลังมองลงมา ทำให้ช่วงเวลาการเริ่มต้นปีใหม่ถูกย้อมด้วยความรู้สึก
หนิงเหมิงกระแอม เธอยืนอยู่ด้านล่างเปล่งเสียงทักทายคนที่นั่งอยู่ด้านบน
ลู่จี้หมิงเลิกคิ้วถามตรงๆ “ไปเคานต์ดาวน์กับคนเขามาแล้ว?”
หนิงเหมิงคิดทบทวนดู ตัวเองได้ไปร่วมเคานต์ดาวน์กับคนเขาจริงๆ ไปกับคนแปลกหน้ากลุ่มหนึ่ง
ดังนั้นเธอจึงตอบว่า “ใช่”
หางตาลู่จี้หมิงกระตุกแล้วกระตุกอีก ทำเหมือนไม่ใส่ใจแล้วก็เริ่มงานสำรวจสำมะโนประชากร
“ไปกันกี่คนล่ะ สนุกกันไหม”
“หลายคนเลย แถมยังสนุกมากด้วย”
หางตาลู่จี้หมิงกระตุกต่อไปไม่หยุด หนิงเหมิงสงสัยว่าเมื่อคืนเขานอนไม่หลับตลอดคืนเลยหรือเปล่า
ลู่จี้หมิงถามต่ออีกว่า “ไปกับพวกรุ่นพี่ของคุณเหรอ”
เขาแทบจะทำตัวเหมือนพวกปาปารัซซี่ไปแล้ว การก้าวล่วงเรื่องส่วนตัวของคนอื่นได้เริ่มต้นขึ้น
หนิงเหมิงตัดสินใจยุตินิสัยเสียของลู่จี้หมิงที่เอาแต่พูดเรื่องส่วนตัวของคนอื่นไม่หยุด ใช้วิธีการเดียวกันมาถามบ้าง
“ฉลองปีใหม่ทั้งที ทำไมคุณถึงมานั่งอยู่ตรงนี้ล่ะ ไม่ไปอยู่ฉลองกับนางฟ้าของคุณเหรอ”
เธอล้ำเส้นเข้าไปในโลกส่วนตัวของเขาเล็กน้อย อาศัยการล้ำเส้นคนอื่นเพื่อปกป้องโลกส่วนตัวของตัวเอง
แต่ลู่จี้หมิงกลับไม่สนใจ เขาตอบคำถามอย่างเปิดเผยว่า “เธอไม่ค่อยสบาย ยังไม่ถึงสี่ทุ่มก็กินยานอนหลับไปแล้ว”
เขายอมสละเส้นแบ่งความเป็นส่วนตัวของเขาให้คนอื่นรุกเข้าไป แต่หนิงเหมิงไม่รู้ว่าจะพูดอะไรต่อไป
เมื่อคิดได้แล้วเธอก็ถามว่า “เมื่อกี้ทำไมถึงได้โทรมาหาฉันล่ะ”
ลู่จี้หมิงจ้องเขม็งด้วยอาการตกตะลึง “มีเหรอ” จากนั้นเขาก็วกกลับมายังหัวข้อที่ถูกเบี่ยงประเด็นไปก่อนหน้าอย่างดึงดัน “แล้วคุณล่ะ คุณยังไม่ได้บอกเลย กับรุ่นพี่ของคุณเที่ยวกันสนุกไหม”
ลู่จี้หมิงนั่งนิ่งอยู่ตรงนั้น ไม่ร้องไม่ตะโกน ไม่เหวี่ยงไม่วีน เขานั่งนิ่งๆ และถามต่อด้วยท่าทางที่ดึงดันและเชื่อฟังไปด้วย
ผิดไปจากสภาวะปกติของเขาโดยสิ้นเชิง ราวกับว่าเขาเปลี่ยนไปเป็นคนละคน
ราวกับว่าเปลี่ยนไปเป็นอีกคน…
หนิงเหมิงคาดเดาเอาว่าคืนนี้ลู่จี้หมิงดื่มเหล้ามาแน่ๆ เลย
ลู่จี้หมิงที่ดื่มเหล้าไม่เป็นอันตราย หลังจากดื่มเขาจะปล่อยพื้นที่ส่วนตัวออกมาบ้างก็ไม่เป็นไร
หนิงเหมิงตอบเขา “ไม่ได้ไปกับรุ่นพี่ เขาไม่ได้อยู่ที่ปักกิ่ง”
ลู่จี้หมิงเปล่งเสียงโอ้ออกมา ดวงตาเป็นประกาย จากนั้นเขาก็สวมวิญญาณปาปารัซซี่มือสมัครเล่นให้ถึงที่สุด “งั้นก็ไปกับพวกหนุ่มล่ำบึ้กจากบริษัทมีเดียใช่รึเปล่า”
หนิงเหมิงครุ่นคิด คิดว่าลู่จี้หมิงกำลังพูดถึงหลิ่วหมิ่นฮุ่ย
“ก็เปล่านะ”
ลู่จี้หมิงเปล่งเสียงโอ้ออกมาอีกครั้ง เสียงโอ้ที่ออกมาครั้งนี้เหมือนจะอารมณ์ดี
“งั้นก็ดี” คำพูดนี้เขาพูดออกมาเหมือนกับถอนหายใจเบาๆ
หนิงเหมิงฟังไม่ถนัดจึงถามเขา “เมื่อกี้คุณว่าอะไรนะ”
ลู่จี้หมิงยืนยันไปว่า “ไม่ได้พูดอะไรสักหน่อย”
หนิงเหมิงรู้สึกว่าการสนทนานี้เข้าสู่โหมดกระอักกระอ่วน ในเมื่อกระอักกระอ่วนก็น่าจะรีบตัดบทให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว
เธอมุ่งหน้าเดินขึ้นบันไดไปเพื่อกลับเข้าบ้าน ระหว่างก้าวขึ้นบันไดก็ถามไปด้วยว่า “ทำไมคุณมานั่งอยู่นี่ ไม่กลับบ้านกลับช่อง”
“ในห้องเสียงดังเอะอะมากเลย”
หนิงเหมิงก้าวขึ้นไปอีกสองขั้น
โอ้ ใช่ เสียงดังมากจริงๆ ก่อนหน้านี้ที่เธอกำลังลงจากตึกก็ได้ยินเสียงแล้ว เธอคิดว่าน่าจะเหมือนปีที่ผ่านมาที่มีผู้คนกลุ่มหนึ่งเปิดปาร์ตี้ในห้องรับแขกของเขา
ขณะหนิงเหมิงกำลังก้าวขึ้นบันไดก็พูดอีกว่า “ถ้าส่งเสียงดังมากก็ไล่พวกเขาออกไปซะก็หมดเรื่องไม่ใช่เหรอ” ปีที่แล้วก็ไล่ออกไปนี่
ลู่จี้หมิงตอบเสียงเบา “แบบนั้นก็จะเงียบมากน่ะสิ”
หนิงเหมิง “…”
คาดไม่ถึงจริงๆ โลกใบนี้จะมีผู้ชายหาเรื่องงี่เง่าแบบนี้ได้ยังไง